ความคิดสร้างสรรค์เป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวคนทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ การเรียนรู้ ทักษะแรงจูงใจและการฝึกฝน หากพัฒนาศักยภาพของสมองในส่วนของความคิดสร้างสรรค์ให้มีประสิทธิภาพ เราจะพบว่าทุก ๆ ปัญหามีคำตอบดี ๆ ที่สามารถปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม  การพัฒนาศักยภาพด้านการคิดสร้างสรรค์ร่วมกับการคิดในมิติอื่น ๆ จะช่วยพัฒนาสติปัญญาของเราให้เป็นคนที่เฉลียวฉลาดสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ได้ อันจะส่งผลให้สามารถประสบความสำเร็จและเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคตได้เป็นอย่างดี
        หนังสือ การคิดสร้างสรรค์เพื่อการจัดการคุณค่า มีเนื้อหาภายในเล่มดังนี้ บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการคิดสร้างสรรค์ บทที่สอง วิวัฒนการและโลกทัศน์ของแนวคิดยุคใหม่ บทที่สาม การบริหารและการจัดการคุณค่า บทที่สี่ การจัดการคุณค่าตามแนวทางญี่ปุ่น บทที่ห้า หลักการในการวิเคราะห์ปัญหาด้วยจิตสำนึก บทที่หก กรณีศึกษาการประยุกต์ใช้ทฤษฎี บทที่เจ็ด การจัดการองค์กรให้เกิดศักยภาพการแข่งขันสูงสุด

  ปัจจุบันนี้ ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำกันอีกแล้วว่าความคิดสร้างสรรค์สำคัญอย่างไร ในการงานทุกอาชีพ ผู้ที่สามารถสร้างความคิดใหม่ ๆ ย่อมได้เปรียบผู้อื่น และความคิดสร้างสรรค์ช่วยเติมชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นแม้ว่าบางครั้งอาจจะเป็นไปในทางที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็ตาม
       

  การรู้คิดเป็นกระบวนทางปัญญาระดับสูง กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสมองมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการรู้คิดทั้งสิ้น การรู้คิดจึงนับได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการรู้คิดก็มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัว แก้ไขปัญหา ตลอดจนสามารถเลือกวิธีในการแก้ปัญหาและตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ผู้ที่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้จำเป็นจะต้องมีความสามารถในการรู้คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชนของชาติ จำเป็นจะต้องได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้ที่คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ถูกชักนำให้ประพฤติดตนไปในทางที่เสื่อมเสีย
หนังสือจิตวิทยาการรู้คิด เล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรู้คิด ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับสมอง ทฤษฎีการรู้คิด การรับรู้
การจำ การลืม ภาษา การแก้ปัญหา การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ความคิดสร้างสรรค์ เมตาคอกนิชัน ยุทธวิธีการเรียนและการดูหนังสือและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรู้คิด ตลอดจนการนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ 

  การคิดเป็นกระบวนการทางปัญญาของมนุษย์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เหตุการณ์ และสภาพแวดล้อมรอบตัวมนุษย์ เพื่อเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เป้าหมายที่มนุษย์คิดนี้จะเกี่ยวข้องกับ 2 สิ่งนี้เสมอคือ เป้าหมายเพื่อตัวเองและคิดเป้าหมายเพื่อสังคมควบคู่กันไป
        หนังสือศาสตร์การคิด เป็นการรวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับการคิดแบบต่าง ๆ อาทิ การคิดแบบโยนิโสมนสิการ การคิดแบบอริยสัจจ์ การคิดวิจารณญาณ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอภิมาน การคิดแก้ปัญหา การคิดเชิงกลยุทธ์ รวมถึงกรอบแนวคิดเกี่ยวกับการคิดอันประกอบด้วย ทักษะการคิด กระบวนการคิด การประเมินการคิด และลัษณะการคิด การพัฒนาการคิด เป็นทักษะที่สร้างได้ด้วยกระบวนการเรียนการสอน หลักการสอนสู่ศตวรรษที่ 21 ต้องเริ่มที่ผู้เรียนก่อน ผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะ กระบวนการสอนแบบสัตตวิธี เทคนิคการพัฒนาความคิดจะเป็นแนวทางให้ผู้สอนนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านการสอนได้

