ศิลปะไทย เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย ซึ่งคนไทยทั้งชาติตางภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ความ งดงามที่สืบทอดอันยาวนานมาตั้งแต่อดีต บ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น โดยมีพัฒนาการบน พื้นฐานของความเป็นไทย ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน ละมุนละไม รักสวยรักงาม ที่มีมานานของ สังคมไทย ทําให้ศิลปะไทยมีความประณีตอ่อนหวาน เป็นความงามอย่างวิจิตรอลังการที่ทุกคนได้ เห็นต้องตื่นตา ตื่นใจ อย่างบอกไม่ถูกลักษณะความงามนี้ได้กลายเป็นความรู้สึกทางสุนทรียภาพ โดยเฉพาะคนไทย เมื่อเราได้สืบคนความเป็นมาของสังคมไทย พบว่าวิถีชีวิตอยู่กันอ่ยางเรียบง่าย มี ประเพณีและศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมมาก่อน ดังนั้น ความผูกพันของจิตใจจึงอยูที่ธรรมชาติแม่น้ำและพื้นดิน สิ่งหลอหลอมเหลานี้จึงเกิดบูรณาการเป็น ความคิด ความเชื่อและประเพณีในทองถิ่น แล้วถ่ายทอดเป็นวัฒนธรรมไทยอย่างงดงาม ที่สําคัญ วัฒนธรรมช่วยส่งต่อคุ่ณค่าความหมายของสิ่งอันเป็นที่ยอมรับในสังคมหนึ่ง ๆ ให้คนในสังคมนั้น ได้รับรู้แล้วขยายไปในขอบเขตที่กว้างขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การสื่อสารทางวัฒนธรรมนั้นกระทําโดย ผ่านสัญลักษณ์ และสัญลักษณ์นี้คือผลงานของมนุษย์นั้นเองที่เรียกว่า ศิลปะไทย
ปัจจุบันคําวา "ศิลปะไทย" กําลังจะถูกลืมเมื่ออิทธิพลทางเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแทนที่ สังคมเก่าของไทย โดยเฉพาะอยางยิ่งโลกแห่งการสื่อสารได้ก้าวไปล้ำยุคมาก จนเกิดความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยอดีต โลกใหม่ยุคปัจจุบันทําให้คนไทยมีความคิดห่างไกล ตัวเองมากขึ้น และอิทธิพลดังกล่าวนี้ทําให้คนไทยลืมตัวเราเองมากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งสับสนอยู่กับ สังคมใหม่อย่างไม่รู้ตัว มีความวุ่นวายด้วยอํานาจแห่งวัฒนธรรมสื่อสารที่รีบเร่งรวดเร็วจนลืมความ เป็นเอกลักษณของชาติ เมื่อเราหันกลับมามองตัวเราเองใหม่ ทําให้ดูห่างไกลเกินกว่าจะกลับมา เรียนรู้ว่า พื้นฐานของชาติบ้านเมืองเดิมเรานั้นมีความเป็นมาหรือมีวัฒนธรรมอย่างไร ความรู้สึก เช่นนี้ ทําให้เราลืมมองอดีตตัวเอง การมีวิถีชีวิตกับสังคมปัจจุบันจําเป็นต้องดิ้นรนต้อสู้กับปัญหา ต่าง ๆ ที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเรามีปัจจุบันโดยไม่มีอดีต เราก็จะมีอนาคตที่คลอนแคลนไม่มั่นคง การดำเนินการนำเสนอแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนศิลปะในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนการ ค้นหาอดีต โดยเราชาวศิลปะต้องการให้อนุชนได้มองเห็นถึง ความสําคัญของบรรพบุรุษ ผู้สร้างสรรค์ศิลปะไทย ให้เราทําหน้าที่สืบสานต่อไปในอนาคต
ไทยเป็นชาติที่มีศิลปะและวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเองมาช้านานแล้ว เริ่มตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ศิลปะไทยจะวิวัฒนาการและสืบเนื่องเป็นตัวของตัวเองใน ที่สุด เท่าที่เราทราบราว พ.ศ. 300 จนถึง พ.ศ. 1800 พระพุทธศาสนานําเขามาโดยชาวอินเดีย ครั้งนั้น แสดงให้เห็นอิทธิพลต่อรูปแบบของศิลปะไทยในทุก ๆ ด้านรวมทั้งภาษา วรรณกรรม ศิลปกรรม โดยกระจายเป็นกลุ่มศิลปะสมัยต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่สมัยทวาราวดี ศรีวิชัย ลพบุรี เมื่อกลุ่มคนไทยตั้งตัว เป็นปึกแผ่นแล้ว ศิลปะดังกล่าวจะตกทอดกลายเป็นศิลปะไทย ช่างไทยพยายามสร้างสรรค์ให้มี ลักษณะพิเศษกว่า งานศิลปะของชาติอื่น ๆ คือ จะมีลวดลายไทยเป็นเครื่องตกแต่ง ซึ่งทําให้ลักษณะ ของศิลปะไทยมีรูปแบบเฉพาะมีความอ่อนหวาน ละมุนละไม และได้สอดแทรกวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและความรู้สึกของคนไทยไว้ในงานอย่างลงตัว ดังจะเห็นได้จากภาพฝา ผนังตามวัดวาอารามต่าง ๆ ปราสาทราชวัง ตลอดจนเครื่องประดับและเครื่องใช้ทั่วไป
