ผลการเรียนรู้
ปฏิบัติการสร้างเฟรมและฟอร์มเพื่อบันทึกข้อมูลบนเว็บเพจได้
จุดประสงค์
- อธิบายคำสั่งและวิธีการสร้างเฟรมได้
- เขียนเว็บเพจเพื่อสร้างเฟรมได้
- อธิบายคำสั่งและการสร้างฟอร์มเพื่อกรอกข้อมูลบนเว็บเพจได้
- ปฏิบัติการสร้างฟอร์มเพื่อกรอกข้อมูลบนเว็บเพจแบบต่าง ๆ ได้
การสร้างเฟรม
การสร้างเฟรม เป็นการแบ่งจอภาพออกเป็นส่วน ๆ สามารถนำพื้นที่ทั้งหมดของจอภาพ มาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพราะการใช้เฟรม จะมีการเรียกไฟล์ HTML ขึ้นมาพร้อม ๆ กันหลายไฟล์ทำให้ประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล ดังนั้น
เฟรม คือ ส่วนของเว็บเพจที่ถูกแบ่งโดยในแต่ละเฟรมสามารถแสดงไฟล์ HTML หรือเว็บเพจที่แตกต่างกันได้ การแสดงข้อมูลในเฟรมนั้นถ้าข้อมูลที่อยู่ในเฟรมมีจำนวนมากแต่เฟรมมี ขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด บราวเซอร์จะสร้างแถบเลื่อนให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนดูข้อมูลที่เหลือได้
1. คำสั่งในการสร้างเฟรม
การแบ่งหน้าเว็บเพจออกเป็นเฟรมถ้าต้องการแสดงในแนวนอน จะใช้แอตทริบิวต์ ROWS ของ <FRAMESET> กำหนดและถ้าต้องการแบ่งในแนวตั้ง จะใช้แอตทริบิวต์ COLS ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FRAMESET
แอตทริบิวต์ ROWS, COLS
รูปแบบ <frameset cols=อัตราส่วนการแบ่งพื้นที่ rows=อัตราส่วนการแบ่งพื้นที่>
การกำหนดให้แสดงข้อมูลในแต่ละเฟรม</frameset>
ตัวอย่าง <frameset cols=50,*><frame>................</frameset>
การแบ่งหน้าเว็บเพจออกเป็นเฟรม จำนวน 2 เฟรม สามารถทำได้ดังนี้
<html>
<head><title> การสร้างเฟรม 3</title>
</head>
<frameset rows=50,*>
<frame>....................
</frameset>
</html>
จากตัวอย่างแสดงว่า เฟรมที่ 1 มีพื้นที่ในการแสดง 50 พิกเซล ส่วนเฟรมที่ 2 จะแสดงเท่ากับพื้นที่ของหน้าจอที่เหลือจากเฟรมที่ 1
2. การแสดงเว็บเพจในเฟรม
หลังจากที่ใช้คำสั่งในการแบ่งหน้าจอออกเป็นเฟรมแล้วต่อไปคือการแสดงข้อมูลในเฟรมที่ถูกแบ่งออกในแต่ละเฟรมได้ ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FRAME
แอตทริบิวต์ SRC
รูปแบบ <frame src=ชื่อไฟล์เว็บเพจที่จะแสดง</frame>
ตัวอย่าง <frame src=exam1.html></frame>
การแสดงหน้าเว็บเพจในเฟรม สามารถทำได้ดังนี้
<html>
<head><title> การสร้างเฟรม</title>
</head>
<frameset rows=50,*>
<frame src=menu.html>
<frame src=exam1.html>
</frameset >
</html>
3. การแบ่งพื้นที่ออกเป็นเฟรมทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการแบ่งเฟรมออกเป็น 3 เฟรมทั้งแนวตั้ง (คอลัมน์) และแนวนอน (แถว) ทำได้ดังนี้
<html>
<head><title> การสร้างเฟรม</title></head>
<frameset rows=50,*>
<frame src=head.html>
<frameset cols=25,*>
<frame src=menu.html>
<frame src=exam2.html>
</frameset >
</frameset >
</html>
จากตัวอย่างแสดงว่า เฟรมที่ 1 เป็นเฟรมแนวนอน (แถว) มีพื้นที่ในการแสดง 50 พิกเซล ส่วนเฟรมที่ 2 เป็นเฟรมแนวตั้ง (คอลัมน์) มีพื้นที่แสดงผล 25 พิกเซล และ เฟรมที่ 3 เป็นเฟรมแนวตั้งจะแสดงเท่ากับพื้นที่ของหน้าจอที่เหลือจากเฟรมที่ 2
