ระดับ ม.ปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องที่ 7
เรื่องที่ 7 กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเป็นพลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพลเมืองดีหรือพลเมืองของประเทศ ของพลโลก ผ่านการสร้างเด็ก เยาวชน และประชาชน โดยใช้การศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในระดับครอบครัว ชุมชน สังคม และระดับโลก ให้มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ตระหนักในการคิด ตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ปรากฎการณ์ทางการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นในฐานะที่เป็นพลเมือง
ตัวอย่างการจัดทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการคิด วิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม
1. การเคารพสิทธิหน้าที่ตนเองและผู้อื่น
กรณีศึกษา เรื่องที่ 1 เด็ก ป.3 เก็บกระเป๋าสตางค์
เด็กชายภาวัต ตุลา นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านสันต้นดู่ เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ ในกระเป๋าสตางค์มีธนบัตรและมีเอกสารต่าง ๆ รวมเป็นเงิน 100,000 กว่าบาท แล้วนำคืนเจ้าของครบทุกบาททุกสตางค์เจ้าของให้เงินค่าตอบแทนเป็นค่าขนม แต่เด็กชายภาวัตไม่รับ จึงต้องนำใส่มือให้ทางโรงเรียนขอชื่นชมเป็นตัวอย่างให้คนอื่นและนักเรียนในโรงเรียนว่า เป็นเด็กที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย
2. ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย
การมีวินัย มีความสามัคคี และรู้จักหน้าที่ ถือกันว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญประจำตัวของคนทุกคนแต่ในการสร้างเสริมคุณสมบัติ 3 ข้อนี้ จะต้องไม่ลืมว่า วินัย สามัคคี และหน้าที่นั้น เป็นได้ทั้งในทางบวกและทางลบ ซึ่งย่อมให้คุณหรือให้โทษได้มากเท่า ๆ กัน ทั้ง 2 ทาง เพราะฉะนั้น เมื่อจะอบรมจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ่องแท้แน่ชัดก่อนว่า เป็นวินัย สามัคคี และหน้าที่ที่ดี คือ ปราศจากโทษ เป็นประโยชน์ เป็นธรรม
กติกา คือ สิ่งที่บุคคลหรือคณะบุคคลสร้างขึ้น เพื่อให้เป็นแบบแผนปฏิบัติในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเมื่อกติกานั้นได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้น กติกานั้นก็จะกลายเป็น กติกาสากล กติกาการแข่งขัน กีฬา เป็นต้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ในวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2526
ระเบียบ หมายถึง แบบแผนที่วางไว้เป็นแนวปฏิบัติหรือดำเนินการ เช่น ระเบียบวินัย ระเบียบข้อบังคับ ต้องปฏิบัติตามระเบียบ วินัย ถูกลำดับ ถูกที่ เป็นแถวเป็นแนว มีลักษณะเรียบร้อย เช่น เขาทำงานอย่างมีระเบียบ
กฎ ตามพระราชบัญญัติ หมายถึง วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 5(2) หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่น ที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการจำเพาะ
กฎ หมายถึง ทุกอย่างที่กล่าวมาแต่ต้น ออกโดยหน่วยงานทางปกครอง โดยมีผลบังคับเช่นเดียวกับกฎหมาย อาจมีระยะเวลาหรือไม่ก็ได้ ที่เรียกว่า กฎ ก็เพราะว่า กฎ ไม่ได้ออกโดยรัฐสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติมีศักดิ์ทางกฎหมายตามลำดับขั้นอยู่ในชั้น กฎ ถึงแม้ระเบียบข้อบังคับท้องถิ่นจะออกโดยสภานิติบัญญัติท้องถิ่น ก็มีศักดิ์เป็นเพียง กฎ