ความเป็นแว่นแคว้นที่มีศูนย์กลางการปกครองที่เด่นชัดกว่าที่เคยมีมาในอดีตแคว้น สุโขทัยถือกําเนิดขึ้นเมื่อราวตนพุทธศตวรรษที่ 19ภายหลังจากที่อิทธิพลของอาณาจักรเขมรเสื่อม คลายลง ข้อความในศิลาจารึกหลักที่ 2 (จารึกวัดศรีชุม) กล่าวถึงกลุ่มคนไทยนําโดยพ่อขุนบางกลาง หาวเจ้าเมืองบางยาง และพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด ได้รวมมือกันขจัดอํานาจปกครองจาก “ขอม สมาดโขลญลําพง” จากนั้นได้ช่วยกันก่อร่างสร้างเมืองพร้อมกับสถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวขึ้น เป็นปฐมกษัตริยปกครองสืบมา ศิลปะสุโขทัยเป็นศิลปะที่เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมที่ เจริญรุ่งเรืองก่อนหน้า เช่น วัฒนธรรมเขมร พุกาม หริภุญไชย และวัฒนธรรมร่วมสมัยจากล้านนา ต่อมาในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20 ราชธานีสุโขทัยจึงตกอยู่ใต้อํานาจของกรุงศรีอยุธยาราชธานี ทางภาคกลางที่สถาปนาขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 ศิลปะสุโขทัยมีพื้นฐานอยู่ที่ความเรียบง่าย อันเกิดจากแนวความคิดทางพุทธศาสนาลัทธิเถรวาทที่รับมาจากประเทศศรีลังกา ศิลปกรรม โดยเฉพาะงานดานประติมากรรมที่สร้างขึ้นในสมัยนี้ ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงาม
เป็นศิลปกรรมแบบคลาสสิคของไทยทางตอนเหนือของแควนสุโขทัยขึ้นไปเป็น ที่ตั้งของแคว้นลานนา ซึ่งพระยาเม็งรายได้ทรง สถาปนาขึ้นในปีพ.ศ. 1839 โดยมีเมืองเชียงใหมเป็น ราชธานี แคว้นลานนาบางช่วงเวลาต้องตกอยูภายใต้อํานาจทางการเมืองของแว่นแคว้นใกล้เคียง จนกระทั่งในที่สุดจึงได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสยามเมือ่สมัยตนรัตนโกสินทร ศิลปะลานนา ในช่วงต้นๆสืบทอดลักษณะทางศิลปกรรมจากหริภุญไชยผสมผสานกับศิลปะพุกาม จากประเทศพม่า ต่อมาจึงปรากฏอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย พม่า รวมถึงศิลปะรัตนโกสินทร์ แต่ กระนั้นลานนาก็ยังรักษาเอกลักษณ์แห่งงานช่างอันยาวนานของตนอยู่ได้ และมีพัฒนาการผ่านมาถึง ปัจจุบัน
ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 1893 พื้นที่ภาคกลาง บริเวณสองฟากของลุ่ม เม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏศิลปกรรมรูปแบบหนึ่งซึ่งมีลักษณะผสมผสานระหวางศิลปะทวารวดี ศิลปะ เขมร และศิลปะสุโขทัย ก่อนทีจะสืบเนื่องมาเป็น ศิลปะอยุธยา เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ของไทยอยู่นานถึง 417 ปี ศิลปกรรมที่สร่างขึ้นจึงมีความผิดแผกแตกต่างกันออกไปตามกระแสวัฒนธรรมที่ผ่านเข้ามา โดยเฉพาะจากเขมรและสุโขทัย ก่อนจะพัฒนาไปจนมีรูปแบบที่เป็นตัวของ ตัวเอง งานประณีตศิลปในสมัยนี้ถือได้ว่ามีความรุ่งเรืองสูงสุดหลังจากราชธานีกรุงศรีอยุธยาถึง คราวล่มสลาย เมื่อพ.ศ. 2310 ก็ถึงยุคกรุงธนบุรี เนื่องจากในชวงเวลา 15 ปีของยุคนี้ไม่ปรากฏ หลักฐานทางศิลปกรรมที่มีรูปแบบเฉพาะ จึงมักถูกรวมเขากับราชธานีกรุงเทพฯ หรือทีเ่รียกว่า กรุง รัตนโกสินทร์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ในช่วงต้นๆมีลักษณะเป็นการสืบทอดงานแนวอุดมคติจากอดีต ราชธานีกรุงศรีอยุธยาอย่างเด่นชัด จากนั้นในช่วงตั้งแตรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา อิทธิพลทาง ศิลปวัฒนธรรมจากตะวันตกได้เริ่มเขามามีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายมาเป็นศิลปะแนว ใหม่ที่เรียกว่า “ศิลปกรรมร่วมสมัย” ในปจจุบัน