ผลการเรียนรู้
เข้าใจและปฏิบัติการเขียนเว็บเพจ การจัดตัวอักษรและตกแต่งข้อความได้
จุดประสงค์
- อธิบายการจัดตัวอักษรและตกแต่งข้อความได้
- ปฏิบัติการเขียนเว็บเพจ การจัดตัวอักษรและตกแต่งข้อความได้
วิธีการตกแต่งตัวอักษรและข้อความ
1. การกำหนดความหนา
การปรับแต่งตัวอักษรให้มีลักษณะต่างไปจากปกติ โดยที่เราเป็นคนกำหนดเองว่าต้องการให้ตัวอักษรมีลักษณะใดเพิ่มเติมขึ้นมานั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ วิธีแรกที่ใช้กันมากที่สุดคือ การกำหนดให้ตัวอักษรมีความหนามากว่าปกติ สามารถทำได้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก B
รูปแบบ <b>ตัวอักษรที่ต้องการเพิ่มความหนา</b>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติมีค่าเท่ากับ 3 <b>หลังจากแท็ก b ตัวอักษรหนาขึ้น</b>
การนำไปใช้
การกำหนดให้ตัวอักษรเพิ่มความหนา สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความที่ต้องการให้เพิ่มความหนา <b> ต้องแสดงกลางแท็ก b เสมอ</b>
</body>
2. กำหนดตัวอักษรเอียง
การกำหนดให้ข้อความบนหน้าเว็บเพจ แสดงผลเป็นตัวอักษรตัวเอียง (Italic) เพื่อต้องการเน้นข้อความในประโยคนั้นให้เด่นชัดขึ้น สามารถทำได้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก I
รูปแบบ <i>ตัวอักษรที่ต้องการเอียง</i>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติ <i> หลังจากแท็ก i ตัวอักษรจะเอียง</i>
การนำไปใช้
การกำหนดให้ตัวอักษรเอียง สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความที่ต้องการให้เอียง <i> ต้องแสดงกลางแท็ก I เสมอ</i>
</body>
3. การขีดเส้นใต้ตัวอักษร
เราสามารถเน้นข้อความ หรือกำหนดหัวข้อให้เด่นได้ด้วยการขีดเส้นใต้โดยใช้ <u> ซึ่งรูปแบบการใช้งาน <u> เป็นดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก U
รูปแบบ <u>ตัวอักษรที่ต้องการขีดเส้นใต้</u>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติ <u>หลังจากแท็ก U จะขีดเส้นใต้ตัวอักษร</u>
การนำไปใช้
การกำหนดให้ตัวอักษรที่ต้องการขีดเส้นใต้ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความที่ต้องการให้ขีดเส้นใต้ <u> ต้องแสดงกลางแท็ก U เสมอ</u>
</body>
4. การขีดเส้นพาดกลางข้อความ
ในการพิมพ์เอกสารโดยทั่วไปมีการขัดเส้นกลางพาดข้อความ เพื่อเป็นการเน้นข้อความอีกวิธีหนึ่ง ในการเขียนเว็บเพจก็สามารถเน้นข้อความในลักษณะเช่นนี้ได้ไม่ยาก โดยใช้แท็ก <s> มีรูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก S
รูปแบบ <s>ตัวอักษรที่ต้องการขีดเส้นพาดกลาง</s>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติ <s>หลังจากแท็ก S จะขีดเส้นพาดกลางตัวอักษร</s>
การนำไปใช้
การกำหนดให้ตัวอักษรที่ต้องการขีดเส้นใต้ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความที่ต้องการให้ขีดเส้นพาดกลาง <s> ต้องแสดงกลางแท็ก S เสมอ</s>