กฎหมาย หรือพระราชบัญญัติ ถูกตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาในประเทศที่ใช้ระบบสองสภา ส่วนในประเทศที่ใช้สภาเดียว ก็ทำหน้าที่เป็นรัฐสภา
การเสนอกฎหมาย ถึงแม้โดยหลักการจะออกโดยรัฐสภา แต่กฎหมายส่วนใหญ่ถูกเสนอขึ้นโดยฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาล (ในรูปแบบรัฐสภา) ในรูปแบบอื่นจะต่างไปจากนี้ กฎหมาย สมาชิกสภาผู้แทนฯสามารถเสนอเข้าสู่สภาได้ โดยมีผู้เข้าชื่อรับรองในการเสนอร่างกฎหมายนั้น 20 คน แต่กฎหมายใดเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน คือ เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน เช่น แยกกระทรวง แยกจังหวัด เป็นต้น ร่างกฎหมายฉบับนั้นต้องให้นายกรัฐมนตรีเซ็นรับรองก่อนเสนอเข้าสู่สภา
ดังนั้น กฎหมายจึงมีศักดิ์สูงกว่ากฎ โดยลำดับชั้นทางกฎหมาย รัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงสุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือยกเลิกจะต้องตราเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือรัฐประหารที่เป็นวิธีนอกขั้นตอนกฎหมายถ้าหากว่าจะยกเลิกก็ต้องตรากฎหมายใหม่ขึ้นมายกเลิกเช่นกัน
กรณีศึกษา เรื่องที่ 2 ไม้กลายเป็นทองคำ
นายมานะ เป็นพ่อค้าที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจและวงการทางการเมือง รวมไปถึงวงการราชการไทย ครั้งหนึ่งเขาได้พานักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 10 คน ไปเที่ยวประเทแถบอเมริกใต้ โดยออกค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อถึงวันเดินทางกลับ เขาได้นำทองคำเถื่อนเข้ามาโดยบอกว่าเป็นไม้แกะสลักของผู้เดินทางทั้งหมด เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจประเมินราคาจัดเก็บภาษีของเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจ ซึ่งเขาได้รับยกเว้นการตรวจ เนื่องจากนายมานะมีความสนิทสนมคุ้นเคยและให้สิ่งของแก่เจ้าหน้าที่เป็นประจำ ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่คำนวณเก็บภาษีโดยไม่ได้เปิดลังตรวจตามขั้นตอนปกติ เป็นเงิน 2,000 บาท หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบพิรุธจึงไม่ให้นำสินค้าออกนอกสนามบิน ขณะที่พลเมืองดีก็โทรศัพท์แจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่าเขาแจ้งนำสินค้าไม่ตรงกับรายการที่ได้รับแจ้ง ดังนั้น ป.ป.ช. จึงประสานระงับการนำสินค้าออกไปเพื่อรอการตรวจพิสูจน์ เมื่อทำการตรวจพิสูจน์แล้ว พบว่า จากที่นายมานะแจ้งว่าเป็นไม้แกะสลักกลับกลายเป็นทองคำมูลค่าหลายสิบล้านบาท เมื่อหลักฐานการสืบค้นชัดเจนจึงได้ดำเนินการส่งฟ้องจำเลย คือเจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บภาษีฐานะละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และนายมานะฐานะสนับสนุนการทำความผิดของเจ้าหน้าที่ ในคดีนี้ศาลได้พิพากษาว่า จำเลย คือ เจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บภาษีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ส่วนนายมานะ ศาลลงโทษจำคุกและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาประเมินบวกอากร รวมเป็นเงินหลายสิบล้านบาท
3. ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น/สังคม/โลก
