รําวงมาตรฐาน เป็นการแสดงมาจากรําโทน เป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวไทย ที่บ่งบอกถึงความสนุกสนาน ซึ่งแต่เดิมรําโทนก็เล่นกันเป็นวง จึงเรียกวา “รำวง” แต่เดิมไม่มีคําวาา “มาตรฐาน” จะเรียกกันว่ารําวงเท่านั้น
ต่อมาราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มกีารปรับปรุงการเล่นรำ โทนให้งดงามตามแบบของกรมศิลปากร ทั้งการร้อง และการร่ายรําให้มีความงดงามเป็นแบบฉบับ กลางๆ ที่จะร้องเล่นได้ทั่วไปในทุกภาค และเปลี่ยนจากการเรียกว่า รําโทน เป็นรําวง เพราะประการ ที่หนึ่ง เครื่องดนตรีที่ใช้มีมากกว่า ฉิ่ง กรับ และโทน เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน และความไพเราะให้ ถูกหลักทั้งไทยและสากล ประการที่สอง แต่เดิมรําโทนก็เล่นกันเป็นวงการเปลี่ยนจากรําโทนเปนรํา วง ก็ยังคงรูปลักษณเดิมไว้ส่วนที่พัฒนาคือท่ารํา จัดให้เป็นท่ารําไทยพื้นฐานอย่างง่ายๆ สู่โลกสากล เรียนรู้ง่าย เป็นเร็ว สนุก และเป็นแบบฉบับของไทยโดยแท้ ทางด้านเนื้อรองได้พัฒนาในทํานอง สร้างสรรค์ รําวงที่พัฒนาแล้วนี้เรียกว่า รําวงมาตรฐาน เนื้อเพลงในรําวงมาตรฐานมีทั้งหมด 10 เพลง แต่ละเพลงจะบอกท่ารํา (จากแม้บท) ไว้ให้พร้อมปฏิบัติ
เพลง งานแสงเดือน รำท่า สอดสร้อยมาลา
งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ (ซ้ำ)
เราเล่นเพื่อสนุก เปลื้องทุกข์วายระกำ
ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอย
เพลงชาวไทย รำท่าชักแป้งผัดหน้า
ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่
การที่เราได้เล่นสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้
เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์
เราจึงควรช่วยชูชาติ ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ
เพื่อความสุขเพิ่มพูน ของชาวไทยเรา เอย
เพลง รำมาซิมารำ รำท่ารำส่าย
รำซิมารำ เริงระบำกันให้สนุก
ยามงานเราทำงานจริง ๆ ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขลุก
ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์
ตามเยี่ยงอย่างตามยุค เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม
เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ
มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ มาเล่นระบำของไทยเราเอย
เพลงคืนเดือนหงาย รำท่า สอดสร้อยมาลาแปลง
ยามกลางคืนเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา
เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา
เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย