ผลการเรียนรู้
อธิบายความหมายของเว็บเพจและโครงสร้างภาษา HTML และการกำหนดค่าเบื้องต้นของเว็บเพจได้
จุดประสงค์
- บอกความหมาย และกฎของการเขียนเว็บเพจที่ดี
- อธิบายข้อควรคำนึงของการเขียนเว็บเพจ
- บอกเครื่องมือและภาษาของการเว็บเพจ
- อธิบายโครงสร้างภาษา HTML ได้
ปัจจุบันวิวัฒนาการของเครือข่ายคอมพิวเตอร์เจริญไปมาก อินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลก ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ สามารถส่งผ่านไปถึงผู้ใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงกัน เป็นการก้าวสู่ยุคโลกาภิวัฒน์อย่างแท้จริง และการเจริญเติมโตอย่างรวดเร็วของอินเทอร์เน็ตนี้เอง ทำให้มีการสร้าง การพัฒนาและการประยุกต์ใช้งานแบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยในขณะนี้เทคโนโลยี WWW (World Wide Web เครือข่ายใยแมงมุมโลก) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Web เข้ามามีบทบาทที่สำคัญมากบนอินเทอร์เน็ต
เว็บเพจ หมายถึง เอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ ที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ เสียง หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้ในการสื่อสาร เอกสารไฮเปอร์เท็กซ์โดยทั่วไปเขียนขึ้นและวางไว้ในตำแหน่งที่อยู่ (Address) ขององค์กรหรือของหน่วยงาน หรืออยู่ในส่วนของที่เก็บข้อมูลเฉพาะบุคคลและยอมให้ผู้อื่นเข้ามาเปิดดูได้เราจึงเรียกเอกสารนี้ว่า “เว็บเพจ” (Web Page)
เนื่องจากเอกสารเหล่านี้เปรียบเสมือนบ้านของผู้ต้องการเผยแพร่ข่าวสาร เจ้าของบ้าน จึงต้องตกแต่งให้บ้านของตัวเองสวยงาม น่าดู และเป็นศิลปะ เพื่อดึงดูดความสนใจให้มาเยี่ยมชม ปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยในการสร้างเว็บเพจ จำพวก HTML Editor ทำให้สร้างเว็บเพจได้ง่าย และ ยังมีโปรแกรมช่วยสร้างภาพ ตกแต่งสีสันหรือการสร้างลวดลายศิลปะต่าง ๆ ทำให้เอกสารเว็บเพจ เป็นเอกสารที่น่าสนใจ และสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นโดยทั่วไป
การออกแบบเว็บเพจที่ดีย่อมหมายถึง การสำเสนองานได้น่าสนใจ การเขียนเว็บเพจจึงนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ ย่อมชักนำให้เกิดความรู้สึกอยากอ่านไม่เบื่อหน่ายง่าย ซึ่งสามารถสรุป กฎของการออกแบบเว็บเพจที่ดีได้ 4 กฎ ดังนี้
กฎข้อที่ 1 ความแปลกแตกต่าง
เน้นความแปลก หลีกเลี่ยงการใช้องค์ประกอบบนจอภาพที่ดูคล้าย ๆ กัน เช่น การใช้ตัวหนังสือ สี ขนาด ความหนาของเส้น รูปร่าง หรือที่ว่างบนจอ ถ้าองค์ประกอบของเนื้อหาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ก็สร้างให้เห็นความแปลกและแตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งที่มีความหมายหรือต้องการแยกเน้นให้เห็นเด่นชัดเจนต้องให้มีความแปลก แตกต่างจากส่วนอื่นบนจอภาพ เพื่อสร้างความสนใจให้กับผู้เข้าชม
กฎข้อที่ 2 การย้ำซ้ำ
เป็นการออกแบบเว็บเพจต้องมีรูปแบบที่เป็นแบบแผน หรือเรียกว่ามีสไตล์ของผู้ออกแบบ การหารูปแบบ การให้สี การสร้างรูปร่าง การกำหนดแบคกราวด์ อักษร เส้น ขนาดจะต้อง มีลักษณะสอดคล้องกันทั้งหมด การสร้างเว็บเพจแบบย้ำซ้ำ ช่วยทำให้มีการเสริมให้ดูเป็นหนึ่งเดียว หรือที่เรียกว่า Unity
