Chef Patrick
ภาคภูมิ จิตประไพ : เชฟ Patrick อายุ : 42 ปี
เชฟไทยเชื้อสายจีน ที่มากประสบการณ์และความสามารถ
ด้วยแรงศัทธาในศักยภาพของคน ทำให้เชฟเสาะแสวงหาประสบการณ์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเอง
ด้วยเป้าหมายที่ว่าอยากจะส่งต่อความรู้และพัฒนาบุคลากรทางด้านอาชีพอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ
แต่เส้นทางที่มากด้วยประสบการณ์นี้ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ เกือบทุกก้าว
มีเรื่องราวให้เราใช้เป็นแรงบันดาลใจในการไต่ตามฝัน อย่ารอช้า ใครอยากรู้ ไปฟังเชฟเล่าต่อกันค่ะ...//
การเป็นเชฟที่ดี เราต้องไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว คือต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ทั้งยังต้องเป็นนักฟังที่ดีและทำงานเป็นทีมเสมอ
-------------
To be a good chef you must never stop learning and keep yourselt up to date, Yet be a good listener and always work as a TEAM.
A : เริ่มครั้งแรกก็น่าจะเป็นตอนไปเรียนปริญญาโทครับ ทำงาน support ตัวเอง ทำงานร้านอาหาร ก็เริ่มจากเด็กล้างจานร้านอาหารไทยที่ออสเตรเลีย ก็ด้วยพื้นฐานตอนเด็กๆ คุณแม่กับคุณป้า ทำขนมทำอาหารที่บ้านบ่อยก็ช่วยทำอยู่ทุกสัปดาห์ ก็เลยทำให้เรียนรู้งานได้ค่อนข้างเร็ว และโตเร็วในสายอาชีพนี้ หลังจากนั้นก็ได้รับผิดชอบมากขึ้น ก็ได้เริ่มทำทอด ทำแกง เตรียมของ หั่นเนื้อ หั่นผัก จนได้ขึ้นเป็นเชฟในร้านอาหารเล็กๆ ร้านนึง ตอนนั้นก็ยังถือว่าประสบการณ์ยังน้อย เนื่องจากเป็นเด็กนักเรียนตอนนั้นก็มีคนชวนไปทำงานตรงนี้ ตรงนั้น หลายที่ จนทำให้มีประสบการณ์มากขึ้นพอสมควร จนเรียนจบปริญญาโท ผมก็รู้สึกว่าผมชอบ!! (ในสายอาชีพนี้) มันสนุกดี ท้าทาย ก็เลยคุยกับที่บ้านว่าอยากเปิดร้านอาหาร อยากเรียนต่อสายอาชีพเชฟ จนได้เรียนต่อในสถาบันอาชีวะแห่งนึงของรัฐบาล พร้อมเปิดร้านอาหารร้านนึงครับ ตอนนั้นอายุก็น่าจะประมาณ 26-27 ปีนะครับ ก็ใช้เงินจากการเปิดร้านนั้นแหล่ะครับส่งตัวเองเรียนด้วย จากนั้นก็เริ่มฝึกงาน ด้วยประสบการณ์ทั้งหมดทำให้ผมตัดสินใจเลือกสายการโรงแรม เพราะด้วยค่าตอบแทนที่ค่อนข้างมากกว่า จากนั้นก็ขายต่อธุรกิจ แล้วกลับมาดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ประเทศไทยครับ ซึ่งการกลับมาอยู่เมืองไทย ตอนนั้นปรับตัวยากมาก ทั้งด้านการใช้ชีวิต การพูด การทำงาน และที่สำคัญกับค่าครองชีพ ที่ต่างกันหลายเท่า จนตัดสินใจไปทำงานที่นิวยอร์ก อีกครั้ง ประมาณ 5 ปี ครับ ระหว่างนั้นก็หาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม จนรู้สึกว่าเต็มที่แล้ว ก็เลยกลับมาเมืองไทยครับ จากนั้นก็ได้เข้าทำงานอยู่หลายที่ จนมาถึงปัจจุบันตอนนี้เป็นที่ปรึกษา สาขาการท่องเที่ยว สาขาการโรงแรม และสาขาคหกรรมเชฟอาหารนานาชาติ ที่ SBAC ครับ
A : 1. ต้องมี Passion ครับ ความสนใจความตั้งใจที่จะเรียนสายอาชีพนี้จริงๆ เพราะอาชีพเชฟเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเหนื่อย เพราะต้องใช้ทั้งกายภาพ ความคิดสติปัญญาในการทำงาน จึงจะประสบความสำเร็จได้
2. Open mind รู้จักที่จะเปิดกว้างเสมอ พร้อมที่จะเป็น Learner , Good Listeners , คิดถึงทีม เพราะการเป็นเชฟที่ดีต้องทำงานเป็นทีมจึงจะมีประสิทธิภาพครับ
A : น่าจะเป็นความใส่ใจครับและก็ความละเอียดในการทำงาน ผมมองว่ามันเป็นจุดสำคัญในการที่เราจะทำอะไรให้ออกมาดี ก็คงเหมือนกับวิชาชีพอื่น ๆ นั้นแหล่ะครับ แต่หากพูดถึงในการเป็นเชฟ การปรุงอาหารแค่ระยะเวลาหรืออุณหภูมิที่แตกต่าง หรือกรรมวิธีที่ต่างกัน ก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับ อาหารได้พอสมควร
A : ตอนนี้ก็ถือว่าพอใจนะครับ ผมยังได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาและยังได้ส่งต่อความรู้อีก เพราะความตั้งใจของผมคือการได้พัฒนาบุคลากรทางอาชีพอุตสาหกรรม ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ส่งต่อความรู้ครับ
A : น่าจะเป็นความตั้งใจครับ หากสนใจในวิชาชีพนี้จริง ๆ และคิดว่าจะใช้วิชาชีพนี้ในการประกอบอาชีพหาเลี้ยงตน ก็ขอให้ทำมันให้เต็มที่ ทั้งความคิด การวางแผนและการปฏิบัติ ถ้าเราตั้งใจทำอย่างเต็มที่แล้วด้วยศักยภาพของคน จะทำให้งานประสบผลสำเร็จได้ครับ แต่จะมากหรือน้อยน่าจะขึ้นอยู่กับต้นทุนด้วย ถ้าตั้งใจ ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ เรารู้น้อยแต่รู้จักศึกษามากกว่าคนอื่นเค้า เชื่อว่าเรียนทันและก็สามารถพัฒนากันได้ครับ
By ภาคภูมิ จิตประไพ : เชฟ Patrick
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ จะเห็นได้ว่าทุก Column ที่นำมานั้น บนเส้นทางแห่งความสำเร็จอาจจะแตกต่างกัน แต่หากสังเกตุทุกเส้น ล้วนเริ่มจากความรัก และความเพียร หากถามใจตัวเองแล้วว่าอาชีพนี้แหล่ะใช่ ฉันมีความสุขกับสิ่งนี้ ก็เริ่มนับหนึ่งกันได้แล้วนะคะ เค้าว่ากันว่าเริ่มต้นไวไม่เหนื่อยค่ะ
ขอบคุณประสบการณ์ดี ๆ จากเชฟ Patrick ในวันนี้ ซึมซับและเรียนรู้ในสิ่งที่ดีเอาไปปฏิบัติ พบกันใหม่ Columnหน้า สัปดาห์นี้ขอบคุณ และสวัสดีค่ะ...//