ในร่างกายของมนุษย์มีต่อมในร่างกาย 2 ประเภท คือ
เป็นต่อมที่สร้างสารเคมีออกมาแล้วส่งไปยังตำแหน่งออกฤทธิ์ โดยอาศัยท่อลำเลียงของต่อมโดยเฉพาะ เช่น ต่อมน้ำลาย ต่อมสร้างเอนไซม์ย่อยอาหาร ต่อมน้ำตา ต่อมสร้างเอนไซม์ย่อยอาหาร ต่อมสร้างเมือก ต่อมเหงื่อ ฯลฯ
เป็นต่อมที่สร้างสารเคมีขึ้นมาแล้วส่งไปออกฤทธิ์ยังอวัยวะเป้าหมาย โดยอาศัยระบบหมุนเวียนเลือด เนื่องจากไม่มีท่อลำเลียงของต่อมโดยเฉพาะ สารเคมีนี้เรียกว่า ฮอร์โมน ซึ่งอาจเป็นสารประเภทกรดอะมิโน สเตรอยด์
ต่อมไร้ท่อมีอยู่หลายต่อมกระจายอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ทั่วร่างกาย ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากต่อมไร้ท่อมีหลายชนิด แต่ละชนิดทำงานแตกต่างกัน โดยจะควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโต กระตุ้นหรือยับยั้งการทำงาน ฮอร์โมนสามารถออกฤทธิ์ได้ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย ต่อมไร้ท่อที่สำคัญ มี 7 ต่อม ได้แก่
ตำแหน่งที่อยู่ ต่อมใต้สมองเป็นต่อมไร้ท่อ อยู่ตรงกลางส่วนล่างของสมอง (hypophysis) เมื่อเริ่มศึกษาพบว่า ต่อมนี้ขับสารที่มีลักษณะขุ่นขาวคล้ายเสมหะ จึงเรียกว่า ต่อมพิทูอิตารี (pituitary gland) ต่อมใต้สมองประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างแตกต่างกันมากชนิดที่สุด ขนาดและลักษณะทั่วไป ต่อมใต้สมองของเพศชายหนักประมาณ 0.5 – 0.6 กรัม ของเพศหญิงหนักกว่าเล็กน้อย คือประมาณ 0.6 – 0.7 กรัม หรือบางรายอาจหนักถึง 1 กรัม ต่อมใต้สมอง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior lobe)
ต่อมใต้สมองส่วนกลาง (intermediate lobe)
ต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior lobe)
ต่อมใต้สมองทั้งสามส่วนนี้ต่างกันที่โครงสร้าง และการผลิตฮอร์โมนฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมองมีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต การทำงานของไต และระบบสืบพันธุ์
ต่อมไทรอยด์มีลักษณะเป็นพู 2 พู อยู่สองข้างของคอหอย โดยมีเยื่อบางๆ เชื่อมติดต่อถึงกันได้ต่อมนี้ถือได้ว่าเป็นต่อมไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมากที่สุดมีน้ำหนักของต่อมประมาณ 15 – 20 กรัม ต่อมไทรอยด์มีเส้นเลือดมาเลี้ยงมากมาย ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ได้แก่
ทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารกระตุ้นการเปลี่ยนไกลโคเจนไปเป็นกลูโคสและเพิ่มการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์บุทางเดินอาหาร จึงเป็นตัวพิ่มระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด
ความผิดปกติเกี่ยวกับระดับฮอร์โมนไธรอกซิน
(1) คอหอยพอกธรรมดา (simple goiter) เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นโดยต่อมขยายใหญ่เนื่องจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้าง ไทรอยด์สติมูเลติง ฮอร์โมน (thyroid-stimulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า TSH ทำหน้าที่กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้หลั่งออร์โมนเป็นปกติ) มากระตุ้นต่อมไทรอยด์มากเกินไป โดยที่ต่อมนี้ไม่สามารถสร้างไธรอกซินออกไปยับยั้งการหลั่ง TSH จากต่อมใต้สมองได้
(2) คอหอยพอกเป็นพิษ (toxic goiter) เกิดขึ้นเนื่องจากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากเกินไป เพราะเกิดภาวะเนื้องอกของต่อม