กฎข้อที่ 3 การจัดแนว วางแนว
การจัดวางองค์ประกอบต้องมีแถวมีแนว โดยต้องมองวัตถุที่อยู่ข้างหน้าเสมอ เช่น ถ้าอยู่ตอนล่างก็ดูสิ่งที่อยู่ข้างบน ถ้าอยู่ด้านขวาก็ดูสิ่งที่อยู่ด้านซ้ายที่มีมาก่อน การวางแถว วางแนว จะทำให้เว็บเพจ ดูสะอาด นำสมัย และเป็นไปในลักษณะไม่ขัดกับความรู้สึกของผู้อ่าน
กฎข้อที่ 4 ความใกล้เคียง ความเกี่ยวเนื่อง
กฎข้อนี้ต้องการให้วัตถุต่าง ๆ ที่อยู่บนเว็บเพจมีความเป็นระเบียบ เกี่ยวเนื่องกัน การจัดวางองค์ประกอบที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นกลุ่มก้อนทำให้มองเห็นได้ง่าย ไม่กระจัดกระจาย การรวมกลุ่มเป็นวิธีการลดความยุ่งเหยิง สร้างความเป็นระเบียบ
การวางองค์ประกอบของเว็บเพจ เป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ศาสตร์คือ ผู้เขียนเว็บเพจต้องเข้าใจเทคนิคการเขียน การใช้ภาษาสั่งการแบบ HTML การใช้เทคนิคพิเศษหลายอย่าง เช่น การสร้างภาพ การสร้างเงา สี เป็นต้น ส่วนศิลป์ เป็นเรื่องของการนำเอาองค์ประกอบทางศิลปะมาใช้ การออกแบบทางศิลป์จึงต้องอาศัยประสบการณ์ การพบเห็นหรือได้รับความติชมจากผู้อื่น แล้วนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
ก่อนที่จะสร้างเว็บไซต์เราต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ นั้นจะทำให้เราสร้างเว็บเพจได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาใช้งานเว็บเพจของเรามากที่สุด โดยมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้
ประเภทของเว็บไซต์
ประเภทของของเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพราะมีผลต่อการออกแบบหน้าตาของเว็บเพจ เราต้องทราบว่าเราสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่ออะไร นำเสนอข้อมูลประเภทไหน กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คือใคร เนื่องจากเว็บแต่ละประเภทมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน มีความชอบที่ต่างกัน ดังนั้นการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยหน้าตาของเว็บไซต์ ก็นับว่าเว็บไซต์เราก้าวไปสู่ความสำเร็จแล้ว เช่น ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก ๆ ลักษณะการออกแบบค่อนข้างมีสีสันสดใส หรือมีตัวการ์ตูนที่กำลังนิยมในขณะนั้นเข้าไปประกอบในเว็บไซต์ กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น วัยใส มักใช้สีสันสด แสบ และมีรูปดอกไม้ รูปการ์ตูน หรืออื่น ๆ ที่กำลังนิยม ประกอบเพื่อดึงดูดใจให้วัยรุ่นเข้ามาชม
สีที่ใช้
เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะสร้างเว็บไซต์เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับอะไร ลำดับต่อไปควรคำนึงถึงเรื่องของโทนสีที่ใช้ในการสร้างเว็บของเรา เนื่องจากสีต่าง ๆ จะมีผลต่อความรู้สึกของผู้ใช้งานเว็บเพจ ซึ่งสีแต่ละสีจะมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกรวมทั่งสิ่งต่าง ๆ ดังตารางด้านล่างนี้