4. การแบ่งพื้นที่ของเฟรมออกเป็นเฟรม
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการแบ่งเฟรมออกเป็น 4 เฟรมทั้งแนวตั้ง(คอลัมน์) และแนวนอน (แถว) ทำได้ดังนี้
<html>
<head><title> การสร้างเฟรม</title></head>
<frameset rows=50,*>
<frame src=head.html>
<frameset cols=25%,60%,*>
<frame src=menu.html>
<frame src=exam1.html>
<frame src=exam2.html>
</frameset >
</frameset >
</html>
5. การกำหนดคุณสมบัติของเฟรมไม่แสดงเส้นขอบ
การสร้างเฟรมปกติเฟรมจะแสดงเส้นขอบให้เห็นชัดเจนในแต่ละเฟรม แต่เพื่อความสวยงามเราสามารถกำหนดให้เส้นขอบเฟรมไม่แสดงได้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ FRAMEBORDER
รูปแบบ <frameset frameborder=yes หรือ no </frameset>
ตัวอย่าง <frameset frameborder=no></frameset>
การสร้างเฟรมไม่แสดงเส้นขอบ สามารถทำได้ดังนี้
<html>
<head><title> การสร้างเฟรม</title></head>
<frameset rows=50,* frameborder=no>
<frame src=menu.html>
<frameset cols=25%,60%,*>
<frame src=menu.html>
<frame src=exam1.html>
<frame src=exam2.html>
</frameset >
</frameset >
</html>
6. การปรับขนาดขอบเฟรม
จากตัวอย่างที่ผ่านมาจะไม่แสดงเส้นขอบเฟรม แต่เราสามารถกำหนดขนาดขอบเฟรมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ด้วยแอตทริบิวต์ BORDER ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ BORDER
รูปแบบ <FRAMESET BORDER=ค่าพิกเซล</FRAMESET>
ตัวอย่าง <frameset border=8></frameset>
การสร้างเฟรม โดยแสดงเส้นขอบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถทำได้ดังนี้
<frameset rows=50,* border=8>
<frame src=menu.html>
<frameset cols=25%,60%,*>
<frame src=menu.html>
<frame src=exam1.html>
<frame src=exam2.html>
</frameset >
</frameset >
7. การเปลี่ยนสีขอบเฟรม
นอกจากการกำหนดขนาดของเส้นขอบได้ เรายังสามารถเปลี่ยนสีของเส้นขอบได้ด้วย แอตทริบิวต์ BORDERCOLOR ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ BORDERCOLOR
รูปแบบ <frameset bordercolor=ชื่อสีหรือค่าสี</frameset>
ตัวอย่าง <frameset bordercolor=black></frameset>
การสร้างเฟรม โดยแสดงเปลี่ยนสีของเส้นขอบ สามารถทำได้ดังนี้
<frameset rows=50,* frameborder=yes bordercolor=black>
<frame src=menu.html>
</frameset >
8. การป้องกันไม่ให้ปรับขนาดของเฟรม
การป้องกันไม่ให้ปรับขนาดของเฟรม เพราะผู้สร้างเว็บต้องการให้เว็บที่ออกแบบไว้ มีหน้าตาเหมือนเดิมด้วยการเพิ่มคำว่า NORESIZE เข้าไปในแท็กเปิดของ <FRAME> ดังนี้
<frameset rows=50,* >
<frame src=menu.html noresize>
</frameset >
9. การควบคุมแถบเลื่อนไม่ให้ปรากฏ
การสร้างเว็บเพจเมื่อมีข้อมูลมาก ๆ แถบเลื่อนจะปรากฏขึ้นมาเองอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนดูข้อมูลได้ แต่ในบางครั้งเราอาจไม่ต้องการให้ปรากฏแถบเลื่อน สามารถกำหนดได้ด้วย แอตทริบิวต์ SCROLLING ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SCROLLING