  "สมอง" ก็เหมือน "ร่างกาย" ถ้าคุณอยากแข็งแรง ก็ต้องหมั่นออกกำลังกาย ถ้าคุณอยากฉลาด ก็ต้องหมั่นบริหารสมอง
ในอดีตที่ผ่านมาเราใช้สมองกันเพียงน้อยนิดในการเรียนและการทำงาน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถรับมือกับปัญหาท้าทายอันซับซ้อนในศตวรรษที่เราอาศัยอยู่ได้หรือไม่ ในยุคปัจจุบันเราต้องมี 1. ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ โดยหนังสือเล่มนี้จะเสนอเทคนิคเครื่องมืออันหลากหลายเพื่อแนะนำในทุกสถานการณ์ 2. ความสามารถในการฟื้นตัว ซึ่งจะได้ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร หากเจอกับสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก 3. ความสามารถในการจดจำอันเป็นความสามารถที่จะใข้สิ่งที่คุณได้เคยเรียนรูมาก่อนในสถานการณ์ใหม่ ๆ  4. ความสามารถในการคิดทบทวนสิ่งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการกระเทาะสิ่งที่มีความหมายในชีวิตออกมา และ 5. ความสามารถในการตอบสนอง อันเป็นการนำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ไปใช้ปฏิบัติ รู้จักเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยน ในขณะที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับปัญต่าง ๆ
ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้เราเชื่อว่าทุกคนล้วนมีศักยภาพที่จะมีความสุขและประสบความสำเร็จในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามกุญแจสำคัญก็คือ ตัวคุณเองโดยคุณจะต้องมีความต้องการที่จะพัฒนาและทุ่มเททั้งเวลาและพลังงานให้กับการกระทำดังกล่าว ในศตวรรษที่ 21 ความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ยอย่างดีจะเป็นทักษะที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง และอวัยวะที่สำคัญที่สุดที่ต้องมีเพื่อช่วนตัวคุณเองก็คือ "สมอง" นั่นเอง ทั้ง 52 ทักษะในหนังสือเล่มนี้จะช่วยสร้างผลลัพธ์ดี ๆ ให้แก่สมองของคุณ และช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น

  โลกยุคใหม่เป็นโลกของคนอัจฉริยะฉลาดคิดที่ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ติดตัวมาแต่กำเนิด อัจฉริยะฉลาดคิดนั้นสร้างได้ ทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ด้วยการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ หนังสืออัจฉริยะฉลาดคิด เนื้อหาภายในเล่มจะอธิบายขั้นตอนพร้อมตัวอย่างและเกมของการพัฒนาพลังแห่งการคิดสร้างสรรค์ ด้วยการกระตุ้น การรวบรวม การวิเคราะห์ การผสมผสาน การเพิ่มพูนและการประเมินความคิด เพื่อให้ผู้อ่านสามารถซึมซับความเป็นอัจฉริยะฉลาดคิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ

  การมีทัศนคติที่ดีคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะนำมาซึ่งพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดี
หนังสือ The power of positive thinking หรือ คิดบวก ของ
นอร์แมน วินเซนต์ พีล เล่มนี้ จะชี้ถึงพละกำลังอันยิ่งใหญ่ให้แรงบันดาลใจอย่างไม่มีวันหมดสิ้น ขจัดความกลัวที่จะล้มเหลว ละทิ้งความพ่ายแพ้ของชีวิต พลิกสู่ชัยชนะอย่างน่าทึ่ง นี่คือการแบ่งปันปรัชญาของการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายและนำมาซึ่งความสงบสุขในจิตใจ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่จะต้องพบเจอกับความยากลำบาก ให้มีแรงกำลังขับเคลื่อนชีวิตจนบรรลุเป้าหมายที่ปรารถนาต่อไป

คุณจะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
พลังของการคิดบวก จะสร้างแรงบันดาลใจ
ให้กับตัวคุณอย่างไม่มีวันหมดสิ้น

  ท่านอยากทราบไหมว่า...คนอัจฉริยะเขามีวิธีคิดกันอย่างไร?