เนื่องจากคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องกำหนดความละเอียดของหน้าจอแตกต่างกัน เช่น บางเครื่องความละเอียดอยู่ที่ 800 x 600 พิกเซล 1024 x 768 พิกเซล หรือ 1060 x 900 พิกเซล ซึ่งความแตกต่างดังกล่าวจะมีผลโดยตรงต่อขนาดของเว็บที่ปรากฏสู่สายตาผู้ใช้ ดังนั้นถ้าเราต้องการ ให้ทุกคนเห็นเว็บของเราเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน เมื่อสร้างเว็บไซต์เสร็จแล้ว เราต้องทดสอบก่อนว่าที่ความละเอียดต่าง ๆ นั้น เว็บปรากฏขึ้นมาเป็นอย่างไร โดยการเปิดเว็บในหน้าจอที่มี ความละเอียดต่าง ๆ แล้วใช้เทคนิคของการเขียนเว็บเข้ามาช่วยให้ดูดียิ่งขึ้น
ภาษา HTML
HTML ย่อมาจากคำว่า Hyper Text Markup Language เป็นภาษาที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ โดยมีแนวคิดจากการสร้างเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext Document : ข้อความในเอกสารที่เชื่อมโยงถึงข้อมูลต่าง ๆ ) ซึ่งพัฒนาขึ้นจากภาษา SGML (Standard Generalized Markup Language) ภาษา HTML จะเป็นตัวกำหนดโครงสร้างของเว็บเพจ ว่าส่วนใดเป็นส่วนหัว (head) ส่วนใดเป็นส่วนเนื้อหา (body) แล้วให้เว็บบราวเซอร์แสดงผล
องค์ประกอบของภาษา HTML สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นข้อความ ทั่ว ๆ ไป และส่วนที่เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของข้อความที่แสดง ซึ่งเราเรียกคำสั่งนี้ว่า แท็ก (Tag) โดยแท็กในคำสั่งของ HTML จะอยู่ในเครื่องหมาย < และ >
การสร้างเว็บเพจสามารถเลือกสร้างได้ 2 วิธี ดังนี้
1. ใช้โปรแกรมประเภทเท็กซ์อีดิเตอร์ (Text Editor) ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้กันมากคือ Notepad เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ง่าย และมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส
2. ใช้โปรแกรมประเภทเว็บอีดิเตอร์ (Web Editor) เช่น Microsoft FrontPage, Macromedia Dreamweaver, Homesite และ Thai HTML เป็นต้น โดยส่วนใหญ่โปรแกรมสำเร็จเหล่านี้มีวิธีการใช้ที่คล้ายกัน
โครงสร้างภาษา HTML
ภาษา HTML ใช้แท็ก (tag) ในการกำหนดโครงสร้างและลักษณะของข้อความ หรือ รูปภาพ ซึ่งโครงสร้างหลักที่สำคัญ มีดังนี้
1. โครงสร้างรูปแบบของเอกสาร HTML จะต้องขึ้นต้นด้วยแท็กเปิด <HTML> และ ปิดท้ายด้วยแท็กปิด </HTML>
2. ทุกเอกสาร HTML จะต้องมี Head ของเอกสาร
<HTML>
<Head>
</Head>
</HTML>
3. ในแท็ก Head จะต้องบอกชื่อของเว็บเพจด้วยแท็ก TITLE ซึ่งจะปรากฏที่ขอบด้านบนของหน้าต่างบราวเซอร์
<HTML>
<Head>
<Title>My First Page</Title>
</Head>
</HTML>
4. ส่วนรายละเอียดของข้อมูลต่าง ๆ ทั้งที่เป็นตัวอักษร รูปภาพและภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะอยู่ในส่วนของแท็ก Body ซึ่งจะเป็นส่วนที่อยู่ถัดไปจากแท็ก Head
<HTML>
<Head>
<Title>My First Page</Title>
</Head>
<Body>
<P>เนื้อหา การสร้างเว็บเพจ</P>
</Body>
</HTML>
โครงสร้างภาษา HTML
เครื่องมือที่ใช้เขียน HTML