รูปแบบ <frame scrolling=yes หรือ no</frame>
ตัวอย่าง <frame scrolling=no></frame>
การควบคุมไม่ให้เว็บแสดงแถบเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<frameset rows=50,*>
<frame src=menu.html noresize scrolling=no>
</frameset >
10. การตั้งชื่อเฟรม
การตั้งชื่อเฟรมเราสามารถตั้งชื่ออะไรก็ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ NAME
รูปแบบ <frame name=ชื่อเฟรม</frame>
ตัวอย่าง <frame name=data1></frame>
การควบคุมไม่ให้เว็บแสดงแถบเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<frameset rows=50,*>
<frame src=exam1.html>
<frame src=exam2.html name= data1>
</frameset >
11. การสั่งให้บราวเซอร์เปิดเว็บเพจในเฟรมที่ต้องการ
เราสามารถกำหนดให้บราวเซอร์เปิดเว็บเพจปลายทางในเฟรมอื่นได้ด้วยแอตทริบิวต์ TARGET ของแท็ก <A>
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ TARGET
รูปแบบ <a target=ชื่อที่อ้างถึงตำแหน่งที่ต้องการ</A>
ตัวอย่าง <a target=data1></a>
การเปิดเว็บเพจในเฟรมที่ต้องการ สามารถทำได้ดังนี้
<a href= exam1.html target= data1>คลิกเพื่อทำแบบฝึกหัด</a>
การเปิดเว็บเพจปลายทางในหน้าต่างใหม่ สามารถทำได้ดังนี้
<a href= exam1.html target= _blank>คลิกเพื่อทำแบบฝึกหัด</a>
การสร้างฟอร์ม
แบบฟอร์ม คือ ส่วนที่ผู้พัฒนาเว็บเพจสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บเพจกรอกข้อมูล เมื่อผู้สร้างต้องการข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ ซึ่งรูปแบบการรับข้อมูลจากผู้ใช้มีหลากหลายเช่นเดียวกับแบบฟอร์มในรูปแบบของกระดาษที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
1. การสร้างช่องรับข้อความ Text
ช่องรับข้อมูลแบบ text จะมีลักษณะเป็นช่องรับข้อมูลแบบบรรทัดเดียว โดยที่ผู้ใช้สามารถพิมพ์ตัวอักษรเข้าไปได้ไม่จำกัด
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FORM
รูปแบบ <form>ช่องรับข้อมูลประเภทต่าง ๆ</form>
ตัวอย่าง <form><input.......................></form>
เมื่อกำหนดเขตของแบบฟอร์มแล้ว ก็สามารถสร้างช่องรับข้อมูลแบบที่ต้องการโดยใช้ INPUT ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก INPUT
แอตทริบิวต์ TYPE
รูปแบบ <input type=ชนิดของช่องรับข้อมูล>
ตัวอย่าง <input type=text>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Text สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<form><input type=text></form>
</body>
2. การปรับขนาดของช่องรับข้อมูล
ขนาดของช่องรับข้อมูล เราสามารถปรับขนาดให้ใหญ่หรือเล็กได้ ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SIZE
รูปแบบ <input size=ขนาด>
ตัวอย่าง <input size=9>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Text และปรับขนาดช่องรับ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<form><input type=text size=9></form>
</body>
3. การกำหนดขนาดของข้อมูล
