ปัจจุบันปัญหาการแพร่ระบาดของสารเสพติดนับว่ารุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดในกลุ่มเด็กนักเรียนเพิ่มมากขึ้นจนหน้าเป็นห่วง ซึ่งการที่เด็กวัยเรียนมีการเสพติดย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สติปัญญาและสมาธิในการเรียนรู้ทำให้คุณภาพประชากรลดลง เป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ และการแข่งขันในระดับโลกต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้จึงควรป้องกันและแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนทั้งในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และประเทศ
ปัจจุบันมีสิ่งเสพติดอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งออกฤทธิ์ต่อร่างกายในลักษณะต่างๆ กันแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทออกฤทธิ์กดประสาท สิ่งเสพติดประเภทนี้จะทำให้สมองอยู่ในสภาวะมึนงง มีการง่วงซึม ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน และจำพวกยานอนหลับ ยากล่อมประสาท เช่น เหล้าแห้ง เป็นต้น
2. ประเภทออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท สิ่งเสพติดประเภทนี้จะทำให้เกิดตื่นเต้น ประสาทถูกกระตุ้น ไม่ให้มีอาการง่วงหรือหลับใน เช่น ยาบ้า ยาขยัน โคเคน ยาม้าแอมเฟตามีน กาแฟและสารคาเฟอีน บุหรี่ กระท่อม และยาลดความอ้วน
3. ประเภทออกฤทธิ์หลอนประสาท สิ่งเสพติดประเภทนี้จะทำให้เกิดประสาทหลอน ภาพลวงตา หูแว่ว หวาดกลัวโดยไม่มีสาเหตุ อาจทำอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เช่น แอล เอส ดี กวาวซีเมนต์ กัญชา ไอระเหยของเบนซิน ทินเนอร์ กวาวต่าง ๆ ฯลฯ
นอกจากนี้ ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสารเสพติดออกมามากมาย ทั้งรู้ที่เป็นเม็ด เป็นน้ำ และผสมในเครื่องดื่ม ขนม หรืออาหารประเภทต่างๆ ซึ่งยากที่จะติดตามตรวจสอบ จึงนับว่าเป็นอันตรายต่อเด็ก และเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง
ปัญหาการติดสารเสพติดมีสาเหตุจากสามปัจจัยต่อไปนี้
1. ปัจจัยภายในตัวบุคคล ได้แก่
วัยของบุคคล มักพบว่า ผู้เสพยาส่วนใหญ่จะเริ่มต้นในช่วงอายุเข้าสู่วัยรุ่น กำลังอยู่ในวัยคะนอง อยากลอง อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่แปลกใหม่
ความรู้ เจตคติ และความคิดเกี่ยวกับสารเสพติด ความรุนแรง เช่น เชื่อว่าการใช้กำลังหรือใช้คำพูดรุนแรงทำให้คนอื่นเชื่อฟังทำตาม การตีลูกทำให้ลูกได้ดี ผู้มีศักดิ์ศรีใครมาหยามต้องต่อสู้กันให้แพ้ชนะ ฯลฯ
ขาดทักษะที่จำเป็นในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เช่น ทักษะการสื่อสาร การจัดการกับอารมณ์และความเครียด การจัดการกับความโกรธ การแสดงออกที่เหมาะสม เป็นต้น
การใช้ยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คนขาดสติยับยั้ง ควบคุมตัวเองไม่ได้
เคยเห็นการกระทำรุนแรงหรือเคยเห็นเหยื่อกระทำรุนแรง
หาอาวุธได้ง่าย เช่น มีปืนอยู่ในบ้าน เมื่อเกิดอารมณ์โกรธทำให้ก่อความรุนแรงได้ง่าย
2. ปัจจัยจากการเลี้ยงดูของครอบครัว
- ขาดความรักความเข้าใจและการสนับสนุนจากครอบครัว เช่น เมื่อมีปัญหาขาดผู้ใหญ่คอยดูแลให้คำแนะนำช่วยเหลือ
- เติบโตในบ้านที่ใช้ความรุนแรง ทำให้เห็นแบบอย่าง และคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติในสังคม
- การถูกลงโทษและเป็นเด็กที่เคยถูกทำร้าย
- มีพ่อแม่หรือพี่น้องที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
3. ปัจจัยจากสภาพแวดล้อม
- ความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม เศรษฐกิจ สังคมเมืองและความแออัดทำให้คนแข่งขันสูง และเกิดความเครียด
- การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีการว่างงานสูงในกลุ่มประชากรอายุน้อย
- อิทธิพลจากสื่อ เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ที่แสดงภาพความรุนแรงต่างๆ
- มาตรฐานทางสังคมที่สนับสนุนพฤติกรรมความรุนแรง เช่น การที่คนมีพฤติกรรมความรุนแรงไม่ได้รับการลงโทษ ความรุนแรงเป็นเรื่องปกติในสังคม
1. โทษและภัยต่อตัวผู้เสพ ฤทธิ์ของสารเสพติดจะมีผลต่อระบบประสาทและระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ตลอดจนจิตใจของผู้ที่เสพเสมอ ดังนั้นจะพบว่า สุขภาพร่างกายของผู้ที่เสพยาจะทรุดโทรมทั้งร่ายกายและจิตใจ เช่น มีรูปร่างผอม ซูบซีด ผิวคล้ำ ไม่มีแรง อ่อนเพลียง่าย สมองเสื่อมและความจำสับสน เป็นโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่าย เช่น โรคตับอักเสบ ไตอักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ภูมิต้านทานในร่างกายจะลดลง มีสภาวะทางจิตใจไม่ปกติ สภาพจิตใจเสื่อมลง อารมณ์แปรปรวนง่าย ซึมเศร้า วิตกกังวล ความรู้สึกฟุ้งซ่าน ซึ่งจากผลร้ายที่เกิดขึ้นดังกล่าว จะผลักดันให้ผู้เสพยาเสพติดเป็นบุคคลที่ไร้สมรรถภาพทั้งร่างกายและจิตใจในการดำเนินชีวิตในสังคม ขาดความเชื่อมั่น สูญเสียบุคลิกภาพ ไม่สนใจตนเอง ไม่สนใจการงานหรือการเรียน และผู้เสพบางรายอาจประสบอุบัติเหตุถึงขั้นพิการเช่น พลัดตกจากที่สูงขณะทำงาน หกล้ม อันเนื่องมาจากฤทธิ์ของยาเสพติดที่มีผลต่อระบบประสาทและสมอง
2. โทษและภัยต่อครอบครัว การติดสารเสพติดนอกจากจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวแล้ว ยังทำให้ผู้เสพกลายเป็นบุคคลที่ขาดความรับผิดชอบต่อครอบครัวไม่ห่วงใยดูแลครอบครัว ทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ต้องสูญเสียเศรษฐกิจและรายได้ของครอบครัว เนื่องจากต้องนำเงินมาซื้อสารเสพติด บางรายอาจต้องสูญเสียเงินจำนวนไม่น้อยเพื่อรักษาตนเองจากโรคร้ายแรงต่าง ๆ อันเกิดจากการใช้สารเสพติด กลายเป็นภาระของครอบครัวในที่สุด อีกทั้งนำไปสู่ปัญหาครอบครัว เกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อยๆ เกิดความแตกแยกภายในครอบครัว เป็นต้น
3. โทษและภัยต่อสังคมและเศรษฐกิจ ผู้ที่เสพสารเสพติดนอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้สึกว่าตนเองด้อยโอกาสทางสังคมแล้ว ยังอาจมีความคิดหรือพฤติกรรมที่นำไปสู่ปัญหาสังคมส่วนรวมได้ เช่น ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม เช่น ปล้น จี้ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเพื่อชิงทรัพย์ ปัญหาอุบัติเหตุ เช่น รถชน หรือตกจากที่สูง และปัญหาโรคเอดส์ เป็นต้น นับว่าเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่า ตลอดจนทรัพย์สินของตนเองและส่วนรวมอย่างไร้ประโยชน์ ทำให้เป็นภาระของสังคม ส่วนรวม ในการจัดสรรบุคลากร แรงงาน และงบประมาณในการปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดสารเสพติดในที่สุด
4. โทษและภัยต่อประเทศชาติ ผู้ที่เสพสารเสพติดและตกเป็นทาสของสารเสพติดอาจกล่าวได้ว่า เป็นผู้ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เนื่องจากผู้ที่เสพสารเสพติดทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียกำลังคมและงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล เพื่อใช้จ่ายในการปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลอันมีค่า เกิดความไม่สงบสุขของบ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจทรุด บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติ ต้องสูญเสียกำลังสำคัญของชาติอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะถ้าผู้ที่เสพสารเสพติดเป็นเยาวชน