</body>
5. การเพิ่มขนาดตัวอักษร
การเพิ่มขนาดตัวอักษรให้ใหญ่กว่าปกติเป็นการเพิ่มจุดเด่นให้กับข้อความให้เด่นยิ่งขึ้น รูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก BIG
รูปแบบ <big>ตัวอักษรที่ต้องการเพิ่มขนาด</big>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติ <big> หลังจากแท็ก BIG ขนาดเพิ่มหนึ่งระดับ</big>
การนำไปใช้
การเพิ่มขนาดตัวอักษรให้ใหญ่กว่าปกติ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความปกติ <big> ข้อความที่ต้องการให้ใหญ่กว่าปกติ</big>
</body>
6. การลดขนาดตัวอักษร
ตัวอักษรขนาดเล็กลงกว่าปกติ มีไว้สำหรับจัดรูปแบบตัวอักษรหรือข้อความบางอย่างให้ดูเหมาะสมมากขึ้น รูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก SMALL
รูปแบบ <small>ตัวอักษรที่ต้องการลดขนาด</small>
ตัวอย่าง ตัวอักษรปกติ <small>ตัวอักษรลดขนาดหนึ่งระดับ</small>
การนำไปใช้
การเพิ่มขนาดตัวอักษรให้ใหญ่กว่าปกติ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความปกติ <small>ข้อความที่ต้องการให้ลดขนาดหนึ่งระดับ</small>
</body>
7. การปรับขนาดตัวอักษร
ขนาดของตัวอักษรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่ผู้เขียนเว็บต้องการได้หลายขนาด ซึ่งเราสามารถกำหนดขนาดเข้าไปโดยตรง และกำหนดขนาดโดยเปรียบเทียบกับขนาดของตัวอักษรปกติ มีรูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FONT
แอตทริบิวต์ SIZE
รูปแบบ <font size= 1>ค่าตัวเลขปรับขนาดตัวอักษรได้ตั้งแต่ 1-7 </FONT>
ตัวอย่าง <font size= 5>สวัสดี</font>
<font size = +2>รักเอย</font>
<font size = -1>อุ้มรัก</font>
การนำไปใช้
การปรับขนาดตัวอักษร สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อความปกติ <font size=4>ข้อความที่ต้องการปรับขนาดใหม่</font>
</body>
ค่าที่กำหนดให้ขนาดตัวอักษรกำหนดได้ตั้งแต่ 1 – 7 หรือเพิ่มและลดขนาดเปรียบเทียบจากปกติโดยใช้ + หรือ - เพื่อให้มากกว่าหรือน้อยกว่าขนาดตัวอักษรที่แสดงในขณะนั้น
8. การเลือกรูปแบบให้ตัวอักษรบางกลุ่ม
เมื่อเราต้องการให้บราวเซอร์ใช้ฟอนต์ที่เรากำหนดแทนฟอนต์ที่ผู้ใช้งานเว็บเพจกำหนดไว้ในบราวเซอร์ เราสารถใช้แอตทริบิวต์ Face ของ <font> ได้โดยมีรูปแบบดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FONT
แอตทริบิวต์ FACE
รูปแบบ < font face = ชื่อฟอนต์>ตัวอักษร</font>
ตัวอย่าง < font face = FreesiaUPC>กลุ่มข้อความ</font>
< font face = CordiaUPC>กลุ่มข้อความ</font>
การนำไปใช้
การเลือกรูปแบบให้กับตัวอักษร สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<font face= CordiaUPC>ข้อความที่ต้องการกำหนดรูปแบบตัวอักษรใหม่</font>
</body>
9. การกำหนดรูปแบบตัวอักษรเหมือนกันทั้งหน้าเว็บ