หลังจากที่เรากำหนดขนาดของช่องรับข้อมูลได้แล้ว เรายังสามารถกำหนดขนาดของข้อมูลได้ด้วย
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ MAXLENGTH
รูปแบบ <input maxlength=ขนาด>
ตัวอย่าง <input maxlength=8>
การกำหนดขนาดของข้อมูล สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<form><input type=text maxlength=8></form>
</body>
4. การแสดงข้อความหน้าช่องรับข้อมูล
การแสดงข้อความหน้าช่องรับข้อมูลด้วยการใช้ <LABEL> ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก LABEL
รูปแบบ <label>ข้อความที่ต้องการแสดงหน้าช่องรับข้อมูล</label>
ตัวอย่าง <label>Username : <input ..............></label>
การแสดงข้อความหน้าช่องรับข้อมูล สามารถทำได้ดังนี้
<form>
<label>Username : <input type=text maxlength=8></lable>
</form>
5. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Password
การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Password จะใช้รูปแบบเหมือนข้อมูลประเภท Text เพียงแต่เปลี่ยนคำว่า Text เป็น Password แทนก็ใช้ได้
<form>
<label>username : <input type=text axlength=8></lable><br>
password : <input type=passwrod>
</form>
6. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภทปุ่ม
ข้อมูลที่ส่งเข้าไปทางปุ่มรับข้อมูล คือสัญลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่งจากผู้ใช้งานซึ่งได้แก่ สัญลักษณ์ที่ผู้ใช้ได้กรอกข้อมูลที่ต้องการเสร็จสิ้นแล้ว การสร้างปุ่มในฟอร์มสามารถสร้างได้ 4 ชนิด คือ
1. ปุ่ม Submit
2. ปุ่ม Image
3. ปุ่ม Reset
4. ปุ่ม Button
6.1 การสร้างปุ่ม Submit
ปุ่ม Submit มีไว้เพื่อส่งสัญญาณให้บราวเซอร์รับทราบว่าได้กรอกแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีผลให้บราวเซอร์ส่งข้อมูลไปให้สคริปต์ที่ผู้สร้างแบบฟอร์มได้กำหนดไว้
<form>
........................
<input type =submit>
</form>
การเปลี่ยนชื่อที่ปรากฏของปุ่ม Submit โดยปกติปุ่ม Submit ที่สร้างจะมีชื่อ Submit Query แต่เพื่อช่วยให้คนใช้งานฟอร์มใช้งานได้ง่ายขึ้น ควรเปลี่ยนชื่อปุ่มดังกล่าวด้วยแอตทริบิวต์ VALUE ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ VALUE
รูปแบบ <input type=submit value=ชื่อที่ต้องการใช้แทน>
ตัวอย่าง <input type=submit value=คลิกเพื่อล็อกอิน>
การเปลี่ยนชื่อปุ่ม Submit สามารถทำได้ดังนี้
<form>
…………………………………..
<input type=submit value=คลิกเพื่อล็อกอิน>
</form>
6.2 การสร้างปุ่ม Image
ปุ่ม Image เป็นการนำภาพมาทำเป็นปุ่มเพื่อความสวยงามแทนการใช้ปุ่ม Submit ซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะการทำงานยังคงเหมือนปุ่ม Submit โดยการกำหนดค่าของแอตทริบิวต์ TYPE และเพิ่มแอตทริบิวต์ SRC
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SRC
รูปแบบ <input type=image src=ชื่อไฟล์รูปภาพ>
ตัวอย่าง <input type=image src=goin.gif>
การเปลี่ยนปุ่ม Submit แทนด้วยรูปภาพสามารถทำได้ดังนี้
<form>
............................................