(3) คอหอยพอกและตาโปน (exophthalmic goiter) เกิดขึ้นเนื่องจากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากผิดปกติ เพราะได้รับการกระตุ้นจาก TSH ไทรอยด์สติมูเลติง ฮอร์โมน (thyroid-stimulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า TSH) มากเกินไปหรือภาวะเนื้องอกของต่อมก็ได้ คนป่วยจะมีอัตราการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายสูง ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำหนักลดทั้งๆ ที่กินจุ หายใจแรงและเร็ว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าไว อาจเกิดอาการตาโปน (exophthalmos) จากการเพิ่มปริมาณของน้ำและเนื้อเยื่อที่อยู่หลังลูกตา โรคนี้พบในหญิงมากกว่าในชาย
(4) คริตินิซึม (cretinnism) เป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดจากต่อมไทรอยด์ฝ่อในวัยเด็ก หรือพิการตั้งแต่กำเนิด ทำให้การเจริญเติบโตของกระดูกลดลง ร่างกายเตี้ย แคระแกร็น การเจริญเติบโตทางจิตใจช้าลงมีภาวะปัญญาอ่อน พุงยื่น ผิวหยาบแห้ง ผมบาง
(5) มิกซีดีมา (myxedema) เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ เนื่องจากต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนออกมาน้อยกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการสำคัญ คือการเจริญทั้งทางร่างกายและจิตใจช้าลง มีอาการชัก ผิวแห้ง หยาบ เหลือง หัวใจ ไตทำงานช้าลง เกิดอาการเฉื่อยชา ซึม ความจำเสื่อม ไขมันมาก ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื่อง่าย โรคนี้พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
เป็นฮอร์โมนอีกชนิดจากต่อมไทรอยด์ ทำหน้าที่ลดระดับแคลเซียมในเลือดที่สูงเกินปกติให้เข้าสู่ระดับปกติโดยดึงแคลเซียมส่วนเกินไปไว้ที่กระดูก ดังนั้นระดับแคลเซียมในเลือดจึงเป็นสิ่งควบคุมการหลั่งฮอร์โมนนี้และฮอร์โมนนี้จะทำงานร่วมกับฮอร์โมนจากต่อมพาราไธรอยด์และวิตามินดี
ต่อมพาราไธรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่มีน้ำหนักน้อยมาก ติดอยู่กับเนื้อของต่อมไธรอยด์ทางด้านหลัง ในคนมีข้างละ 2 ต่อม มีลักษณะรูปร่างเป็นรูปไข่ขนาดเล็กมีสีน้ำตาลแดง หรือน้ำตาลปนเหลือง มีน้ำหนักรวมทั้ง 4 ต่อม ประมาณ 0.03 – 0.05 กรัม
ฮอร์โมนที่สำคัญที่สร้างจากต่อมนี้ คือพาราธอร์โมน (parathormone) ฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่รักษาสมดุลของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในร่างกายให้คงที่ โดยทำงานร่วมกับแคลซิโตนิน เนื่องจากระดับแคลเซียมในเลือดมีความสำคัญมาก เพราะจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อประสาทและการเต้นของหัวใจ ดังนั้น ต่อมพาราธอร์โมนจึงจัดเป็นต่อมไร้ท่อที่มีความจำเป็นต่อชีวิต
ที่มา: https://areerat5652.wordpress.com/ต่อมหมวกไต
ต่อมหมวกไต อยู่เหนือไตทั้ง 2 ข้าง ลักษณะต่อมทางขวาเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนทางซ้ายเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ต่อมนี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ อะดรีนัลคอร์เทกซ์ (adrenal cortex) เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกเจริญมาจากเนื้อเยื่อชั้นมีโซเดิร์ม (Mesoderm) และอะดีนัลเมดุลลา (adrenal medulla) เนื้อเยื่อชั้นในเจริญมาจากส่วนเนื้อเยื่อชั้นนิวรัลเอกโตเดิร์ม (neural ectoerm) ดังนั้นการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นเมดุลลาจึงเกี่ยวข้องกับระบบประสาทซิมพาเธติก ซึ่งผลิตฮอร์โมนชนิดต่างๆ ดังนี้