จากวิธีการกำหนดชนิดของรูปแบบตัวอักษรที่ผ่านมา เราได้กำหนดเฉพาะตัวอักษรบางตัวที่อยู่ระหว่าง<font>…</font> เท่านั้น ถ้าเราต้องการกำหนดให้ตัวอักษรทั้งหน้าเว็บเพจใช้รูปแบบอักษรชนิดเดียวกัน ถึงแม้ว่าเราจะสามารถทำได้ด้วย <font> แต่จะไม่สะดวกสบายเท่ากับการกำหนดด้วย <basefont> ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก BASEFONT
รูปแบบ <basefont face= ชื่อฟอนต์>ตัวอักษร</font>
ตัวอย่าง <basefont font = FreesiaUPC>กลุ่มข้อความ</font>
<basefont font = CordiaUPC>กลุ่มข้อความ</font>
การนำไปใช้
การเลือกรูปแบบให้กับตัวอักษรทั้งหมดบนหน้าเว็บ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<Basefont face=CordiaUPC>ข้อความที่ต้องการกำหนดรูปแบบตัวอักษร....</font>
</body>
รูปแบบการใช้งาน <basefont> ปกติแล้วจะไม่มีการใช้แท็กปิด </basefont> ซึ่งถ้ามีการใช้แท็กปิดจะทำให้ตัวอักษรที่อยู่ระหว่าง </basefont> เท่านั้นที่เปลี่ยนไปตามที่กำหนดไว้
นอกจากการใช้งาน <basefont> เพื่อกำหนดชนิดของฟอนต์แล้ว เรายังสามารถใช้กำหนดขนาด หรือกำหนดสีของตัวอักษรได้ด้วย เช่น <Basefont size= 5>
10. การกำหนดสีให้ตัวอักษรบางกลุ่ม
นอกจากแอตทริบิวต์ face และแอตทริบิวต์ size ของ <font> ที่ใช้สำหรับกำหนดชนิดของรูปแบบตัวอักษรและขนาดให้กับตัวอักษรแล้ว ยังมีแอตทริบิวต์ color ที่ใช้กำหนดสีให้กับตัวอักษรเพื่อให้มีสีสันตามต้องการได้ โดยมีรูปแบบการใช้งานดังต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก FONT
แอตทริบิวต์ COLOR
รูปแบบ <font color = ชื่อสีหรือค่าของสี>ตัวอักษร</font>
ตัวอย่าง <font color = Red>กลุ่มข้อความที่ต้องการเปลี่ยนสี</font>
<font color = #FF7700>กลุ่มข้อความที่ต้องการเปลี่ยนสี</font>
การนำไปใช้
การกำหนดสีให้กับตัวอักษรบางกลุ่ม สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<font color=red> ข้อความที่ต้องการเปลี่ยนสีตัวอักษรโดยเปลี่ยนเป็นสีแดง</font>
<font color=#ff7700>ข้อความที่ต้องการเปลี่ยนสีตัวอักษรโดยกำหนดเป็นค่าของสี</font>
</body>
11. กำหนดสีให้ตัวอักษรทั้งหน้า
นอกจากเราจะใช้ <basefont> กำหนดสีตัวอักษรทั้งหน้าเว็บเพจให้มีสีเดียวกันได้เช่นเดียวกับที่เราสามารถกำหนดรูปแบบตัวอักษรทั้งหน้าเว็บเพจใช้ฟอนต์และขนาดเท่ากันได้ทั้งหมดด้วย <basefont> แล้ว เรายังสามารถกำหนดสีให้กับตัวอักษรทั้งหน้าด้วยแอตทริบิวต์ text ของ <body> ได้อีกด้วย รูปแบบดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก BODY
แอตทริบิวต์ TEXT
รูปแบบ <body text= ชื่อสีหรือค่าของสี>กลุ่มตัวอักษรหรือข้อความ</body>
ตัวอย่าง <body text = ”Purple”>กลุ่มข้อความ</body>
<body text = ”#7F007F”>กลุ่มข้อความ</body>
การนำไปใช้
การกำหนดสีให้กับตัวอักษรทั้งหน้า สามารถทำได้ดังนี้
<body text=purple> หรือ <body text=#7f007f>
ข้อความที่ทั้งหมดที่ต้องการกำหนดสีให้ตัวอักษร ......