<input type= image src= goin.gif>
</form>
6.3 การสร้างปุ่ม Reset
ปุ่ม Reset สร้างขึ้นมาเพื่อลบข้อมูลที่ได้ทำการกรอกเข้าไปในฟอร์มแล้ว แต่อาจมีข้อมูลผิดพลาด การลบทีละตัวอักษรอาจเสียเวลา ปุ่ม Reset จะอำนวยความสะดวกให้ลบได้เร็วขึ้น โดยกำหนดค่าให้แอตทริบิวต์ TYPE เป็น RESET ดังนี้
<form>
...........................................
<input type=submit><input type=reset>
</form>
6.4 การสร้างปุ่ม Button
ปุ่มนี้ไม่มีผลให้บราวเซอร์ทำงานใด ๆ เลย การสร้างปุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การสร้างปุ่มย้อนกลับ โดยอาศัยความสามารถของภาษาสคริปต์
รูปแบบการใช้งาน
รูปแบบ <input type=button value=ชื่อที่ปรากฏบนปุ่ม>
ตัวอย่าง <input type=button value=back>
การสร้างปุ่ม Button สามารถทำได้ดังนี้
<form>
<input type=button value=back onclick=history.go(-1)>
คลิกเพื่อย้อนกลับ...
</form>
7. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท File
ช่องรับข้อมูลประเภทนี้จะประกอบด้วยช่องรับข้อมูลประเภท Text กับปุ่ม Browse… ปรากฏอยู่ร่วมกัน ข้อมูลประเภทนี้สามารถเลือกได้ 2 วิธี คือ การพิมพ์ชื่อไฟล์ลงไปในช่องโดยตรงหรืออาจเลือกไฟล์โดยการคลิกที่ปุ่ม Browse…
การสร้างช่องรับข้อมูลทำได้โดยการกำหนดให้แอตทริบิวต์ Type ของ <Input> มีค่าเป็น File ดังนี้
<form>
<input type=file size=50>
</form>
8. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Radio
ปุ่ม Radio เป็นปุ่มที่เราได้กำหนดทางเลือกไว้ให้ผู้ใช้แล้วโดยผู้ใช้ต้องเลือกตัวใด ตัวหนึ่งจากที่เราได้เตรียมไว้ให้แล้วดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
รูปแบบ <input type=radio name=ชื่อกลุ่ม>
ตัวอย่าง <input type=radio name=gender checked>
<input type=radio name=gender>
การสร้างปุ่ม Radio สามารถทำได้ดังนี้
<form>
เพศ : <input type=radio name=gemder clicked>ชาย
<input type=radio name=gemder>หญิง
</form>
9. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Checkbox
Checkbox เหมาะสำหรับข้อมูลที่ผู้สร้างได้กำหนดตัวเลือกไว้ให้จำนวนหนึ่งแล้ว เพื่อให้ผู้ใช้เลือกตามตัวเลือก ซึ่งเลือกได้มากกว่า 1 ตัวเลือก การสร้างตัวเลือกของ Checkbox สร้างขึ้นมาด้วย <INPUT> ดังนี้
<form>
งานอดิเรก : <br>
<input type=checkbox> อ่านหนังสือ
<input type=checkbox> ฟังเพลง
<input type=checkbox> เล่นกีฬา
<input type=checkbox> ท่องอินเทอร์เน็ต
<input type=checkbox> งานฝีมือ
</form>
10. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Text area
ช่องรับข้อมูลประเภท Text area มีประโยชน์เหมือนกับช่องรับข้อมูลประเภท Text เพียงแต่สามารถรับข้อมูลได้หลายบรรทัด ในขณะที่ช่องรับข้อมูลแบบ Text รับข้อมูลได้เพียงบรรทัดเดียว
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก TEXTAREA
รูปแบบ <textarea></textarea>
