ระดับ ม.ปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่องที่ 2 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
(พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9)
ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องความพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต (พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) เป็นแบบอย่างในเรื่องของความพอเพียงเรื่อง ฉลอง
พระองค์บนความ "พอเพียง" : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก 24 ตุลาคม 2559
นายสุนทร ชนะศรีโยธิน เจ้าของร้านสูท "วินสัน เทเลอร์" ได้บอกเล่าพระราชจริยวัตรในด้าน
"ความพอเพียง" ที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องว่า "นายตำรวจนำมาให้ผมซ่อมเป็นผ้ารัดอก
สำหรับเล่นเรือใบสภาพเก่ามากแล้ว นายตำรวจท่านนั้นบอกว่าไม่มีร้านไหนยอมซ่อมให้เลย ผมเห็นว่า
ยังแก้ไขได้ก็รับมาซ่อมแซมให้โดยไม่คิดเงิน เพราะนึกเพียงแค่อยากบริการแก้ไขให้ดีให้ลูกค้าประทับใจ แต่ไม่รู้
มาก่อนว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ในพระราชสำนัก ตอนนั้นผมบอกว่าไม่คิดค่าตัดบอกเขาว่าไม่รับเงิน แก้ไขแค่นี้
ผมมีน้ำใจ ผมเปิดร้านเสื้อเพราะต้องการให้มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและบริการลูกค้ามากกว่า แก้ไขนิดเดียว
ก็อยากทำให้เขาดี ๆ ไม่ต้องเสียเงิน ตอนนั้นเขาถามผมอีกว่าแล้วจะเอามาให้ทำอีกได้ไหม เราก็บอกได้เลย
ผมบริการให้ จากนั้นเราก็รับแก้ชุดให้นายตำรวจท่านนี้เรื่อย ๆ เขาขอให้คิดเงินก็ไม่คิดให้ พอครั้งที่ 5 นี่สิ ท่านเอาผ้า
มา 4 - 5 ผืน จะให้ตัดถามผมว่าเท่าไหร่ แล้วก็รีบควักนามบัตรมาให้ผม ท่านชื่อ พล.ต.ต.จรัส สุดเสถียร
ตำแหน่งเขียนว่า เป็นนายตำรวจประจำราชสำนัก ท่านบอกว่า "สิ่งที่เถ้าแก่ทำให้เป็นของพระเจ้าอยู่หัวนะ"
ผมอึ้งมากรีบยกมือท่วมหัวดีใจที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทแล้ว นายสุนทรเล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ แต่ละ
ฉลองพระองค์ที่ได้รับมาให้ซ่อมแซมถ้าเป็นคนอื่นผ้าเก่าขนาดนั้นเขาไม่ซ่อมกันแล้ว เอาไปทิ้งหรือให้คนอื่น ๆ
ได้แล้ว แต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) ทรงมีความมัธยัสถ์ ฉลองพระองค์แต่ละองค์ที่เอามา
เก่ามาก เช่น เสื้อสูทสีฟ้าชัยพัฒนา ผ้าเก่า สีซีดมากแล้ว ตรงตราชัยพัฒนามัวหมอง ตรงดิ้นทองก็หลุด
เกือบหมด ผมเอามาแกะหมดเลยให้โรงงานปักใหม่ให้เหมือนแบบเดิม เพราะเข้าใจว่าท่านอยากได้ฉลองพระองค์
เดิมแต่เปลี่ยนตราให้ดูใหม่ ถ้าสมมุติวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาส่งซ่อม พรุ่งนี้เย็น ๆ ผมก็ทำเสร็จส่งคืนเขาไป
เจ้าหน้าที่ที่มรับฉลองพระองค์ชอบถามว่า ทำไมทำไว ผมตอบเลยว่า เพราะตั้งใจถวายงานครับ ผมอยู่ผืน
แผ่นดินไทยใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ ผมก็อยากได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทสักเรื่องผมเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ
ได้รับใช้ขนาดนี้ผมก็ปลื้มปิติที่สุดแล้ว "ผมถือโอกาสนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาใช้ตลอด
เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ได้รับมาวันแรกทำให้รู้ว่าพระองค์ทรงอยู่อย่างประหยัด มัธยัสถ์ ทรงเป็นแบบอย่างความพอเพียง
ให้แก่ประชาชน และเมื่อได้ถวายงานบ่อยครั้งทำให้ผมตระหนักว่าคนเราวันหนึ่งต้องคิดพิจารณาตัวเองว่าสิ่งไหน
บกพร่องก็ต้องแก้ไขสิ่งนั้น ทุกคนต้องแก้ไขสิ่งที่บกพร่องก่อนงานถึงจะบรรลุเป้าหมาย และเมื่อประสบความสำเร็จ