</body>
ถ้าต้องการให้สีปกติของตัวอักษรเป็นสีอื่นที่ไม่ใช้สีดำและต้องการให้ตัวอักษรบางกลุ่มมีสีแตกต่างออกไปอีก ก็ให้กำหนดสีปกติของตัวอักษรในหน้าเว็บเพจนั้นด้วยแอตทริบิวต์ text ของ <body> ส่วนกลุ่มตัวอักษรที่ต้องการให้มีสีแตกต่างออกไปก็ให้กำหนดด้วย <font> อีกครั้ง เทคนิคนี้ยังใช้ได้กับการกำหนดฟอนต์ให้กับตัวอักษรอีกด้วย
12. การขีดฆ่าตัวอักษร
ส่วนใหญ่เราจะเห็นการขีดฆ่าตัวอักษรในเว็บที่มีการขายสินค้า โดยขีดฆ่าตัวเลขของราคาสินค้าที่ไม่ต้องการขายแล้วแสดงราคาของสินค้าที่นำเสนอขายตัวใหม่แทนมีรูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก STRIKE
รูปแบบ <STRIKE>ตัวอักษร</STRIKE>
ตัวอย่าง ราคา <strike>550.00 บาท</strike> เราไม่ขาย
การนำไปใช้
การขีดฆ่าตัวอักษรที่ไม่ต้องการ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ราคา <strike>550.00</strike>บาท เหลือเพียง 500.00 บาท เท่านั้น
</body>
การจัดลำดับข้อความและอักษรพิเศษ
1. การแสดงลำดับข้อความหรือรายการ
รายการที่มีลำดับแตกต่างจากรายการที่ไม่มีลำดับตรงที่สัญลักษณ์ข้างหน้ารายการ ซึ่งปรากฏเป็นตัวเลข ตั้งแต่ลำดับที่ 1 เป็นต้นไป วิธีการกำหนดรายการแบบนี้ ทำได้ด้วยแท็ก <ol></ol> ย่อมาจาก Ordered List มีรูปแบบการใช้ดังต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก OL
รูปแบบ <ol><li>รายการที่ 1<li>รายการที่ 2 <li>รายการที่ 3 ... </ol>
ตัวอย่าง <ol><li>1<li>I,i<li>A,a<li></ol>
การนำไปใช้
การแสดงลำดับรายการหน้าข้อความ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ค่าที่สามารถกำหนดให้แอตทริบิวต์ type ได้มีดังนี้
<ol>
<li>1. การเงิน<li>I. การงาน<li>i.โชคลาภ<li>A.วาสนา<li>a.บุญญา
</ol>
</body>
การกำหนดแอตทริบิวต์ type มีดังนี้
Type = ชนิดของการแสดงผลแบบรายการ
I, i = เป็นการแสดงผลแบบโรมัน
A, a = เป็นการแสดงผลแบบภาษาอังกฤษ
1 = เป็นการแสดงผลลำดับรายการปกติ (Default)
start = การเริ่มของค่าการแสดงรายการ (สามารถกำหนดค่าเริ่มต้นได้)
value = การกำหนดค่าเฉพาะแต่ละค่าของการแสดงรายการ
1.1 การเปลี่ยนสัญลักษณ์หน้ารายการที่มีลำดับ
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ TYPE
รูปแบบ <ol type = a หรือ A หรือ i หรือ I ><li>รายการที่ 1
<li>รายการที่ 2 <li>รายการที่ 3 ... </ol>
ตัวอย่าง <ol type = a><li>รายการที่ 1<li>รายการที่ 2<li>รายการที่ 3
</ol>
การนำไปใช้
การแสดงสัญลักษณ์หน้ารายการที่มีลำดับ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการแสดงผลแบบรายการ
<ol type = a>
<li>a<li>A<li>i<li>O
</ol>
</body>
1.2 ปรับรายการให้เริ่มต้นด้วยลำดับที่ต้องการ
บางครั้งการแสดงรายการที่มีลำดับ อาจมีเนื้อหาอื่นคั่นระหว่างแต่ละรายการ ซึ่ง ทำให้ไม่สามารถแสดงลำดับรายการที่ต่อเนื่องกันได้ แต่เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยแอตทริบิวต์ start ของ <ol> ซึ่งมีรูปแบบดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ START
