ผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม หรือการ
ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม หรือการขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและ
ผลประโยชน์ส่วนตน
การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม มีลักษณะทำนองเดียวกันกับ
กฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี หลักคุณธรรม จริยธรรม กล่าวคือ การกระทำใด ๆ ที่เป็นการขัดกัน
ระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรจะกระทำ แต่บุคคลแต่ละคน
แต่ละกลุ่ม แต่ละสังคมอาจเห็นว่าการขัดกันก็ยังอาจจะมีระดับของความหนักเบาแตกต่างกัน และในกรณีที่มี
การฝ่า‘ฝืนบางเรื่อง บางคนอาจเห็นว่าไม่เป็นไร เป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออาจเห็นเป็นเรื่องใหญ่ ต้องถูกประณาม
ตำหนิ ฯลฯ แตกต่างกันตามสภาพของสังคม
โดยพื้นฐานแล้ว เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์จึงเป็นกฎศีลธรรมประเภทหนึ่ง ที่บุคคลไม่ควร
ละเมิดหรือฝ่า‘ฝืน แต่เนื่องจากมีการฝ่า‘ฝืนกันมาก และบุคคลผู้ฝ่า‘ฝืนไม่มีความเกรงกลัวหรือละอายต่อการ
ฝ่า‘ฝืนนั้น สังคมก็ไม่ลงโทษหรือลงโทษไม่เพียงพอที่จะมีผลเป็นการห้ามการกระทำดังกล่าว และในที่สุดจึงมี
การตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์มากขึ้น
หน้าที่ทับซ้อน (conflict of duty) หรือผลประโยชน์เบียดซ้อนกัน (competing interests)
มี 2 ประเภท
1. ประเภทแรก เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่มีบทบาทหน้าที่มากกว่าหนึ่ง เช่น เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน
และเป็นคณะกรรมการด้านระเบียบวินัยประจำหน่วยงานด้วย ปัญหาจะเกิดเมื่อไม่สามารถแยกแยะบทบาท
หน้าที่ทั้งสองออกจากกันได้ อาจทำให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั้งเกิดความผิดพลาด หรือผิด
กฎหมาย ปกติหน่วยงานมักมีกลไกป้องกันปัญหานี้โดยแยกแยะบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ให้ซัดเจน แต่ก็ยังมี
ปัญหาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานที่มีกำลังคนน้อย หรือมีเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้นที่สามารถทำงาน
บางอย่างที่คนอื่น ๆ ทำไม่ได้ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยห่วงปัญหานี้กันเพราะดูเหมือนไม่มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตน
มาเกี่ยวข้อง
2. ประเภทที่สอง เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่มีบทบาทหน้าที่มากกว่าหนึ่งบทบาท และการทำบทบาท
หน้าที่ในหน่วยงานหนึ่งนั้น ทำให้ได้ข้อมูลภายในบางอย่างที่อาจนำมาใช้เป็นประโยชน์แก่การทำบทบาทหน้าที่
ให้แก่อีกหน่วยงานหนึ่งได้ ผลเลีย คือ ถ้านำข้อมูลมาใช้ก็อาจเกิดการประพฤติมิชอบหรือความลำเอียงอคติ
ต่อคนบางกลุ่ม
ดังนั้น ควรถือได้ว่าหน้าที่ทับซ้อนเป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย เพราะว่ามีหลักการจัดการ
แบบเดียวกันนั่นคือ การตัดสินใจทำหน้าที่ต้องเป็นกลางและกลไกการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนก็สามารถ
นำมาจัดการกับหน้าที่ทับซ้อนได้