Chef B Wish
วชิรวิชญ์ ก้องภพจิรพัฒน์ : เชฟ B wish : อายุ 27 ปี
เชฟหนุ่มผู้หลงใหล คลั่งไคล้ในการทำขนมหวาน เชี่ยวชาญทางด้าน fondant เป็นพิเศษ
ด้วยทัศนคติชอบเรียนรู้ชีวิตจริงมากกว่าในห้องเรียน เค้าจึงออกแสวงหาความรู้ด้วยแรงขับเคลื่อนบางอย่างที่เค้าเรียกว่า “แรงทะเยอทะยาน” และกว่าจะประสบความสำเร็จนั้น
เส้นทางสายเชฟ ของเชฟ B wish จะเป็นอย่างไรไปฟังกันค่ะ
“ If this world doesn't have the word ‘barrier’, humans will not recognize another word called ‘effort’. ”
ถ้าโลกนี้ไม่มีคำว่าอุปสรรค มนุษย์ก็จะไม่รู้จักอีกคำที่เรียกว่า “ความพยายาม”
column นี้ เรามาเอาใจชาวสาย Bakery กันค่ะ หากพูดถึงสายนี้นึกถึงอะไรกันบ้าง สำหรับดิฉันนึกถึงเค้กค่ะ เพราะเค้กเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความสุขของเทศกาลต่าง ๆ และในวันนี้เราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เชฟ Chef B.Wish เชฟหนุ่ม อายุ 27 ปี เจ้าของร้าน SHUGAA ร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ขนมหวานชื่อดัง ที่มีLifestyle ในการรังสรรค์เมนูขนมหวานที่ไม่เหมือนใครเค้าเริ่มต้นเส้นทางสายเชฟได้อย่างไร เราไปฟังกันค่ะ
A : อาชีพคืออาชีพครับ สิ่งที่เรารักเท่านั้นที่จะทำให้เราอยู่กับมันได้นานที่สุด ผมชื่นชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับการกิน ผมชอบทำขนมหวาน
ที่บ้านผมขายของ คุณยายของผมเป็นคนอยุธยา ด้วยความที่คุณยายเป็นคนกรุงเก่าจึงมีสูตรขนมโบราณมากมายที่เราไม่ค่อยได้เห็นและได้รู้จักกันครับ ผมช่วยคุณยายทำและก็ได้เรียนรู้การทำขนมจากคุณยายนี้แหล่ะครับ จนเมื่อผมอายุ 5-6 ขวบ ผมเริ่มสนใจการทำขนมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเค้ก เค้กวันเกิด มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข เราจะรู้สึกแฮ็ปปี้ทุกครั้งที่ได้รับมัน ผมเลยคิดว่า อยากทำเป็น ทำให้คนอื่นทานคงมีความสุข และช่วง ประถมศึกษาปีที่ 4 - 5 ผมเริ่มเรียนรู้การทำขนมเค้ก ขนมไทย หลากหลายสไตล์ขึ้น และตอนนั้นคุณลุงของผมที่เป็นเชฟอยู่ออสเตรียกรุงเวียนนา บินกลับมาประเทศไทยพอดี ผมจึงถือโอกาสนั้นเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเค้กมูส ซึ่งตอนนั้นผมได้ใช้ศาสตร์ทางด้านขนมไทยของคุณยายและศาสตร์ของคุณลุงมาผสมผสานกันครับ ต่อจากนั้นผมก็ไปต่างประเทศครับไปอยู่นิวซีแลนด์กับเชฟคนนึง ช่วงเวลานั้นแหล่ะครับที่ผมได้เรียนรู้ แนวความคิด วิธีคิด และการดำเนินชีวิตของเชฟแต่ละคนแต่ละรูปแบบ ผมชอบเรียนรู้มนุษย์จากชีวิตจริงมากกว่าในห้องเรียนครับ จนคุณแม่ของผมไม่สบายผมจึงกลับมาอยู่ประเทศไทย พอกลับมาผมก็มีความคิดอยากจะต่อยอดความรักและความฝันด้วยการเรียนคอร์สทำขนมอย่างจริงจัง จนมาเปิดธุรกิจ ร้าน SHUGAA ครับ
A : ผมได้เรียนรู้สิ่งนึง แรงทะเยอทะยาน หรือจะเรียกอีกอย่างว่า อีโก้ ก็ได้ ผมคิดว่ามันเป็นแรงขับเคลื่อนของคน บางครั้งเราต้องใช้มันเพื่อที่จะไปข้างหน้า และมันออกแบบความสำเร็จของชีวิตที่แตกต่างกันในแต่ละคนด้วยครับ
A : 1. อดทนครับ การทำครัวเป็นอาชีพที่หนัก ต้องใช้ความรับผิดชอบมาก เปรียบเสมือนงานกรรมกรงานนึงก็ว่าได้ บางครั้งเราต้องอดทนทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆ อดทนในการรอโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
2. รักในสิ่งที่ทำ ลำพังแค่อยากเป็นเชฟอย่างเดียวไม่พอ เราต้องถามตัวเองด้วยว่าอยากเป็นเชฟประเภทไหน เพราะแต่ละประเภทใช้ความถนัดไม่เหมือนกัน
A : การเป็นเชฟไม่ได้ใช้แค่ฝีมือ แต่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม และสติปัญญา สิ่งสำคัญไม่ใช่การไปถึง แต่สิ่งสำคัญคือการดำรงรักษาไว้
A : ขยายธุรกิจไปหลาย ๆ ที่ และเมื่อผมทำสำเร็จ ผมอยากจะให้โอกาสคนอื่นเหมือนโอกาสที่ผมได้รับครับ
A : ชีวิตคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าต้องการอะไร “ มองความฝันให้ใหญ่ ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่เข้าไว้ แล้วใช้ความพยายามไปให้ถึง ” ครับ
... By Chef B.Wish
เป็นยังไงบ้างคะ..!! กับเส้นทางสาย bekery ของเชฟ B. Wish หวังว่าน้อง ๆ หรือใครที่ได้อ่าน จะได้รับความรู้ แง่คิด และแรงบันดาลใจดี ๆ นำไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการก้าวเดินตามความฝันในเส้นทางสายอาชีพต่างๆ ที่ตนรักนะคะ
ขอบคุณเชฟ B.Wish ที่ให้เกียรติสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ในวันนี้ แล้วกลับมาพบกับ column “เส้นทางสายเชฟ” ได้ใหม่ ในวันพุธทุกสัปดาห์นะคะ...//