รูปแบบ <ol start = ตัวเลขที่ต้องการเริ่มต้น><li>รายการที่ 1
<li>รายการที่ 2 <li>รายการที่ 3 ... </ol>
ตัวอย่าง <ol start = 3><li>ตื่นนอน<li>อาบน้ำ<li>แต่งตัว
<li>ไปโรงเรียน </ol>
การนำไปใช้
การปรับรายการให้เริ่มต้นด้วยลำดับที่ต้องการ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
จงบอกลำดับการปฏิบัติตนก่อนไปโรงเรียน
<ol><li>ตื่นนอน
<li>อาบน้ำ
<li>รับประทานอาหารเช้า
</ol>
หลังจากอาบน้ำเสร็จข้าพเจ้าไม่รับประทานอาหาร
<ol start=4>
<li>แต่งตัว
<li>ไปโรงเรียน
</ol>
</body>
2. การแสดงผลรายการแบบไม่มีลำดับ
ข้อมูลแบบรายการอาจถูกกำหนดให้แสดงโดยมีสัญลักษณ์ปรากฏอยู่ข้างหน้าแต่ละรายการ (bullet) ซึ่งปกติเมื่อใช้ (ul) โดยไม่ปรับแต่งใด ๆ เราจะเห็นสัญลักษณ์รูปวงกลมแบบทึบรูปแบบการใช้งาน (ul) เป็นดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก UL
รูปแบบ <ul><li>รายการที่ 1<ul>รายการที่ 2 <ul>
รายการที่ 3 ... </ul>
ตัวอย่าง <ul><li>disc<li>square<li>circle</ul>
การนำไปใช้
การกำหนดให้แสดงสัญลักษณ์หน้าลำดับรายการ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ค่าที่สามารถกำหนดให้แอตทริบิวต์ type ได้มีดังนี้
<ul> <li>disc
<li>square
<li>circle
</ul>
</body>
2.1 เปลี่ยนสัญลักษณ์หน้ารายการที่ไม่มีลำดับ
สำหรับสัญลักษณ์ที่ปรากฏข้างหน้ารายการ เราสามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่ต้องการได้โดย อาจกำหนดให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบทึบ หรือวงกลมแบบโปร่งก็ได้ โดยใช้ แอตทริบิวต์ type ของ <ul> ในการกำหนดสัญลักษณ์ข้างหน้ารายการ ดั้งนี้
2.1.1 กำหนดให้ แอตทริบิวต์ type มีค่าเป็น circle
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ TYPE
รูปแบบ <ul type=circle><li>รายการที่ 1<li>รายการที่ 2 <li>รายการที่ 3 ... </ul>
ตัวอย่าง <ul type=circle><li>disc<li>square<li>circle</ul>
การนำไปใช้
การกำหนดให้แสดงสัญลักษณ์หน้าลำดับรายการเป็นแบบ circle สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ค่าที่สามารถกำหนดให้แอตทริบิวต์ type ได้มีดังนี้
<ul type=circle> <li>disc
<li>square
<li>circle </ul>
</body>
2.1.2 กำหนดให้ แอตทริบิวต์ type มีค่าเป็น square
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ TYPE
รูปแบบ <ul type=sauare><li>รายการที่ 1<li>รายการที่ 2 <li>รายการที่ 3 ... </ul>
ตัวอย่าง <ul type=square><li>disc<li>square<li>circle</ul>
การนำไปใช้
การกำหนดให้แสดงสัญลักษณ์หน้าลำดับรายการเป็นแบบ square สามารถทำได้ดังนี้
<body>
ค่าที่สามารถกำหนดให้แอตทริบิวต์ type ได้มีดังนี้
<ul type=square> <li>disc
<li>square
<li>circle </ul>
</body>
3. การแสดงตัวอักษรพิเศษ