ตัวอย่าง <textarea></textarea>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Textarea สามารถทำได้ดังนี้
<form>
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม: <textarea></textarea>
</form>
11. การปรับขนาดของช่องรับข้อมูล
เราสามารถปรับขนาดของช่องรับข้อมูลประเภท Textarea ได้โดยใช้แอตทริบิวต์ COLS และ ROWS ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ COLS, ROWS
รูปแบบ <textarea cols=จำนวนตัวอักษรต่อแถว rows=จำนวนแถว></textarea>
ตัวอย่าง <textarea cols=50 row=4></textarea>
การปรับขนาดของช่องรับข้อมูล สามารถทำได้ดังนี้
<form>
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม:
<textarea cols=50 rows=5></textarea>
</form>
การควบคุมไม่ให้ตัดคำขึ้นบรรทัดใหม่ ใช้แอตทริบิวต์ WRAP ดังนี้
<form>
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม:
<textarea cols=50 rows=5 wrap=off> </textarea>
</form>
12. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท Drop down list
ช่องรับข้อมูลประเภท Drop down list จะมีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมมีข้อมูลที่ผู้สร้างจัดทำไว้ และมีปุ่มลูกศรลงทางด้านขวาของช่อง มีไว้สำหรับให้ผู้ใช้เลือกข้อมูลที่ต้องการ การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Drop down list ทำได้ด้วยการใช้ <SELECT> ร่วมกับ <OPTION> โดย <OPTION> แต่ละแท็กจะแทนทางเลือกแต่ละตัว
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก SELECT
รูปแบบ <select><option>ตัวเลือกแรก<option>ตัวเลือกที่ 2<option>ตัวเลือกที่ 3... </select>
ตัวอย่าง <select><option>ประถมศึกษา<option>มัธยมศึกษา<option>ปริญญาตรี...</select>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Drop down list สามารถทำได้ดังนี้
<form>
วุฒิการศึกษา :
<select>
<option>ประถมศึกษา
<option>มัธยมศึกษา
<option>ปริญญาตรี
<option>ปริญญาโท
<option>สูงกว่าปริญญาโท
</select>
</form>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Drop down list ปกติแล้วข้อมูลตัวแรกจะถูกเลือกแสดงไว้ในช่องเสมอ หากต้องการแสดงตัวเลือกอื่นแทนตัวแรกเราสามารถกำหนดได้ โดยใช้ แอตทริบิวต์ SELECTED ดังนี้
<form>
วุฒิการศึกษา :
<select>
………………
<option selected>ปริญญาตรี
<option>ปริญญาโท
<option>สูงกว่าปริญญาโท
</select>
</form>
การแบ่งกลุ่มตัวเลือก
บางครั้งตัวเลือกอาจมีมากจนทำให้ผู้ใช้สับสนได้ ดังนั้นเราควรแบ่งกลุ่มตัวเลือกด้วย <OPTGROUP> ให้ง่ายต่อการหาตัวเลือกที่ต้องการ โดยเราจะใช้ <OPTGROUP> จัดกลุ่มตัวเลือกที่กำหนดด้วย <OPTION> ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก OPTGROUP
แอตทริบิวต์ LABEL
รูปแบบ <optgroup label=ชื่อกลุ่ม><option>ตัวเลือกแรก <option>ตัวเลือกที่ 2
<option>ตัวเลือกที่ 3...</optgroup>
ตัวอย่าง <optgroup label=ผลไม้เมืองร้อน><option>กล้วย<option>มังคุด<option>ลำไย...
