*วิจัยพัฒนารูปแบบการสอน VIP

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน Video-Integration-Project (VIP) สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอน VIP รูปแบบการเรียนการสอนนี้เน้นผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนของนักเรียน ทักษะในการคิดและการทำงาน และการประเมินจุดเด่นและข้อจำกัดของรูปแบบการเรียนการสอนจากกระบวนการอภิปรายกลุ่มของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 ชั่วโมง หัวข้อนิเวศทะเล 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์แบบปรนัยจำนวน 30 ข้อ เรื่อง นิเวศทะเล 3) แบบประเมินตนเองของนักเรียน และ 4) การอภิปรายกลุ่มใน 2 ประเด็น เกี่ยวกับจุดเด่นและข้อจำกัดของรูปแบบการเรียนการสอนแบบ VIP วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยได้สรุปไว้เป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งรายงานรูปแบบการจัดการเรียนการสอน VIP ที่กระตุ้นศักยภาพผู้เรียนให้แสดงออกเชิงพฤติกรรมในการสร้างความรู้โดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Constructionism) ด้วยโปรแกรมตัดต่อวิดีทัศน์ในโครงงาน เรื่อง นิเวศทะเล ส่วนที่สองประมวล 6 องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนแบบ VIP คือ 1) หลักการเรียนการสอน 2) บทบาทของครูผู้สอนในฐานะผู้สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ 3) บทบาทของผู้เรียนในฐานะผู้สร้างสรรค์ชิ้นงานจากประสบการณ์เรียนรู้ที่สร้างขึ้นใหม่ 4) การจัดชั้นเรียน 5) แผนจัดการเรียนรู้แบบ VIP เรื่อง นิเวศทะเล และ 6) ผลการเรียนรู้ ส่วนที่สามสรุปคะแนนผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียนเฉลี่ยร้อยละ 85.94 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สูงกว่าร้อยละ 80 ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ในด้านทักษะการคิด นักเรียนได้ประเมินตนเองในระดับสูง ใน 7 ประเด็นคือ 1) คิดวิเคราะห์ 2) คิดสังเคราะห์ 3) คิดไตร่ตรอง 4) คิดอย่างมีวิจารณญาณ 5) คิดสร้างสรรค์ 6) การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 7) การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ผลการอภิปรายกลุ่มของนักเรียนแสดงให้เห็นทัศนคติในเชิงบวกที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบ VIP และนักเรียนได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อจำกัดของจำนวนคอมพิวเตอร์และประสิทธิภาพในการใช้งาน