กรณีศึกษา เรื่องที่ 3 ชาวบ้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จิตอาสาร่วมเก็บขยะตลอดแนวชายหาดหัวหิน
นายกิตติกรณ์ เทพอยู่อำนวย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายอุทัย ขันทอง หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการป้องกันภัยจังหวัด นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน เจ้าหน้าที่ทหารร้อย รส. อ.หัวหิน ร่วมกันจัดการเก็บซากขยะกว่า 10 ตัน ที่ถูกพัดขึ้นมาบริเวณชายหาดหัวหิน ตั้งแต่หน้าโรงแรมนาวีภิรมย์ท่าเทียบเรือสะพานปลาหัวหิน โรงแรมฮิลตัน หัวหินโรงแรมเซนทารา หัวหินชายหาดเขาตะเกียบ และชายหาดหัวดอน ตลอดแนวระยะทางกว่า 10 กิโลมตร ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยคาดว่าจะใช้เวลาเก็บประมาณ 3 วันเพื่อให้ชายหาดตลอดแนวคืนสู่สภาพปกติ และไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวพร้อมกันนี้ทางสำนักงานป้องกันภัยจังหวัด ได้ประสานขอกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารจากศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี เพื่อช่วยเก็บซากขยะบริเวณดังกล่าว เนื่องจากขยะมีปริมาณมาก สำหรับขยะดังกล่าวเกิดจากลมมรสุมพัดเข้ามาเกยหาดเป็นประจำทุกปี โดยเทศบาลเมืองหัวหินได้ออกดูแลให้ชายหาดสะอาด สวยงาม และปลอดภัย เพื่อให้ หัวหิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ และประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศตลอดไป
ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/loca/central/1397193
4. ความเป็นพลเมืองของประเทศ/โลก
กรณีศึกษา เรื่องที่ 4 ตำนานพ่อเฒ่าปลูกต้นไม้ 37 ปี กลายเป็นป่าทึบ
ลุงสงัด อินมะตูม ตำนานคนปลูกป่าบ้านท่าไขย กว่า 37 ปีแล้ว ที่พื้นที่ป่าบ้านท่าไชย เติบโตเป็นป่าชุมชน บนเนื้อที่ 36 ไร่ มีต้นไม้หลากหลาย 17 ชนิด ราว 5,000 ต้น จากน้ำพักน้ำแรงของลุงสงัดโดยไม่เคยต้องการค่าตอบแทน ด้วยตระหนักว่าการปลูกต้นไม้ คือ การทำบุญ
ป่าชุมชนวัดท่าไชย ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ถือเป็นความสำเร็จในเรื่องการปลูกป่าและสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรักป่า ที่ต้องการปลูกป่า รวมทั้งยังให้ความร่มรื่น ชุ่มชื้น แก่พื้นที่บ้านท่ไชยซึ่งบำาแห่งนี้เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของลุงสงัด อินมะตูม ชายชราวัย 98 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 2 ต.มะตูมอ.พหมพิราม จ.พิษณุโลก แต่ช่วงเวลานี้ไม่ได้ไปบ่อย ๆ เนื่องจากสภาพร่างกายไม่แข็งแรงทำให้ลุงสงัดไม่ได้ออกไปปลูกป่าเหมือนแต่ก่อน
โดยลุงสงัด เล่าว่า ที่เริ่มมาปลูกป่า ช่วงนั้นอายุราว ๆ 60 ปี เมื่อปี 2524 ครอบครัวมีฐานะมั่นคงพออยู่พอกินและลูก ๆ ช่วยตัวเองได้แล้ว จึงเข้าวัดอีกครั้งเพื่อศึกษาธรรมะที่เคยบวชเรียนและช่วยงานวัดดูแลพื้นที่ของวัดท่าไขยที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งขณะนั้น พระอาจารย์สาม เป็นเจ้าอาวาสวัดท่ไชย มีความรู้ความสนใจและรักต้นไม้ จึงซึมซับความรู้สึก จนกระทั่งเอาจริงจังกับการปลูกต้นไม้ การเพาะต้นไม้และดูแลรักษาต้นไม้ในพื้นที่ของวัด โดยเฉพาะส่วนที่เป็นธรณีสงฆ์ที่บรรพบุรุษลุงสงัดถวายให้แก่วัดท่าไชยบนเนื้อที่กว่า 36 ไร่ต่อมาพระอาจารย์สาม ขอให้ลุงสงัดดูแลพื้นที่วัดท่ไชยให้มีป่ามีต้นไม้ต่อไปตราบเท่าจะทำได้ ด้วยสัจจะสัญญาระหว่างพระอาจารย์สามกับลุงสงัด ตามสัญญาที่ให้ไว้ ที่จะดูแลป่าวัดท่าไชย