</optgroup>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ Drop down list และแบ่งกลุ่มตัวเลือก สามารถทำได้ดังนี้
<form>
ผลไม้ที่ชอบ :
<select>
<optgroup label=ผลไม้เมืองร้อน>
<option>กล้วย
<option>มังคุด
</optgroup>
<optgroup label=ผลไม้เมืองหนาว>
<option>แอปเปิ้ล
<option>กีวี
</optgroup>
</select>
</form>
13. การสร้างช่องรับข้อมูลประเภท List box
ลักษณะของ List box จะเป็นช่องมีหลายบรรทัดภายในช่องจะมีตัวเลือกที่เตรียมไว้ให้ผู้ใช้เลือกแล้วตัวเลือกละหนึ่งบรรทัด ถ้าตัวเลือกมีมากกว่าจำนวนบรรทัด จะปรากฏแถบเลื่อนให้ผู้ใช้เลื่อนดูตัวเลือกได้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SIZE
รูปแบบ <select size=จำนวนแถว><option>ตัวเลือกแรก <option>ตัวเลือกที่ 2
<option>ตัวเลือกที่ 3... </select>
ตัวอย่าง <select size=3><option>กล้วย<option>มังคุด<option>ลำไย...</select>
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ List box สามารถทำได้ดังนี้
<form>
<select size=3>
<option>กล้วย
<option>มังคุด
<option>แอปเปิ้ล
<option>กีวี
</select>
</form>
การเลือกตัวเลือกได้หลายตัวพร้อมกัน
การสร้างช่องรับข้อมูลแบบ List box สามารถเลือกตัวเลือกได้ทีละ 1 ตัวเท่านั้น แต่ถ้าต้องการให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้หลายตัวเลือกพร้อมกัน ให้ใช้แอตทริบิวต์ MULTIPLE ดังนี้
<form>
<select size=3 multiple>
<option>กล้วย
<option>มังคุด
<option>แอปเปิ้ล
<option>กีวี
</select>
</form>
14. การแบ่งส่วนของแบบฟอร์ม
เพื่อความสวยงามและดูเป็นสัดส่วนของแต่ละแบบฟอร์ม เราสามารถแบ่งแบบฟอร์มออกเป็นส่วน ๆ ได้ด้วย <FIELDSET> ซึ่งจะมีผลให้เกิดกรอบสี่เหลี่ยมรอบช่องรับข้อมูลที่อยู่ระหว่าง <FIELDSET>… </FIELDSET>
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FIELDSET
รูปแบบ <fieldset>ข้อมูลในกรอบ</fieldset>
ตัวอย่าง <fieldset>username : <input type=text>.......... </fieldset>
การแบ่งฟอร์มออกเป็นส่วน ๆ สามารถทำได้ดังนี้
<form>
<fieldset>
Username : <Input type=text><br>fieldset>
<fieldset>
เพศ : <input type=radio name=gender Checked>ชาย
<input type=radio name=gender>หญิง <br>
งานอดิเรกของคุณ:<br>
<input type=checkbox>อ่านหนังสือ
<input type=checkbox>ฟังเพลง
<input type=checkbox>จัดสวน
<input type=checkbox>ท่องอินเตอร์เน็ต<br>
แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม : <textarea cols=50 rows=4>
</textarea>
</fieldset>
<input type=submit value=คลิกเพื่อล็อกอิน>
<input type=reset value=ลบข้อมูลทั้งหมด>
</form>
15. การตั้งชื่อกรอบ
หลังจากที่ได้แบ่งส่วนของฟอร์มออกเป็นส่วน ๆ จะมีกรอบเกิดขึ้นเพื่อแบ่งส่วนของฟอร์มให้แยกจากกัน เมื่อส่วนของฟอร์มนั้นมากขึ้น เราสามารถตั้งชื่อกรอบได้ด้วยแท็ก <LEGEND> ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก LEGEND
รูปแบบ <legend>ชื่อกรอบ</legend>
ตัวอย่าง <legend>ชื่อข้อมูลสำหรับล็อกอิน</legend>
การตั้งชื่อกรอบ สามารถทำได้ดังนี้
<form>
<fieldset><legend>ข้อมูลสำหรับล็อกอิน</legend>
…………………………………………………………….
</fieldset>
<fieldset>
<fieldset><legend>ข้อมูลส่วนตัว</legend>
…………………………………………………………….
</fieldset>
</form>