นาฏศิลป์ไทย เป็นศิลปะที่รวมศิลปะทุกแขนงเข้าดวยกัน แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ โขน ละคร รํา ระบํา การละเล่นพื้นเมือง
เป็นศิลปะของการรํา การเต้น แสดงเป็นเรื่องราว โดยมีศิลปะหลายรูปแบบผสมผสานกัน ลักษณะการแสดงโขนมหีลายชนิด ได้แก่ โขนกลางแปลง โขนนี่งราว โขนโรงใน โขนหนาจอ และ โขนฉาก ซึ่งโขนแตละชนิดมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งสําคัญที่ประกอบการแสดงโขน คือ บทที่ใช้ประกอบการแสดงจากเรื่องรามเกียรติ์ การแต่งกายมีหัวโขน สําหรับสวมใส่เวลาแสดง เพื่อบอกลักษณะสําคัญ ตัวละครมีการพากย์ เจรจา ขับร้อง และดนตรีบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ ยึด ระเบียบแบบแผนในการแสดงอย่างเคร่งครัด
ประวัติความเป็นมาของโขน
โขน เปนการแสดง ที่กล่าวกันว่า ได้รับอิทธิพลการแสดงมาจากการละเล่นของไทยหลายแบบ นํามาผสมผสานกันจนเกิดการแสดงที่เรียกว่า โขน ดังจะได้กล่าวดังต่อไปนี้
1. การแสดงชักนาคดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นการแสดงตนานของพระนารายณตอนกวนน้ำอมฤต โดยแบ่งผูแสดงออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายอสูร กับฝ่ายเทวดา และวานร โดยอสูรจะเป็นผู้ชักอยู่ ด้านหัว ส่วนเทวดาและวานร ชักอยู่ด้านล่าง ใช้พญานาคเป็นเชือก เขาพระสุเมรุเป็นแกนกลาง การ แสดงแนวคิดนี้เชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้มีการพัฒนาแบ่งผู้แสดง เครื่องแต่งกาย และนําแบบอย่างมาเป็น รูปแบบการแสดงโขน ได้แก่การแต่งกาย เทวดา ยักษ ์ลิง
2. กระบี่ กระบอง เป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยยุทธวิธี เป็นศิลปะที่ชาว ไทยทุกคนต้องเรียนรู้และป้องกันตนเอง และประเทศชาติ กระบวนท่าต่าง ๆ นั้น เชื่อว่า โขนคง รับมาในท่าทางของการต่อสู้ของตัวแสดง
3. หนังใหญ่ เป็นมหรสพของไทยในอดีต ใช้หนังวัวฉลุเป็นภาพตัวละครต่าง ๆ เวลาแสดง จะให้แสงส่องตัวหนังเกิดเงาที่งดงามบนจอผ้าขาว จุดเด่นของหนังใหญ่ คือ การเต้นของผู้เชิดตัว หนังไปตามจังหวะของตนตรี เรียกว่า หน้าพาทย์ และบทเจรจา ดังนั้นโขน น่าจะไดรับอิทธิพลการ พากย์ และเจรจา จากการแสดงหนังใหญ่ เรื่องที่แสดง จะใช้วรรณคดีที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียคือ รามเกียรติ์ วีรกษัตริย์ชาว อารยัน คือพระราม ที่เป็นตัวเอกของเรื่อง
ประเภทของโขน
การแสดงที่เล่นเป็นเรื่องราว มุ่งหมายก่อให้เกิดความบันเทิงใจ สนุกสนาน เพลดิเพลิน หรือเราอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ดู ตามเรื่องราวนั้น ๆ ขณะเดียวกันผู้ดูก็จะได้แนวคิดคติ ธรรมและปรัชญา จากการละครนั้น
ประเภทของละคร
การละเล่นพื้นเมือง เป็นการละเล่นในท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน แบ่งออกเป็น ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน แต่ละภาคจะมีลักษณะเฉพาะในการแสดง ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ ปัจจัยหลายประการได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ ประเพณี ศาสนา ความเชื่อและค่านิยม ทําให้เกิดรูปแบบ การละเล่นพื้นเมืองขึ้นหลายรูปแบบ ได้แก่ รูปแบบการแสดงที่เป็นเรื่องราวของการร้องเพลง เช่น เพลงเกี่ยวข้าว เพลงบอก เพลงซ้อ หรือรูปแบบการแสดง เช่น ฟ้อนเทียน เซิ้งกระหยัง ระบําตา รีกีปส ซึ่งแต่ละรูปแบบนี้จะมีทั้งแบบอนุรักษ์ปรับปรุงและพัฒนา เพื่อให้ดํารงอยู่สืบไป