เมื่อ "ไอคิว" บวกกับ "ไอเดีย" ผลลัพธ์ของมันก็คือ "ความคิดสร้างสรรค์" ที่ในบางครั้งมันอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิงทีเดียว
หนังสือ "คิดแบบ Genius" เป็นหนังสืออ่านง่าน อ่านสนุก ที่สามารถพัฒนา "ไอเดีย" และ "ไอคิว" และจะนำไปสู่ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมสำคัญของโลก เช่น
การค้นหาความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่คุณค้นหาความคิดสร้างสรรค์เพื่อจะนำมาช่วยมให้ชีวิตของคุณ จำไว้ว่า การสร้างสรรค์ไม่ได้เกิดมาจากความว่างเปล่า แต่มันเกิดจากการจัดระเบียบของสิ่งที่มีอยู่แล้ว ให้เข้าเป็นสิ่งใหม่ที่แตกต่างเพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ต้องการ ถ้าหากมองดูประวัติศาสตร์จะเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์แบบจะไม่ได้เป็นของใหม่เลย มันเป็นเพียงมโนคติเก่า ๆ หลาย ๆ ความคิดเข้ามารวมกันในหนทางใหม่ที่เกิดประโยชน์ เครื่อแปรงฟันไฟฟ้า มาจากความคิดเก่าสองอย่างผสมกัน มอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องหนึ่งกับแปรงสีฟันอันหนึ่ง

  คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ได้รับความสนใจและศึกษาค้นค้วามาตั้งแต่อดีตกาล การสังเกตหรือศึกษาเรื่องราวในธรรมชาติซึ่งต่อมาพัฒนาไปสู่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับที่ลึกซึ้งนั้น ล้วนแต่ต้องอาศัยเครื่องที่สำคัญคือ "คณิตศาสตร์" ทั้งสิ้น ถ้าลองพิจารณาการศึกษาและการค้นพบกฎหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจะพบว่าส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ การสังเกต การตั้งสมมุติฐาน การเขียนความสัมพันธ์ในรูปสูตรคณิตศาสตร์ การคาดคะเนผลและการทำากรทดลองเพื่อยืนยันผล
      ทฤษฎีบททางคณิตศาสตร์ที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ล้วนเป็นทฤษฎีบทที่มีจุดเด่นและเป็นประโยชน์ การอธิบายที่มาของทฤษฎีบทต่าง ๆ ก็น่าสนใจ บางเรื่องอ่านแล้วทำให้รู้สึกสนุกและน่าทึ่ง ซึ่งการศึกษาคณิตศาสตร์โดยเข้าใจถึงที่มาที่ไปและรู้ว่าจะสามารถนำไปใช้ในงานอะไรได้จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุก เช่น ทฤษีบทขอพีทาโกรัส (Pythagoraean theorem) ความรอบรู้ของพ่อค้าใหญ่เธลัส ทฤษฎีบทของเธลีส (Thales' theorem) ปัปปุสผู้ที่ขยายทฤษฎีบทของพีทาโกรัส ทฤษฎีบนเส้นกึ่งกลาง เป็นต้น

  หนังสือการพิสูจน์เบื้องต้นในคณิตศาสตร์นามธรรม มีเนื้อหาประกอบด้ว ตรรกศาสตร์เบื้องต้น กล่าวถึงตรรกศาสตร์พื้น ๆ และการใช้ตรรกศาสตร์ในการสรุปผล ระเบียบวิธีการพิสูจน์ กล่าวถึงรูปแบบต่าง ๆ ของการพิสูจน์และแสดงการเขียนพิสูจน์ เซต กล่าวถึงเซตเบื้องต้นและเพิ่มเติมบางหัวข้อที่จำเป็นต่อการศึกษาคณิตศาสตร์ขั้นสูง การอุปนัยเชิงคณิตศาสตร์ กล่าวถึงการพิสูจน์โดยใช้หลักที่เรียกว่า หลักอุปนัย ฟังก์ชัน กล่าวถึงความหมายของฟังก์ชันและฟังก์ชันแบบต่าง ๆ ความสัมพันธ์และอันดับ กล่าวถึงความสัมพันธ์สมมูล ผลแบ่งกั้นและเชตอันดับบางส่วน ความต่อเนื่องของฟังก์ชันและจำนวนเชิงการนัย