การเขียนเว็บเพจขึ้นมาด้วยภาษา HTML ก็เหมือนกับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาอื่นๆ คือ เราจะต้องมีโปรแกรมประเภทเท็กซ์อีดิเตอร์ (Text Editor) มาใช้สำหรับเขียนภาษาที่ต้องการ โปรแกรมเท็กซ์อีดิเตอร์ คือโปรแกรมที่ใช้แก้ไขไฟล์ข้อมูลต่างๆ สำหรับการเขียนเว็บเพจด้วยภาษา HTML แบบที่คุ้นเคยและง่ายที่สุดคือใช้โปรแกรม Notepad หรือ Wordpad ซึ่งมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว มีวิธีการดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start > All Program > Accessories > Notepad หรือ คลิกปุ่ม Start พิมพ์ Note ในช่อง Search program and file ดังรูปที่ 2.1(1) และ (2)
2. ได้หน้าต่าง Notepad ขึ้นมา
3. พิมพ์ข้อความต่าง ๆ ตามโครงสร้างของภาษา HTML หรือ โค้ด HTML รูปที่ 2.2
4. การบันทึกแฟ้มข้อมูล
4.1 เลือกเมนู File
4.2 คลิกคำสั่ง Save As…
4.3 ในช่อง Save in : ให้เลือกเส้นทางและชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการนำไฟล์ไปเก็บไว้
4.4 ตั้งชื่อไฟล์ตามต้องการ โดยต้องกำหนดให้ไฟล์มีนามสกุลเป็น .HTM หรือ .HTML ทุกครั้งหากไม่กำหนด จะทำให้แฟ้มเปิดใช้งานไม่ได้
4.5 ในช่อง Save as type ให้เลือก All File (*.*)
4.6 คลิกปุ่ม Save เพื่อบันทึกไฟล์ ดังรูปที่ 2.3
5. การเรียกดูผลลัพธ์จากเว็บบราวเซอร์
5.1 คลิกเมาส์ขวามือที่ Icon Chrome ของ file
5.2 เลือก Open with แล้วเลือก Google chrome ดังรูปที่ 2.4
5.3 บราวเซอร์ จะแสดงผลงาน ดังรูปที่ 2.5
6. การปรับปรุงและแก้ไขเว็บเพจ
หลังจากที่เรียกดูผลลัพธ์จากเว็บบราวเซอร์แล้ว ผลที่ได้อาจไม่เป็นที่พอใจของผู้เขียน หรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เราสามารถแก้ไขได้ดังนี้
6.1 การเปิดไฟล์ Source code ด้วยโปรแกรม Notepad
1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > Notepad ดังรูปที่ 2.1 (1)
2. คลิกที่ Menu File > Open เลือกไดร์ฟที่เก็บข้อมูล คลิกเลือกชื่อแฟ้มที่ต้องการปรับปรุงและแก้ไข
3. คลิก Open เพื่อเปิดแฟ้มดังกล่าวมาดำเนินการแก้ไข
6.2 การเปิดไฟล์ Source code วิธีลัด
1. คลิกเมาส์ขวามือที่ Icon Chrome ของ file Page1 ดังรูปที่ 2.4 แล้ว
2. เลือก Open with Notepad จะแสดงดังรูปที่ 2.2
3. ดำเนินการแก้ไขแล้ว Save ในชื่อไฟล์เดิม
รูปที่ 2.1 (1)
รูปที่ 2.1 (2)
รูปที่ 2.2
รูปที่ 2.3
รูปที่ 2.4
รูปที่ 2.5
การกำหนดคุณสมบัติของหน้าเว็บ
คุณสมบัติพื้นฐานของเว็บเพจแต่ละหน้าประกอบไปด้วย
กำหนด Title bar ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกชื่อหรือคำจำกัดความของเว็บ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของบราวเซอร์ จะปรากฏข้อความขึ้นมาแตกต่างกัน
รูปแบบการใช้งาน
ชื่อแท็ก TITLE
รูปแบบ <TITLE>ชื่อหรือคำจำกัดความ</TITLE>
ตัวอย่าง <title>nrschool.ac.th ยินดีต้อนรับ</title>
การกำหนดชื่อ title ให้กับเว็บเพจ สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<Head>
<title>สวัสดี</title>
</Head>
การกำหนดรูปแบบพื้นหลัง
1. การกำหนดพื้นหลังด้วยสี
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ BGCOLOR