สำหรับตัวอักษรบางอย่างที่ไม่สามารถพิมพ์เข้าไปในเว็บเพจได้โดยตรงด้วยการกดปุ่มคีย์บอร์ด เช่น เครื่องหมาย @ หรือ ! จะมีวิธีในการทำให้ปรากฏบนหน้าต่างเว็บเพจได้ เหมือนตัวอักษรปกติดังนี้
3.1 กำหนดตัวอักษรพิเศษด้วยชื่อตัวอักษร
วิธีง่ายที่สุดในการกำหนดให้ปรากฏตัวอักษรพิเศษ คือ ใช้ชื่อของตัวอักษรที่ต้องการซึ่งมีรูปแบบการใช้ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก &ชื่อของตัวอักษรที่ต้องการ;
รูปแบบ ©
ตัวอย่าง © 2023
การนำไปใช้
การแสดงตัวอักษรพิเศษ copyright สามารถทำได้ดังนี้
<body>
Copyright©2023
</body>
3.2 กำหนดตัวอักษรพิเศษด้วยรหัสตัวอักษร
นอกจากการกำหนดให้ปรากฏตัวอักษรพิเศษด้วยการใช้ชื่อแล้ว เรายังสามารถกำหนดด้วยรหัสของตัวอักษรได้อีกด้วย โดยมีรูปแบบเป็นการพิมพ์เครื่องหมาย & ตามด้วยเครื่องหมาย # และรหัสของตัวอักษร สุดท้ายให้ปิดด้วยเครื่องหมาย ; ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก &#รหัสตัวอักษรที่ต้องการ;
รูปแบบ ©
ตัวอย่าง © 2023
การนำไปใช้
การแสดงตัวอักษรพิเศษ copyright สามารถทำได้ดังนี้
<body>
Copyright© 2008
</body>
4. การทำอักษรให้เป็นตัวยก
การกำหนดระดับของตัวอักษรให้อยู่เหนือกว่าระดับปกติในบรรทัดเดียวกัน โดยใช้แท็ก <sub> ซึ่งจะมีผลทำให้ตัวอักษรปรากฏเป็นตัวยก ลักษณะเช่นนี้มักจะใช้เมื่อต้องการแสดงสูตรทางคณิตศาสตร์ เช่น ตัวเลขยกกำลัง การใช้ <sub> มีรูปแบบดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก SUB
รูปแบบ ข้อความ<SUB>ตัวอักษรที่ต้องการให้ยก</SUB>
ตัวอย่าง 10<sub>4</sub> = 1000
การนำไปใช้
การแสดงตัวยกสูงกว่าปกติ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
100100<sub>2</sub>
</body>
เรายังสามารถกำหนดลักษณะตัวยก (และตัวห้อย)ให้กับข้อมูลรูปแบบอื่นๆ ได้ เช่น รูปภาพ ซึ่งผลที่ได้จะทำให้ระดับของรูปภาพสูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าปกติ แต่จะสังเกตได้ไม่ชัดเจนเท่าตัวอักษร
5. การทำอักษรให้เป็นตัวห้อย
ลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะตัวยกก็คือ ลักษณะตัวห้อย ซึ่งเรากำหนดได้ด้วยการใช้ <sup> ดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก SUP
รูปแบบ ข้อความ<SUP>ตัวอักษรที่ต้องการให้ห้อย</SUP>
ตัวอย่าง H<sup>2</sup>O
การนำไปใช้
การแสดงตัวห้อยต่ำกว่าปกติ สามารถทำได้ดังนี้
<body>
H<sup>2</sup>O
</body>
6. การทำให้ข้อความเลื่อน
การทำให้ข้อความเลื่อนได้ เป็นการตกแต่งข้อความเพื่อให้ดูโดดเด่น เป็นที่น่าประทับใจของผู้พบเห็น ข้อความที่เลื่อนเองได้เกิดจากการกำหนดด้วย <marquee> โดยจะมีผลกับบราวเซอร์ทุกตัว
เมื่อไม่ได้กำหนดแอตทริบิวต์ใด ๆ ให้กับ <marquee> ข้อความจะเลื่อนจากด้านขวาสุด ไปยังด้านซ้ายสุดของพื้นที่แสดงผล โดยพื้นที่ในการเลื่อนจะมีความกว้างเท่ากับพื้นที่แสดงผลของเว็บเพจ ส่วนความสูงจะขึ้นอยู่กับขนาดของข้อความว่ามีกี่บรรทัด
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก MARQUEE
