หนังตะลุง คือ ศิลปะการแสดงประจําท้องถิ่นอย่างหนึ่งของภาคใต้ เป็นการเล่าเรื่องราวที่ ผูกร้อยเป็นนิยาย ดําเนินเรื่องด้วยบทรอยกรองที่ขับร้องเป็นลําเนียงทองถิ่น หรือที่เรียกกันว่าการ “ว่าบท” มีบทสนทนาแทรกเป็นระยะ และใช้การแสดงเงาบนจอผ่าเป็นสิ่งดึงดูดสายตาของผู้ชม ซึ่งการว่าบท การสนทนา และการแสดงเงานี้ นายหนังตะลุงเป็นคนแสดงเองทั้งหมด
หนังตะลุงเป็นมหรสพที่นิยมแพร่หลายอย่างยิ่งมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในยุคสมัยก่อน ที่จะมีไฟฟ้าใช้กันทั่วถึงทุกหมู่บ้านอย่างในปัจจุบัน หนังตะลุงแสดงได้ทั้งในงานบุญและงานศพ ดังนั้นงานวัด งานศพ หรืองานเฉลิมฉลองที่สําคัญจึงมักมีหนังตะลุงมาแสดงให้ชมด้วยเสมอ
ปัจจุบัน โครงการศิลปินแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ส่งเสริม ให้มีการอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะการแสดงหนังตะลุงให้แก่อนุชนรุ่นหลัง เพื่อรักษามรดกทาง วัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้ให้คงอยู่สืบไป
นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า มหรสพการแสดงเงาจําพวกหนังตะลุง เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ ของมนุษยชาติ ปรากฏแพร่หลายมาทั้งในแถบประเทศยุโรป และเอเชีย โดยมีหลักฐานปรากฏว่า เมื่อครั้งพระเจาอเล็กซานเดอรมหาราชมีชัยชนะเหมือนอียิปต์ ได้จัดให้มีการแสดงหนัง (หรือ การละเลนที่คล้ายกัน) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะและประกาศเกียรติคุณของพระองค์ และเชื่อว่า มหรสพการแสดงเงานี้มีแพร่หลายในประเทศอียิปต์มาแต่ก่อนพุทธกาล ในประเทศอินเดียพวก พราหมณ์แสดงหนังที่เรียกกันว่า ฉายานาฏกะ เรื่องมหากาพย์รามายณะ เพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดี วีรบุรุษ สวนในประเทศจีนมีการแสดงหนังสดุดีคุณธรรมความดีของสนมเอกแห่งจักรพรรดิ์ยวนตี่ (พ.ศ. 411 – 495)
ในสมัยต่อมา การแสดงหนังได้แพร่หลายเข้าสู่ในเอเชียอาคเนย์ เขมร พม่า ชวา มาเลเซีย และประเทศไทย คาดกันว่า หนังใหญ่คงเกิดขึ้นก่อนหนังตะลุง และประเทศแถบนี้คงจะได้แบบมา จากอินเดีย เพราะยังมีอิทธิพลของพราหมณ์หลงเหลืออยู่มาก เรายังเคารพนับถือฤาษี พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ยิ่งเรื่องรามเกียรติ์ ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องขลังและศักดิ์สิทธิ์ หนังใหญ่จึงแสดงเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ เริ่มแรกคงไม่มีจอ คนเชิดหนังใหญ่จึงแสดงท่าทางประกอบการเชิดไป ด้วย
จากทีกล่าวมา เป็นขนบนิยมในการเล่นหนังเพื่อความบันเทิงโดยทั่วไป แต่หากเล่น ประกอบพิธีกรรม จะมีขนบนิยมเพิ่มขึ้น การเล่นเพื่อประกอบพิธีกรรมมี 2 อย่าง คือเล่นแก้เหมรย และเล่นในพิธีครอบมือ การเล่นแก่เหมรยเป็นการเล่นเพื่อบวงสรวง ครุหมอหนังหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามพันธะที่บนบานไว้ หนังตะลุงที่จะเล่นแก้เหมรยได้ต้องรอบรู้ในพิธีกรรมอย่างดี และผ่านพิธี ครอบมือถูกต้องแล้ว การเล่นแก้เหมรยจะต้องดูฤกษ์ยามให้เหมาะ เจ้าภาพต้องเตรียมเครื่องบวงสรวงไว้ให้ครบถ้วนตามที่บนบาน ไว้ ขนบนิยมในการเล่นทั่วๆไปแบบเดียวกับเลนเพื่อความบันเทิง แต่เสริมการแก้บนเข้าไปในช่วง ออกรูป
ปรายหนาบท โดยกล่าวขับรองเชิญครูหมอหรือสิ่งศักดิสิทธิ์มารับเครื่องบวงสรวง ยก เรื่องรามเกียรติ์ตอนใดตอนหนึ่งที่พอจะแก้เคล็ดว่าตัดเหมรยได้ขึ้นแสดง เช่น ตอนเจ้าบุตรเจ้าลบ เป็นต้น จบแล้วชุมนุมรูปต่างๆมีฤาษีเจ้าเมือง พระ นาง ตัวตลก ฯลฯ โดยปกรวมกันหนาจอเป็น ทํานองว่าได้รวมรู้เห็นเป็นพยานว่าเจ้าภาพได้แก่เหมรยแล้ว แล้วนายหนังใช้มีดตัด หอเหมรยขว้าง ออกนอกโรง เรียกว่า “ตัดเหมรย” เป็นเสร็จพิธี ส่วนการครอบมือเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อยอมรับนับถือ ครูหนังแต่ครั้งบุรพกาล ซึ่งเรียกวา “ครูต้น” มีพระอุณรุทธไชยเถร พระพิราบหน้าทอง ตาหนุ่ย ตา หนักทอง ตาเพชร เป็นต้น