อีกทั้งที่ความคิดที่ว่า "ที่เป็นของวัด ป่าเป็นของพระราชินี" จึงทำด้วยความสุข ไม่มีสิ่งตอบแทนจึงดูแลป่าวัดท่าไชยเรื่อยมาและขยายพันธุ์ไม้ในกระป้องนม สู่วัดใกล้เคียงและผู้สนใจทั่วไปปีละเป็นหมื่นต้นซึ่งปลูกป่ามาได้จนอายุ 92 ปี ด้วยวัยที่ชราไม่สามารถปลูกป่าต่อได้แต่ก็ยังหวังให้ทุกคนคอยดูแลและรักษาป่าต่อไป
ที่ผ่านมาลุงสงัด เคยได้รับรางวัล เมื่อปี 2536 รางวัลบุคคลดีเด่นในการร่วมปลูกต้นไม้โครงการคืนธรรมชาติสู่แผ่นดิน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกและปี 2548 โล่เกียรติคุณสาขาการส่งเสริมและพัฒนาป่าชุมชน กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่มา : https:/www.sanook.com/news/6634362/
6. พลโลกที่มีความรับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต
พลโลก หมายถึง ทุกคน ทุกบ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ และทุกประเทศ ทุกชน ทุกเผ่า ทุกชั้นวรรณะ ไม่มีแบ่งแยก เราทุกคนอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเป็นบ้านหลังใหญ่
คุณลักษณะพลเมืองที่ดีของประเทศชาติและสังคมโลก
1. เคารพกฎหมายและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสังคม เมื่อพลเมืองทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม และบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือไม่กระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณในการป้องกันปราบปราม และจับกุมผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ยังทำให้สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุขทุกคน อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ไม่หวาดระแวงคิดร้ายต่อกัน
2. เป็นผู้มีเหตุผล และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นทุกคนย่อมมีอิสรภาพ เสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งการรู้จักการใช้เหตุผลในการดำเนินงาน จะทำให้ช่วยประสานความสัมพันธ์ทำให้เกิดความเข้าใจอันดีงามต่อกัน
3. ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ เมื่อมีความขัดแย้งกันในการดำเนินกิจกรรมอันเกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และจำเป็นต้องตัดสินปัญหา ด้วยการใช้เสียงข้างมากเข้าช่วย และมติส่วนใหญ่ตกลงว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับความคิดของเรา เราก็ต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่นั้น
4. เป็นผู้นำมีน้ำใจประชาธิปไตย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผู้ที่มีความเป็นประชาธิปไตยนั้นจะต้องมีความเสียสละในเรื่องที่จำเป็นเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม และรักษาไว้ซึ่งสังคมประชาธิปไตยเป็นการส่งผลต่อความมั่นคงและความก้าวหน้าขององค์กร ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์ดังกล่าวก็ย้อนกลับมาสู่สมาชิกของสังคม เช่น การไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถึงแม้ว่าเราจะมีอาชีพบางอย่างที่มีรายได้ตลอดเวลา เช่น ค้าขายแต่ก็ยอมเสียเวลาค้าขายเพื่อไปลงสิทธิ์เลือกตั้ง บางครั้งเราต้องมีน้ำใจช่วยเหลือกิจกรรมส่วนร่วม เช่น การสมัครเป็นกรรมการเลือกตั้งหรือสมาคมบำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น
5. เคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ควรรู้จักเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เช่น บุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นการพูด แต่ต้องไม่เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นที่ใส่ร้ายผู้อื่นให้เสียหาย
6. มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม ชุมชน ประเทศชาติ ในการอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมต้องมีการทำงานเป็นหมู่คณะจึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในงานนั้น ๆ ให้สมาชิกแต่ละคนนำไปปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายไว้อย่างเต็มที่
7. มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง ในสังคมประชาธิปไตยนั้น สมาชิกทุกคนต้อง
มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง เช่น การเลือกตั้ง เป็นต้น
8. มีส่วนร่วมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง ช่วยสอดส่องพฤติกรรมมั่วสุมของเยาวชนในสถานบันเทิงต่าง ๆ ไม่หลงเชื่อข่าวลือ คำกล่าวร้ายโจมตี ไม่มองผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเราเป็นศัตรู รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยสันติวิธี
9. มีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตนตามหลักธรรม ทุกคนควรมีศีลธรรมไว้เป็นหลักในการควบคุมพฤติกรรมของบุคลให้ดำเนินไปอย่างเหมาะสม ถึงแม้จะไม่มีบทลงโทษใด ๆ ก็ตาม
กรณีศึกษา เรื่องที่ 6 พลโลกที่มีความรับผิดชอบต่อการป้องกันการทุจริต
สำหรับประเทศเกาหลี การต่อต้านคอร์รัปชั่นเข้มแข็งมากจากภาคประชาชน นำโดยปัก วาน ชุน (Pak Whan Chun) นักกฎหมายจากฮาร์วาด รณรงค์ให้มีการต่อต้านการคดโกงของข้าราชการนักการเมือง และนักธุรกิจ มีประชาชนให้การสนับสนุนจากจำนวนสิบเป็นจำนวนหลายหมื่น เป็นสมาชิกและบริจาคเงินมูลนิธิด้วยการจำกัดจำนวน เพื่อไม่ให้มีการครอบงำจากอิทธิพลใด ไม่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล และนักการเมือง การทำงานเป็นไปอย่างโปร่งใส ได้รับข้อมูลเบาะแสการประพฤติมิชอบของข้าราชการ นักการเมือง จากสมาชิกทั่วประเทศ และมีทีมงานนักกฎหมายตรวจสอบกลั่นกรองแล้วเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งผลักดันให้มีการออกกฎหมายป้องกันพยานได้สำเร็จ ทำให้เกิดพลังสังคมที่เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน ประสบความสำเร็จในระดับที่ทำให้ประธานาธิบดีของเกาหลีถูกพิพากษาจำคุก และบางคนเพียงถูกสงสัยก็ฆ่าตัวตาย เพราะเกิดความละอาย และพร้อมแสดงตนปกป้องความดีเพื่อสังคม
ที่มา : ทิพย์พาพร ตันติสุนทร
สถาบันนโยบายการศึกษา http://www.fpps.or.th/news.php?detail=n 1367173359.news
7. การยกย่องเชิดชูกับคนที่ทำความดี
กรณีศึกษา เรื่องที่ 7 บุคคลตัวอย่างพลเมืองดีในแต่ละประเทศ
ประวัติพลเมืองดีของประเทศต่าง เพื่อสร้งแรงบันดาลใจในการเป็นพลเมืองดี ดังนี้
1. ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกรหญิง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ "อาจารย์ นักวิจัย เจ้าของฉายาเภสัชกรยิปซี" (ค.ศ. 1952 - ปัจจุบัน) เป็นผู้ค้นพบและวิจัยยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ ทำให้สามารถผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