ฮอร์โมนจากอะดรีนัล คอร์เทกซ์ ปัจจุบันนี้พบว่าอะดรีนัล คอร์เทกซ์ เป็นต่อมไร้ท่อที่สามารถสร้างฮอร์โมนได้มากที่สุดกว่า 50 ชนิด ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามหน้าที่ คือ
(1) ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอนด์ (glucocorticoid) ทำหน้าที่ควบคุมเบตาบอลิซึมของคาร์โอไฮเดรตเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังควบคุมเมตาบอลิซึมของโปรตีน และไขมัน รวมทั้งสมดุลเกลือแร่ด้วยแต่เป็นหน้าที่รอง การมีฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอนด์นี้มากเกินไป ทำให้เกิดโรคคูชชิ่ง (Cushind’s syndrome) โรคนี้จะทำให้หน้ากลมคล้ายพระจันทร์ (moon face) บริเวณต้นคอมีหนอกยื่นอกมา (buffalo hump) อาการเช่นนี้อาจพบได้ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาที่มีคอร์ตโคสเตรอยด์เป็นส่วนผสม เพื่อป้องกันอาการแพ้หรืออักเสบติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
(2) ฮอร์โมนมิเนราโลคอร์ติคอนด์ (mineralocorticiod) ทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญ คือ อัลโคสเตอโรน ซึ่งควบคุมการทำงานของไตในการดูดน้ำและโซเดียมเข้าสู่เส้นเลือด ทั้งยังควบคุมสมดุลของความเข้มข้นของฟอสเฟตในร่างกายด้วย
(3) ฮอร์โมนเพศ (adrenalsex hormone) สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น แอนโดรเจน เอสโตรเจน แต่มีปริมาณเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฮอร์โมนเพศจากอัณฑะและไข่
ฮอร์โมนจากอะดรีนัลเมดัลลา ประกอบด้วยฮอร์โมนสำคัญ 2 ชนิด คือ อะดรีนัลนาลีน หรือเอปิเนฟริน และนอร์อะดรีนาลิน หรือนอร์เอปิเนฟริน ปกติฮอร์โมนจากอะดรีนัลเมดัลลาจะเป็นอะดรีนาลินประมาณร้อยละ 70 และนอร์อะดรีนาลินเพียงร้อยละ 10 ในผู้ใหญ่จะพบฮอร์โมนทั้งสองชนิด แต่ในเด็กจะมีเฉพาะนอร์อะดรีนาลินเท่านั้น
(1) อะดรีนาลินฮอร์โมน (adrenalin hormone) หรือฮอร์โมนเอปิเนฟริน (epinephrine) ฮอร์โมนอะดรีนาลินเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาแล้วมีผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง ทำให้เส้นเลือดอาร์เตอรีขนาดเล็กที่อวัยวะต่างๆ ขยายตัว ส่วนเส้นเลือดอาร์เตอรีขนาดเล็กที่บริเวณผิวหนังและช่องท้องหดตัว
(2) นอร์อะดรีนาลินฮอร์โมน (noradrenalin hormone) หรือฮอร์โมนนอร์เอปิเนฟริน (noepinephrine) ฮอร์โมนนอร์อะดรีนาลินจะแสดงผลต่อร่างกายคล้ายกับผลของอะดรีนาลินฮอร์โมน แต่อะดรีนาลินฮอร์โมนมีผลดีกว่า โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะหลั่งออกมาจากปลายเส้นประสาทซิมพาเทติกได้อีกด้วยฮอร์โมนนี้จะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น ทำให้หลอดเลือดอาร์เตอรีที่ไปเลี้ยงอวัยวะภายในต่างๆ บีบตัว
ภาพตับอ่อน
ที่มา: https://sites.google.com/site/rabbtxmrithxpo/tab-xxn
ภายในเนื้อเยื่อตับอ่อนจะมีไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์เป็นต่อมเล็กๆ ประมาณ 2,500,000 ต่อมหรือมีจำนวนประมาณร้อยละ 1 ของเนื้อเยื่อตับอ่อนทั้งหมด ฮอร์โมนผลิตจากไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ที่สำคัญ 2 ชนิดคือ
สร้างมาจากเบตตาเซลล์ที่บริเวณส่วนกลางของไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ หน้าที่สำคัญของฮอร์โมนนี้คือ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงอินซูลินจะหลั่งออกมามากเพื่อกระตุ้นเซลล์ตับ และเซลล์กล้ามเนื้อนำกลูโคสเข้าไปในเซลล์มากขึ้น และเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นไกลโคเจน เพื่อเก็บสะสมไว้ นอกจากนี้อินซูลินยังกระตุ้นให้เซลล์ทั่วร่างกายมีการใช้กลูโคสมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงสู่ระดับปกติ ถ้ากลุ่มเซลล์ที่สร้างอินซูลินถูกทำลายระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงกว่าปกติทำให้เป็นโรคเบาหวาน
เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากแอลฟาเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์อีกประเภทหนึ่งของไอส์เลตออฟแลเกอร์ฮานส์ กลูคากอนจะไปกระตุ้นการสลายตัวของไกลโคเจนจากตับและกล้ามเนื้อให้น้ำตาลกลูโคสปล่อยออกมาในเลือดทำให้เลือดมีกลูโคสเพิ่มขึ้น
ต่อมอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิงซึ่งอยู่ที่รังไข่จะสร้างฮอร์โมนที่สำคัญคือ เอสโตรเจน (estrogens) และโปรเจสเตอโรน (progesterrone)
มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมลักษณะของเพศหญิง คือลักษณะการมีเสียงแหลม สะโพกผาย การขยายใหญ่ของอวัยวะเพศและเต้านม การมีขนขึ้นตามอวัยวะเพศ และรักแร้ นอกจากนี้ยังมีส่วนในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงที่รังไข่และเยื่อบุมดลูกอีกด้วย
เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากส่วนของอวัยวะเพศ คือ คอร์ปัส ลูเตียม และบางส่วนสร้างมาจากรกเมื่อมีครรภ์ นอกจากนี้ยังสร้างมาจากอะดรีนัล คอร์เทกซ์ ได้อีกด้วย ฮอร์โมนชนิดนี้เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมการตั้งครรภ์ และตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ มีบทบาทโดยเฉพาะต่อเยื่อบุมดลูก ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่รังไข่และมดลูกการทำงานของฮอร์โมนเพศนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน ฟอลลิเคิล สติมิวเลดิง ฮอร์โมน (follicle stmulating hormone เรียก ย่อ ๆ ว่า FSH ) และ ลูนิไนซิง ฮอร์โมน ( luteinging hormone เรียกย่อ ๆ ว่า LH ) จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าอีกด้วย
ต่อมอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายซึ่งอยู่ที่อัณฑะจะสร้างฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดคือ เทสโตสเตอโรน (testosterone) ซึ่งจะสร้างขึ้นเมื่อเริ่มวัยหนุ่ม โดยกลุ่มเซลล์อินเตอร์สติเซียล สติมิวเลติง ฮอร์โมน ( interstitial cell stimulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า ICSH)จะได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า คือ LH หรือ ICSH นอกจากสร้างเทสโทสเตอโรนแล้วยังพบว่าเซลล์สติเซียลยังสามารถสร้างฮอร์โมนเพศหญิง คือเอสโตรเจน (estrogen) ได้อีกด้วย
ฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะที่สองของเพศชาย (secondary sex characteristic) ซึ่งมีลักษณะสำคัญ คือเสียงแตก นมขึ้นพาน ลูกกระเดือกแหลม มีหนวดขึ้นบริเวณริมฝีปาก มีขนขึ้นบริเวณหน้าแข้ง รักแร้และอวัยวะเพศ กระดูกหัวไหล่กว้าง และกล้ามเนื้อตามแขน ขา เติบโตแข็งแรงมากกว่าเพศตรงข้าม
ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน ที่พบมีดังนี้
(1) ถ้าตัดอัณฑะออก นอกจากจะเป็นหมันแล้ว ยังมีผลให้ลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพศไม่เจริญเหมือนปกติ
(2) ถ้าระดับฮอร์โมนสูงหรือสร้างฮอร์โมนก่อนถึงวัยหนุ่มมาก เนื่องจากมีเนื้องอกที่อัณฑะจะทำให้เกิดการเติบโตทางเพศก่อนเวลาอันสมควร (percocious puberty) ไม่ว่าจะเป็นลักษณะทางเพศและอวัยวะสืบพันธุ์
สรุปเรื่องระบบต่อมไร้ท่อ ด้วยเพลงเพราะๆค่ะ