รูปแบบ <marquee> ข้อความที่ต้องการให้เลื่อน</marquee >
ตัวอย่าง <marquee>โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน</marquee>
การนำไปใช้
การแสดงข้อความหรือตัวอักษรเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<marquee>โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็ก ๆ ก็ไม่ซุกซน</marquee>
</body>
6.1 การปรับความเร็วของตัวอักษรเลื่อน
การกำหนดความเร็วให้กับตัวอักษรที่เลื่อน ใช้แอตทริบิวต์ scrolldelay ในรูปแบบต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SCROLLDELAY
รูปแบบ <marquee scrolldelay=ค่าของมิลลิวินาที> ข้อความที่ต้องการให้เลื่อน</marquee>
ตัวอย่าง <marquee scrolldelay =1000>โรงเรียนของเราน่าอยู่คุณครูใจดีทุกคน</marquee>
การนำไปใช้
การกำหนดความเร็วข้อความหรือตัวอักษรเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<marquee scrolldelay=1000>โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็ก ๆ ก็ไม่ซุกซนพวกเรา
ทุกคนชอบมาโรงเรียน</marquee>
</body>
6.2 การปรับทิศทางตัวอักษรเลื่อน
การปรับทิศทางให้กับตัวอักษรที่เลื่อน ใช้แอตทริบิวต์ direction ในรูปแบบต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ DIRECTION
รูปแบบ <marquee direction = ทิศทาง เช่น left, right, up, down>ข้อความที่ต้องการให้เลื่อน
</marquee>
ตัวอย่าง <marquee direction=up>โรงเรียนของเราน่าอยู่คุณครูใจดีทุกคน</marquee>
การนำไปใช้
การกำหนดความเร็วข้อความหรือตัวอักษรเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<marquee direction=up>โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็ก ๆ ก็ไม่ซุกซน
พวกเราทุกคนชอบมาโรงเรียน</marquee>
<marquee scrolldelay = 2000 direction = up> ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน </marquee>
</body>
การกำหนดให้แอตทริบิวต์ direction นั้น ค่าที่สามารถกำหนดได้คือ left, right, up, down และ ถ้าต้องการกำหนดความเร็วในการเลื่อนเป็น 1 นาที โดยให้เลื่อนจากด้านล่างขึ้นไปยังด้านบนให้ทำดังนี้
1. กำหนดความเร็วเป็น 1000 มิลลิวินาทีซึ่งก็เท่ากับ 1 นาทีนั่นเอง
2. กำหนดทิศทางขึ้นโดยกำหนดค่าให้แอตทริบิวต์ direction เป็น up
นอกจากเราจะกำหนดความเร็วและทิศทางการเลื่อนของตัวอักษรได้แล้ว เรายังสามารถกำหนดความกว้าง ความสูงและสีพื้นหลังของพื้นที่ในการเลื่อนได้ด้วยแอตทริบิวต์ width, height และ bgcolor ตามลำดับ
การกำหนดความกว้าง ความสูงและสีพื้นของตัวอักษรเลื่อน สามารถทำได้ดังนี้
<body>
<marquee direction=up>โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็ก ๆ ก็ไม่ซุกซนพวกเราทุกคนชอบมา
โรงเรียน</marquee>
<marquee scrolldelay = 2000 direction = up width= 500 height =50
bgcolor=violet>ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือน</marquee>
</body>