ในปี ค.ศ. 2002 ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม เพื่อเดินทางไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ทวีปแอฟริกาด้วยเงินของตัวเองโดยเข้าไปถ่ายทอดความรู้ในการผลิตตัวยาต้านไวรัสเอดส์ และยารักษาโรคมาลาเรียแก่ประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศรวันดา บุรุนดีไลบีเรีย ฯลฯในประเทศไทย ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ได้ก่อตั้ง "มูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์" เพื่อช่วยเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตจากโรคเอดส์รวมถึงเด็กที่ติดเชื้อเอดส์ด้วย ผลงานของท่านแสดงถึงความมีจิตอาสาและจิตสาธารณะที่ทุ่มเท เพื่อประโยชน์ของคนในชาติและผู้คนทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2009 ดร.กฤษณาไกรสินธุ์ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ
2. เกลาศ สัตยาร์ธี (Kailash Satyarthi) ประเทศอินเดีย "นักเคลื่อนไหวด้านสังคมและเยาวชน"(ค.ศ. 1954 - ปัจจุบัน) เป็นเวลากว่า 35 ปี ที่ เกลาศ สัตยาร์ มุ่งมั่นให้ผู้คนทั่วโลกตื่นตัวเรื่องปัญหาแรงงานเด็กเขาพยายามเปลี่ยนแปลงค่นิยมของคนในสังคมโลก โดยรณรงค์คัดค้านสินค้าต่าง ๆ ที่ผลิตจากการเอารัดเอาเปรียบแรงงานเด็ก แน่นอนว่าชีวิตเขาเสี่ยงต่อการถูกลอบทำร้ายจากผู้มีอิทธิพลตลอดเวลา
ปี ค.ศ. 1994 ได้ก่อตั้งกลุ่ม "กู๊ดวีฟอินเตอร์เนชั่นแนล (GoodWeave Internation)" เพื่อจัดทำระบบรับรองและติดฉลากบนพรมที่ปลอดแรงงานเด็ก กระทั่งสามารถมอบอิสรภาพให้แก่เด็ก ๆจากการถูกใช้แรงงนได้เป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศว่าด้วย การห้ามใช้แรงงานเด็กขึ้น ในปี ค.ศ. 2014 เกลาศ สัตยาร์ธี เป็นชาวอินเดียคนที่ 8 ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
3. มาลาลา ยูชาฟไซ (Malala Yousafzai)ประเทศปากีสถาน "นักเคลื่อนไหวด้านสังคมและการศึกษา" (ค.ค. 1997 - ปัจจุบัน) สาวน้อยวัย 17 ปี ผู้มีหัวใจอันกล้าหาญ มาลาลา ซาฟไซ ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพทางการศึกษาของผู้หญิง จากการคุกคามด้วยความรุนแรงของกลุ่มตอลิบานมาลาลา ยูซาฟไซ กล้าที่จะต่อต้านต่อคำสั่งของกลุ่มตอลิบานที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ โดยในปีค.ศ. 2009 ได้เขียนเรื่องราวบอกเล่าชีวิตผู้หญิงภายใต้ระบอบของตอลิบานลงในเว็บไซของบีบีซี กระทั่งเรื่องการลิดรอนสิทธิการเรียนหนังสือของผู้หญิงในปากีสถานเป็นที่รู้กันในวงกว้าง ทำให้กลุ่มตอลิบานไม่พอใจมาก
แม้ถูกขู่ฆ่าหลายครั้ง แต่เธอยังไม่ล้มเลิกที่จะเรียกร้องสิทธิในการศึกษา กระทั่งปี ค.ศ. 2012มาลาลาถูกกลุ่มติดอาวุธตอลิบานลอบยิงที่ศีรษะจนอาการเป็นตายเท่ากัน แต่เธอก็รอดชีวิตมาได้ ปัจจุบันมาลาลา อาศัยอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เพื่อลี้ภัยจากการถูกคุกคาม ในปี ค.ศ. 2014 มาลาลายูซาฟไซ คือ บุคคลอายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
ที่มา : ทสมลชนาดิสัย. อัจฉริยะ 100 หน้า หน้าที่พลเมือง. 2558. กรุงเทพฯ . อมรินทร์ พริ้นติ้งแอนด์พับลิซยิ่ง.
จัดทำโดย...นางภานิษา เชื้อเมืองพาน