  สูตรผลรวมของตัวเลข คือสูตรที่แสดงผลรวมของตัวเลขหรือจำนวนนับที่เรียงต่อกันไปตามกฎหมายที่กำหนดอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าใจว่าทุกท่านคงจะได้เรียนเรื่องพื้นฐานของสูตรเหล่านี้สมัยมัธยมปลายกันมาบ้างแล้ว แต่วิธีพิสูจน์สูตรที่เขียนในตำราคณิตศาสตร์นั้นสามารถทำความเข้าใจและเป็นที่ยอมรับได้มากน้อยเพียงใด เชื่อว่าหลายท่านอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ่้ำ
        ในหนังสือเล่มนี้จะลองอธิบายสูตรผลรวมของตัวเลขต่าง ๆ ดังกล่าว ด้วยวิธีที่แตกต่างไปจากที่ครูคณิตศาสตร์ใช้สอนกันในโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีบางเรื่องที่อาจจะต้องใช้สมองขบคิดกันหลายชั้น แต่เชื่อว่าผลที่ได้รับจะคุ้มค่าจนทำให้รู้สึกทึ่งและอยากบอกต่อ เช่น หลากหลายวิธีนับ ได้แก่วิธีนับลูกแก้ว  การนับจำนวนเส้นทแยงมุม การนับจุดตัดของเส้นทแยงมุม การนับจำนวนสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นมายากลตัวเลข ได้แก่คูณเลขด้วยการนับนิ้ว หารด้วย 9 แล้วเหลือเศษเท่าไร เรื่องน่าฉงนของ 0.99999 เป็นต้น

  หนังสือเล่มนี้เน้นการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ที่อ่านเข้าใจง่าย โดยได้นำเสนอคำอธิบายประกอบการพิสูจน์และอธิบายตัวอย่างโดยละเอียด เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์สัญลักษณ์ ข้อความทางคณิตศาสตร์ บทนิยาม รูปแบบการพิสูจน์และสามารถพิสูจน์ทฤษฎีบทง่าย ๆ ในเรื่องของเซต ความสัมพันธ์ ฟังก์ชันและทฤษฏีจำนวนมูลฐานโดยใช้ระเบียนวิธีพิสูจน์ทงคณิตศาสตร์ได้ต่อไป ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการศึกษาด้วยตนเอง

  คณิตศาสตร์บูรณาการ เล่มนี้จัดทำขึ้นในลักษณะกระบวนวิชาบูรณาการด้านคณิตศาสตร์ สถิติและคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเชื่อมโยงความรู้ที่สัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันได้ โดยมีเนื้อหาดังนี้
        บทแรก เป็นบทนำที่ได้กล่าวถึง ความสำคัญของการจัดกระบวนการวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป
        บทที่สอง คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญและมีบทบาทต่อการดำเนินวิถีชีวิตของคนสังคมยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กล่าวถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใยแมงมุมโลกและการใช้ซอฟ์แวร์ในการนำเสนอข้อมูล รวมทั้งซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ช่วยคำนวณ
        บทที่สาม คณิตศาสตร์ สถิติกับปรากฎการณ์ต่าง ๆ โดยปรากฎการณ์ตลอดจนสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่ปรากฎให้เห็นในชีวิตประจำวันมีส่วนสัมพันธ์กับศาสตร์ทางคณิตศาสตร์และสถิติ ซึ่งได้กล่าวถึงคณิตศาสตร์กับปรากฎการณ์ต่าง ๆ สถิติในชีวิตประจำวัน เลขดัชนี ดัชนีราคาหุ้น โพลหรือการสำรวจความคิดเห็นสาธารณะ
        บทที่สี่ การประยุกต์คณิตศาสตร์ สถิติและคอมพิวเตอร์ในวิชาการ ซึ่งถือว่าศาสตร์ทั้งสามส่วนนี้เกี่ยวข้องกับศาสตร์อื่น ๆ ค่อนข้างมาก โดยกล่าวถึงการประยุกต์เมทริกซ์ สถิติเพื่อการตัดสินใจ ความน่าจะเป็น การประยุกต์กราฟในทางคอมพิวเตอร์
        บทที่ห้า กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้คณิตศาสตร์ สถิติและคอมพิวเตอร์ได้กล่าวถึงแนวคิดกระบวนการแก้ปัญหา และการแก้ปัญหาโดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ สถิติและฝึกปฏิบัติโดยการใช้เครื่องมือทางคอมพิวเตอร์ช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องเหมาะสม

  คณิตศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสูตรสมการอันยุ่งเหยิง เช่น ลิมิต ฟังก์ชั่น ตรีโกณมิติ พีชคณิต ฯลฯ จะทำให้เรามาขบคิดด้วยความสนุกสนานจนลืมเวลา และลืมภาพเก่า ๆ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ไปเลย หลักจากได้อ่าน Professor stewart's cabinet of mathematical curiosties มันส์...สมอง เพิ่มรอยหยักด้วยรอยยิ้ม กับคณิตศาสตร์แสนสนุก ในหนังสือเล่มนี้ พาผู้อ่านท่องเข้าไปในดินแดงแห่งตัวเลขและสารพันปัญหาลับสมอง ไม่ว่าจะเป็น ปริศนาจัตุรัสกล เงื่อนทอมทึ่ม วิธีการเรียงกระเบื้อง ไพ่สามเหลี่ยม เครื่องคิดเลขพิศวง กลเฉือนนิ้ว ฯลฯ นอกจากนี้ยังสอดแทรกเรื่องราวน่ารู้ของบรรดานักคณิตศาสตร์ชื่อดัง อาทิ พิธากอรัส, เลออนฮาร์ด ออยเลอร์, ปีแยร์ เดอ แฟร์ม, คาร์ล ฟรีดดริค เกาส์, อองรี ปวงกาเร, พอล แอร์ดิช ทั้งยังบอกเล่าประวัติศาสตร์ของการค้นพบทางคณิตศาสตร์อันหลากหลาย เช่น ลำดับฟีโบนัชชี, สัดส่วนทอง ฯลฯ เรียกได้ว่า ครบถ้วนทั้งเนื้อหาสาระ และกลเม็ดกระตุ้นเซลล์สมอง

  คำถามสำคัญในคณิตศาสตร์นั้นมีความหลากหลายมาก บางคำถามเกิดมาจากาเรปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในขณะที่คำถามอื่น ๆ มีต้นกำเนิดมาจากยุคโบราณและยังคงดังก้องมาจนถึงทุกวันนี้ บางคำถามได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว รอเพียงจะถูกแทนที่ด้วยคำถามชุดใหม่ แต่อีกหลายคำถามก็ยังยืนกรานอยู่แถวหน้า ไม่ยอมถอนตัวแม้เวลาจะผ่านล่วงไปหลายศตวรรษแล้วก็ตาม
      หนังสือเล่มนีัยังตอบคำถามที่อาจอยู่ในใจผู้อ่านหลาย ๆ คน เช่น คณิตศาสตร์มีไว้ทำอะไร เราทำนายอนาคตด้วยคณิตศาสตร์ได้หรือไม่ สถิติเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า ฯลฯ จะเห็นได้ว่านอกจากจะมีประโยชน์แล้ว คณิตศาสตร์ยังเป็นเรื่องน่าสนุกและน่าค้นหา แม้ว่าอาจจะมีบางคำถามที่เหล่านักคณิตศาสตร์ยังตอบไม่ได้ แต่คำถามเหล่านั้นก็ได้จุดประกายจินตนาการของมนุษย์มาเป็นเวลาหลายพันปีและยังคงท้าทายความคิดมาจนถึงทุกวันนี้ คณิตศาสตร์จึงเป็นเหมือนปริศนาที่กำลังรอคอยคนที่มาไขความลับ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบเหล่านี้เองคือสิ่งที่ดึงดูกความสนใจให้ศึกษากันต่อไป