ระดับ ม.ปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
บทที่ 1
การคิดแยกแยะระหวางผลประโยชนสวนตนกับผลประโยชนสวนรวม
เรื่องที่ 1 สาเหตุของการทุจริตและทิศทางการป้องกันและการทุจริตในประเทศไทย
การทุจริตเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะเป็นปัญหาที่มีความชับซ้อนยากต่อการจัดการและเกี่ยวข้องกับคนทุกคน องค์กรทุกองค์กร ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากกับการพัฒนาประเทศ
1. สาเหตุของการทุจริต
สาเหตุของการทุจริต อาจเกิดขึ้นได้ในประเทศที่มีสถานการณ์ ดังต่อไปนี้
1.1 มีกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกำหนดจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางธุรกิจหากมาตรการหรือข้อกำหนดดังกล่าวมีความซับช้อน คลุมเครือ เลือกปฏิบัติเป็นความลับหรือไม่โปร่งใสจะส่งผลให้เป็นต้นเหตุของการทุจริตได้
1.2 มีสถานการณ์ โอกาส หรือมีกฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่นำไปสู่การทุจริตได้
1.3 กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมไม่มีความเข้มแข็ง ตลอดจนการพัฒนาให้ทันสมัย
2. ทิศทางการป้องกันการทุจริตในประเทศไทย
ปัจจุบันประเทศไทยมีหลายหน่วยงานเกิดการตื่นตัวพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยร่วมกันสร้างเครื่องมือ กลไก และกำหนดเป้าหมายสำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในฐานะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เป็นองค์กรหลักด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้บูรณาการการทำงานด้านการต่อต้านการทุจริตเข้ากับทุกภาคส่วน ดังนี้
2.1 กำหนดเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พุทธศักราช 2560 หมวดที่ 4 หน้าที่ของประชาชนชาวไทยว่า "... บุคคลมีหน้าที่ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ" หมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐว่า "รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนและให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านการทุจริต หรือชี้เบาะแสโดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ตามที่กฎหมายบัญญัติ"
2.2 กำหนดให้มียุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหา 3 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย
1) ยุทธศาสตร์การปลูกฝัง "คนไทยไม่โกง" เพื่อปฏิรูป "คน" ให้มีจิตสำนึกและสร้างพลังร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน
2) ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพื่อปฏิรูประบบและองค์กรเพื่อสร้างธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน
3) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริตคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพ
2.3 กำหนดไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580 โดยมีวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
2.4 กำหนดให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)ว่าด้วยเรื่องสังคมไทยมีวินัย โปร่งใส ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ยุติธรรม รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งเป็นภูมิคุ้มกันในสังคมไทย ครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคประชาชน พร้อมทั้งสร้างพลังการขับเคลื่อนค่านิยมต่อต้านการทุจริตโดยปลูกฝังให้คนไทยไมโกง
2.5 กำหนดให้มีโมเดลประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (Thailand 4.0) เป็นโมเดลที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหัสออกมาเป็น
2 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ
1) การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน (Strength From Within)
2) การเชื่อมโยงกับประชาคมโลกในยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งจากภายในThailand 4.0 เน้นการปรับเปลี่ยน 4 ทิศทางและน้นการพัฒนาที่สมดุลใน 4 มิติ มิติที่หยิบยก คือ การยกระดับศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ (Human Wisdom) ด้วยการพัฒนาคนไทยให้เป็น "มนุษย์ที่สมบูรณ์" ผ่านการปรับเปลี่ยนระบบนิเวศน์การเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังจิตสาธารณะยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีความรับผิดชอบ เน้นการสร้างคุณค่าร่วม และค่านิยมที่ดี คือ สังคมที่มีความหวัง (Hope) สังคมที่เปี่ยมสุข (Happiness) และสังคมที่มีความสมานฉันท์ (Harmony)
2.6 กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 -2564) โดยกำหนดวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต" (Zero Tolerance &Clean Thailand)หมายความว่า ประทศไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า จะมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมเป็นสังคมมิติใหม่ที่ประชาชนไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตทุกรูปแบบ โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายการเมืองหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนประชาชน ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิในด้านความโปร่งใสทัดเทียมนานาอารยประเทศ
จัดทำโดย...นางภานิษา เชื้อเมืองพาน