ข้อมูล คือ สิ่งที่แพร่หลายอยู่บนอินเทอร์เน็ต ความเป็นส่วนตัวของคุณบนอินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมทั้งจำนวนข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้ และผู้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
ข้อมูล คือ สิ่งที่แพร่หลายอยู่บนอินเทอร์เน็ต ความเป็นส่วนตัวของคุณบนอินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมทั้งจำนวนข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้ และผู้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
ไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต บริการต่างๆ ที่ทำงานจากระยะไกล หรือการดำเนินการภาษีของคุณ ไม่ว่าคุณจะสั่งซื้อสินค้า แบ่งปันรูปภาพ หรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนกับครอบครัวของคุณ สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้คือวิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเอง
ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้หรือ PII หมายถึงข้อมูลใดก็ตามที่สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นๆ ได้ ที่อยู่ อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณทั้งหมดถือเป็นข้อมูล PII ในแบบดั้งเดิม แต่คุณต้องระวังข้อมูลเบื้องลึก เช่น ที่อยู่ IP, อุปกรณ์ที่คุณใช้ลงชื่อเข้าระบบ และหน้าโซเชียลมีเดียที่ระบุตัวตนของคุณบนโลกออนไลน์ และด้วยการใช้งานระบบการระบุตัวตนด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือที่เพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้มีการเพิ่มข้อมูลไบโอเมตริกเข้าสู่รายการข้อมูลที่คุณมีบนโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน
เมื่อดำเนินกิจกรรมออนไลน์ในทุกๆ วัน คุณอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้อื่นสามารถนำไปใช้เพื่อรุกรานความเป็นส่วนตัวของคุณได้ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลที่สำคัญ เช่น ที่อยู่ IP อีเมลแอดเดรส ที่ตั้งทางกายภาพในปัจจุบัน หรือที่อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงานของคุณ ตัวอย่างเช่น ทรานแซคชันช้อปปิ้งออนไลน์มักจะต้องการข้อมูลบัตรเครดิตและที่อยู่ที่บ้านของคุณ
ธุรกิจ รัฐบาล และองค์กรอื่นๆ รวบรวมข้อมูลเมื่อคุณ:
ตั้งค่าบัญชีออนไลน์
ซื้อสินค้าในร้านค้าออนไลน์
ลงทะเบียนการแข่งขัน
มีส่วนร่วมในการสำรวจ
ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรี
ท่องเว็บ
ใช้แอปบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ
โพสต์รูปถ่ายหรือสถานะของคุณบนสื่อสังคม
การที่ข้อมูลของคุณออนไลน์มีความสำคัญด้วยเหตุผลสองประการ:
บริษัทและผู้สรรหาอาจใช้ข้อมูลนี้ซึ่งถือเป็นชื่อเสียงทางออนไลน์ของคุณเป็นเครื่องวัดความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งงาน
อาชญากรอาจใช้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณที่ออนไลน์อยู่นั้นกำหนดคุณเป็นเป้าหมายสำหรับการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง ขโมยข้อมูลประจำตัวของคุณ และกระทำอาชญากรรมอื่นๆ คุณสามารถลดความเสี่ยงได้โดยทำตามคำแนะนำในบทความนี้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณทางออนไลน์
ข้อมูลทางออนไลน์สามารถค้นหาได้และมักคงอยู่ถาวร อย่างไรก็ดี โปรแกรมค้นหาทางอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือรวบรวมข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสามารถรวบรวมข้อมูลเพื่อสร้างโปรไฟล์ฉบับเต็มของคุณได้อย่างง่ายดาย ต่างจากข้อมูลที่จัดเก็บไว้บนกระดาษ
