ดนตรีไทย เป็นศิลปะชั้นสูงแขนงหนึ่งซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาตลอดประวัติศาสตร์ และ ถือว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่สืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากดนตรีไทยไม่มี การบันทึกเป็นตัวโน้ต การเรียนดนตรีไทยจึงตองเรียนด้วยการ "จำ" เท่านั้น ถึงแม้ว่าดนตรีไทยจะ ไม่ใช้ตัวโน้ตสําหรับบรรเลง แต่ดนตรีไทยก็มีโน้ตเหมือนดนตรีสากลทั่วไป เพียงแต่ดนตรีไทยมีแต่ คีย์ เมเจอร์เท่านั้น คือ คีย์ หรือ Am เพราะดนตรีไทยไมมีชาร์ปหรือแฟลต
1. เป็นเครื่องมือที่สามารถตอบสนองความต้องการในการประเทืองอารมณ์กระตุ้น ความรู้สึกของเราอย่างมาก
2. ทําให้มนุษย์อยู่อย่างมีอารมณ์ ความรู้สึก มีเครื่องมือประเทืองจิตใจ มีความละเอียดอ่อนและเกิดความสุขความสนุกสนาน
3. ทําให้โลกมีความสดใส มีสีสัน
4. ทําให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย จิตใจเบิกบาน
1.วัฒนธรรมทางดนตรีพื้นบ้านภาคกลาง ดนตรีพื้นบ้านภาคกลางส่วนใหญ่ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทตี และเป่าเรียกรวมเป็นเครื่องตีเป่า ซึ่งถือเปนเครื่องประโคม ดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดและพัฒนาจนกลายเป็นวงปี่พาทย์ในปัจจุบัน แต่เดิมวงปี่พาทย์นั้นใช้ปี่และ กลองเป็นหลักต่อมาใช้ระนาดและฆ้องวงและเพิ่มเครื่องดนตรีให้มีจํานวนมากเพื่อให้เสียงดังขึ้น การบรรเลงวงปี่พาทย์ไม่นิยมบรรเลงเพื่อประกอบการละเล่นต่างๆ แต่นิยมบรรเลงในพิธีกรรม การแสดง และการประกวดประชันเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เพลงบรรเลงของวงปี่พาทย์ ประกอบด้วยเพลง โหมโรง เพลง หน้าพาทย์ เพลง เรื่อง เพลง หางเครื่อง และเพลง ภาษา เพลง บรรเลงทั้ง 5 ประเภทเป็นการบรรเลงที่เป็นแบบแผน ไม่ว่าจะบรรเลงเดี่ยวหรือหมู่ ล้วนแต่ใช้แบบ แผนนี้ทั้งสิ้นเพื่อเป็นการอวดฝีมือ ของนักดนตรีนั่นเอง ดนตรีพื้นบานภาคกลางถือเป็นการถ่ายเท ระหว่างวัฒนธรรมราษฎรกับวัฒนธรรมหลวงซึ่งเป็นการผสมผสานจนเกิดเป็นเอกลกัษณ์ของวง ดนตรีพื้นบ้านภาคกลางที่ต่างจากภาคอื่นๆ
2.วัฒนธรรมทางดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ เครื่องดนตรีพื้นบานภาคเหนือยุคแรกส่วนใหญ่ จะเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี แต่เดิมเรียกว่าท่อนไม้กลวง ต่อมาจึงมีการนําหนังมาหุ้มจนกลายเป็น กลอง และได้พัฒนาเป็นเครื่องดีดและสี ซึ่งเกิดการประดิษฐธนูเพื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการล่าสัตว์ โดยการดีดสายหนังให้ลูกดอกปักลงไปในสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการ มนุษย์จึงเกิดการเลียนแบบเสียง ของการดีดสายหนังจนเกิด เป็นเครื่องดนตรี เช่น พิณเพียะ ซึง ซ้อชนิดต่างๆ สะลอ เป็นต้นจากนั้น มนุษย์ได้ประดิษฐ์เครื่องเป่าขึ้น เช่น ขลุ่ยและปี่ ซึ่งเกิดจากการฟังเสียงกระแสลมที่พัดผ่านปาก ปลองคูหาถ้ําหรือเสียงลมกระทบทิวไผ่ต้นไม้ต้างๆเป็นต้น
3.วัฒนธรรมทางดนตรพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัฒนธรรมทางดนตรีพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ - ดนตรีกลุมวัฒนธรรมหมอลํา เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีการขับรอง และเป่าแคนประกอบ พิณเปนเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมรองลงมา จนกระทั่งปัจจุบันนิยมเล่น โป่งลางกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
- ดนตรีกลุมวัฒนธรรมกันตรึม เป็นดนตรีขับร้องที่เรียกว่า เจรียง ซึ่งเป็นเครื่อง ดนตรีของชาวสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ
-ดนตรีกลุ่มวัฒนธรรมโคราช เพลงโคราช เป็นการแสดงเช่นเดียวกับลิเกของภาค กลาง ซึ่งเป็นการขับรองโต้ตอบกันระหว่างหมอเพลงชายกับหมอเพลงหญิง
3.วัฒนธรรมทางดนตรพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัฒนธรรมทางดนตรีพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ - ดนตรีกลุมวัฒนธรรมหมอลํา เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีการขับรอง และเป่าแคนประกอบ พิณเปนเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมรองลงมา จนกระทั่งปัจจุบันนิยมเล่น โป่งลางกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
- ดนตรีกลุมวัฒนธรรมกันตรึม เป็นดนตรีขับร้องที่เรียกว่า เจรียง ซึ่งเป็นเครื่อง ดนตรีของชาวสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ
-ดนตรีกลุ่มวัฒนธรรมโคราช เพลงโคราช เป็นการแสดงเช่นเดียวกับลิเกของภาค กลาง ซึ่งเป็นการขับรองโต้ตอบกันระหว่างหมอเพลงชายกับหมอเพลงหญิง