แล้วอย่าลืมตั้งใจทำสิ่งดี ๆ ให้ประเทศชาติตลอดไป" ข้อคิดและข้อปฏิบัติดี ๆ ที่ได้จากพระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร(พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในหลวงรัชกาลที่ 9) ของช่างสุนทร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
(พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) ทรงดินสอไม้ธรรมดา ๆ โดยมีบันทึกว่า
ในปีหนึ่ง ๆ ทรงเบิกดินสอใช้เพียง 12 แท่ง โดยทรงใช้ดินสอเดือนละ 1 แท่งเท่านั้น เมื่อดินสอสั้นจะทรงใช้
กระดาษมาม้วนต่อปลายดินสอให้ยาวเพื่อให้เขียนได้ถนัดมือ จนกระทั่งดินสอนั้นกุดใช้ไม่ได้แล้ว เนื่องจาก
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) ทรงมีแนวพระราชดำริที่เป็นเหตุ เป็นผล ดินสอ 1 แท่ง ท่านไม่ได้
มองว่าเราต้องประหยัดเงินในกระเป้า แต่ท่านมองว่าดินสอ 1 แท่ง ต้องใช้ทรัพยากรหรือพลังงานเท่าไหร่
ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ คือ ไม้ แร่ธาตุที่ทำไส้ดินสอ การนำเข้าวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ พลังงาน
ในกระบวนการผลิตและขนส่ง ดังนั้น การผลิตดินสอทุกแท่งมีผลต่อการรายรับรายจ่ายของประเทศ เป็นส่วนหนึ่ง
มูลค่าสินค้านำเข้าด้านวัตถุดิบและ เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความประหยัดไม่ใช่หมายถึง การไม่ใช้ แต่ยังรวมถึงการใช้สิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติและมีเหตุผลอันเป็นสิ่ง
สำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง
"ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล" เขียนไว้ในหนังสือ "ใต้เบื้องพระยุคลบาท"
"ท่านผู้หญิงบุตรี" บอกผมมาว่าปีหนึ่งท่านทรงเบิกดินสอ 12 แท่ง เดือนละแท่ง ใช้จนกระทั่งกุด
ใครอย่าได้ไปทิ้งของพระองค์ท่านนะ จะทรงกริ้ว ทรงประหยัดทุกอย่าง ทรงเป็นต้นแบบทุกอย่าง ของทุกอย่าง
มีค่าสำหรับพระองค์ท่านทั้งหมดทุกบาท ทุกสตางค์ จะทรงใช้อย่างระมัดระวัง ทรงสั่งให้เราปฏิบัติงานด้วย
ความรอบคอบ
"ครั้งหนึ่งทันตแพทย์ประจำพระองค์ กราบถวายบังคมทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บางคนมีค่านิยมในการใช้ของต่างประเทศและมีราคาแพง รายที่ไม่มีทรัพย์พอซื้อหา ก็ยังขวนขวายเช่ามาใช้
เป็นการชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเท่าที่ทราบมา มีความแตกต่างจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงนิยมใช้กระเป้าที่ผลิตภายในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้
ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม แม้ยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบน
จนแน่ใจว่าไม่มียาสีพระทนต์หลงเหลืออยู่ในหลอดจริง ๆ " เมื่อกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในหลวงรัชกาลที่ 9) ทรงรับสั่งว่า "ของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน" และยังทรงรับสั่งต่อไปอีกด้วยว่า "เมื่อไม่นาน
มานี้เองมหาดเล็กห้องสรง เห็นว่า ยาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้วจึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน
เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่ามาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้
ต่อไปได้อีกถึง 5 วัน จะเห็นได้ว่าในส่วนของพระองค์ท่านเองนั้นทรงประหยัดอย่างยิ่งซึ่งตรงกันข้ามกับ
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงพระราชทานเพื่อราษฎรผู้ยากไร้อยู่เป็นนิจ " "พระจริยวัตรของพระองค์
ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดถึงพระวิริยะ อุตสาหะ ตลอดจนความประหยัดในการใช้ของอย่างคุ้มค่า หลังจากนั้น
ทันตแพทย์ประจำพระองค์ได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้น เพื่อนำไปให้ศิษย์