รูปแบบ <BODY BGCOLOR = ชื่อสีหรือค่าสี></BODY>
ตัวอย่าง <body bgcolor = lightblue></body>
<body bgcolor = #afd7e0></body>
การกำหนดพื้นหลังด้วยสี สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<html>
<head><title>สวัสดี</title></head>
<body bgcolor=lightblue> …………………เนื้อหา…………………………………
</body>
</html>
2. การกำหนดพื้นหลังด้วยรูปภาพ
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ BACKGROUND
รูปแบบ <body backrgound = ชื่อไฟล์รูปภาพ></BODY>
การกำหนดพื้นหลังด้วยภาพ สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<Html>
<head> <title> สวัสดี</title></head>
<body background=a1.gif> …………………เนื้อหา…………………………………
</body>
</html>
3. กำหนดรูปพื้นหลังให้อยู่กับที่
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ BGPROPERTIES
รูปแบบ <body background = ชื่อไฟล์รูปภาพ bgpropertise = fixed></body>
ตัวอย่าง <body background = a1.gif bgproperties=fixed></body>
<body background = nangrong.jpg bgproperties=fixed></body>
การกำหนดภาพพื้นหลังให้อยู่กับที สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<html>
<head><title>สวัสดี</title></head>
<body background=a1.gif bgproperties= fixed> …………………เนื้อหา…………………………………
</body>
</html>
4. การกำหนดเส้นแบ่งเนื้อหา
การขีดเส้นแนวนอนบนหน้าเว็บเพจ เพื่อเป็นการแบ่งส่วนของเนื้อหาต่างๆ ออกจากกันเป็นส่วนๆ เพื่อความเป็นระเบียบของข้อมูล
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ HR
รูปแบบ <hr>ข้อมูลที่ต้องการให้ปรากฏหลังเส้นแนวนอน
ตัวอย่าง ข้อความส่วนแรก<hr>ข้อความส่วนที่สองหลังเส้นแบ่ง
การขีดเส้นแนวนอนเพื่อแบ่งเนื้อหา สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<body>
เนื้อหาส่วนแรก <hr> เนื้อหาส่วนที่ต้องการให้ปรากฏหลังเส้น
</body>
4.1 การปรับความยาวของเส้นแบ่งเนื้อหา
เส้นแบ่งเนื้อหาจะมีความยาวเท่ากับความยาวของพื้นที่แสดงผลเมื่อเราไม่ต้องการให้เส้นแบบเนื้อหาในแนวนอนมีความยาวเท่ากับความกว้างของพื้นที่แสดงผลเราสามารถใช้แอตทริบิวต์ width ของ hr ปรับแต่งได้ มีรูปแบบการกำหนดอยู่ 2 รูปแบบคือ การกำหนดความยาวเป็นเปอร์เซ็นต์ความกว้างของพื้นที่แสดงผลและการกำหนดความยาวในหน่วยพิกเซล ดังต่อไปนี้
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ WIDTH
รูปแบบ <hr Width=ความยาวเป็นเปอร์เซ็นต์หรือพิกเซล>
ตัวอย่าง <hr width = 75%>หรือ<hr width = 250>
การปรับความยาวของเนื้อหา สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<body>
เนื้อหาส่วนแรก <hr width = 250> เนื้อหาส่วนที่ต้องการให้ปรากฏหลังเส้น
</body>
4.2 การปรับขนาดของเส้นแบ่งเนื้อหา
รูปแบบการใช้งาน
แอตทริบิวต์ SIZE
รูปแบบ <hr size=ขนาดเป็นพิกเซล>
ตัวอย่าง <hr size=7>
การปรับขนาดและความยาวของเนื้อหา สามารถทำได้ดังนี้
การนำไปใช้
<body>
เนื้อหาส่วนแรก<hr width = 20% size=7>เนื้อหาส่วนที่ต้องการให้ปรากฏหลังเส้น
</body>