ได้เห็นและรับใส่เกล้าเป็นตัวอย่างเพื่อประพฤติปฏิบัติในโอกาสต่อ ๆ ไป" "ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น
พระบาทสมด็จพระบรมชกธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) ได้พระราชทานส่งหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นมาให้ถึงบ้าน
ทันตแพทย์ประจำพระองค์ รู้สึกชาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้ายิ่ง เมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะ
ของหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดหลอดยาสีพระทนต์หลอดนี้จึงแบน
ราบเรียบโดยตลอด คล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฎรอยบุ๋มลึกลงไปเกือบถึงเกลียว
คอหลอด เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อีกครั้งในเวลาต่อมา จึงได้รับคำอธิบายจากพระองค์ว่าหลอดยาสีพระทนต์
ที่เห็นแบนเรียบนั้นเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋มที่เห็นนั่นเอง และ
เพื่อที่จะขอนำไปแสดงให้ศิษย์ทันตแพทย์ได้เห็นเป็นอุทาหรณ์ จึงได้ขอพระราชานุญาต ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้
ทรงพระเมตตาด้วยความเต็มพระราชหฤทัย"
นายอนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง ได้ให้สัมภาษณ์รายการตีสิบ เมื่อวันที่
27 พฤศจิกายน 2552 โดยมีใจความว่า "ครั้งหนึ่งผมต้องซ่อมรถตู้เชฟโรเลต ซึ่งเป็นรถที่พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี สมัยท่านเรียนจบที่จุฬาฯ และเป็นคันโปรดของท่านด้วย ก่อนซ่อมข้างประตูด้านที่ท่าน
ประทับเวลาฝนตกจะมีน้ำหยด แต่หลังจากที่ซ่อมแล้ววันหนึ่งท่านก็รับสั่งกับสารถีว่า วันนี้รถดูแปลกไป น้ำไม่หยด
อย่างนี้ก็ไม่เย็นน่ะสิ แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องเอากระป้องมารอง"นายอนันต์เปิดเผยว่า ภายในรถยนต์
พระที่นั่งของแต่ละพระองค์นั้น เรียบง่ายมากไม่มีอะไรเลยที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก มีแต่ถังขยะเล็ก ๆ
กับที่ทรงงานเท่านั้น ส่วนการได้มีโอกาสดูแลรถยนต์พระที่นั่งทำให้ได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยนั้น นายอนันต์กล่าวว่า
ครั้งหนึ่งมีรถยนต์พระที่นั่งที่เพิ่งทรงใช้ในพระราชกรณียกิจมาทำความสะอาด เห็นว่าพรมใต้รถมีน้ำแฉะขังอยู่
และมีกลิ่นเหม็นด้วย แสดงว่าพระองค์ท่านทรงนำรถไปทรงพระราชกรณียกิจในที่ที่น้ำท่วม แถมน้ำยังซึมเข้าไป
ในรถพระที่นั่งด้วย แสดงว่าน้ำก็ต้องเปียกพระบาทมาตลอดทาง จึงถามสารถีว่า ทำไมไม่รีบเอารถมาซ่อม
ก็ได้คำตอบว่าต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกิจก่อน เมื่อพิธีกรถามว่า จากการที่ได้มีโอกาสรับใช้เบื้อง
พระยุคลบาท ได้เห็นถึงความพอเพียงของพระองค์อย่างไร นายอนันต์ ตอบว่า "ปกติถ้าทรงงานส่วนพระองค์ท่านก็
ใช้รถคันเล็กเพื่อประหยัดน้ำมัน และเมื่อเราสังเกตสีรถพระที่นั่ง จะเห็นว่ามีรอยสีถลอกรอบคันรถกว่าที่
ท่านจะนำมาทำสีใหม่ก็รอบคันแล้วแต่คนใช้รถอย่างเราแค่รอยนิดเดียวก็รีบเอามาทำสีแล้ว และครั้งหนึ่งระหว่าง
6. เครื่องประดับ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
(พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9) ฉลองพระองค์ธรรมดา ห้อยกล้อง
ถ่ายภาพไว้ที่พระศอ มิทรงโปรดการสวมใส่เครื่องประดับอื่น เช่น แหวน สร้อยคอหรือของมีค่าต่าง ๆ เว้นแต่
นาฬิกาบนข้อพระกรเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้มีราคาแพงแต่อย่างใด "...เรื่องประดับ พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะสวมใส่
สักชิ้น นอกเสียจากว่าจะทรงแต่งองค์เพื่อเสด็จฯ ไปงานพระราชพิธีต่าง ๆ หรือต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
เท่านั้น..."
จัดทำโดย...นางภานิษา เชื้อเมืองพาน