เมื่อเผยแพร่ข้อมูลทางออนไลน์แล้วข้อมูลจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทที่เก็บข้อมูล และผู้อื่นอาจเห็นข้อมูลนั้นบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด นอกเหนือจากข้อมูลที่รวบรวมจากคุณแล้ว เว็บไซต์อาจเก็บสิ่งใดก็ตามที่คุณโพสต์ไว้เป็นการถาวร เพื่อน (หรือเพื่อนเก่า) อาจเผยแพร่ข้อมูลของคุณออกไป หรือแฮกเกอร์และความผิดพลาดด้านความปลอดภัยอาจเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
ประการแรก อ่านนโยบายการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์
นโยบายการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่โดยทั่วไประบุไว้ในนโบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ ควรอธิบายอย่างชัดเจนว่าเว็บไซต์ได้รวบรวมข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับคุณ มีการนำข้อมูลไปใช้ แบ่งปัน และรักษาความปลอดภัยอย่างไร ตลอดจนวิธีที่คุณสามารถแก้ไขหรือลบข้อมูล นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ควรพร้อมใช้งานเพื่อให้คุณสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ลิงก์ไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Microsoft จะปรากฏขึ้นด้านล่างนี้และทุกๆ หน้าบน support.microsoft.com ไม่มีนโยบายความเป็นส่วนตัวใช่หรือไม่ นำทางธุรกิจของคุณไปทุกที่
ไม่โพสต์สิ่งต่างๆ ทางออนไลน์หากคุณไม่ต้องการเผยแพร่สู่สาธารณะ
ลดข้อมูลที่ระบุถึงคุณหรือตำแหน่งที่ตั้งของคุณให้น้อยที่สุด การแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณจะเข้าร่วมอาจดูไม่เป็นอันตราย แต่อันที่จริงคุณกำลังปล่อยให้ผู้อื่นทราบว่าอยู่ที่ไหน และคุณไม่ได้อยู่ที่บ้าน
เก็บรักษาหมายเลขบัญชี ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านเป็นความลับ
แชร์อีเมลแอดเดรสหลักหรือชื่อในข้อความโต้ตอบ (IM) ของคุณกับบุคคลที่คุณรู้จักหรือองค์กรที่มีชื่อเสียงเท่านั้น หลีกเลี่ยงการแสดงที่อยู่หรือชื่อของคุณบนไดเรกทอรีของอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ที่ประกาศหางาน
ป้อนเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น และทำเครื่องหมายดอกจัน (*) ไว้เสมอเมื่อลงทะเบียนและในแบบฟอร์มอื่นๆ
ตรวจสอบการตั้งค่าแอป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโทรศัพท์ของคุณ ควรระมัดระวังเกี่ยวกับการอนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง รูปถ่าย กล้อง หรือไมโครโฟนของคุณ
เพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อหรือเพื่อนบนเครือข่ายสังคมด้วยความระมัดระวัง หากเป็นไปได้ ให้ตรวจสอบกับบุคคลนั้นโดยตรงว่าบัญชีนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณกำลังเพิ่มบุคคลที่เหมาะสมหรือไม่ ให้ลองจำกัดข้อมูลที่บุคคลดังกล่าวสามารถดูได้บนโปรไฟล์ของคุณ
เลือกว่าคุณต้องการให้โปรไฟล์หรือบล็อกของคุณเป็นส่วนตัวมากน้อยเพียงใด
ตรวจสอบการตั้งค่าและการกำหนดลักษณะของเว็บไซต์เพื่อจัดการบุคคลที่สามารถดูโปรไฟล์หรือรูปถ่ายของคุณทางออนไลน์ วิธีการที่ผู้อื่นสามารถค้นหาคุณ บุคคลที่สามารถดูโพสต์ของคุณและแสดงความคิดเห็น และวิธีบล็อกการเข้าถึงของบุคคลอื่นอันไม่พึงประสงค์ ตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับเครือข่ายสังคมที่คุณชื่นชอบไว้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้แชร์ข้อมูลมากกว่าที่ต้องการ
นอกเหนือจากการที่ข้อมูลของคุณจะถูกขาย ถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง หรือถูกนำไปใช้เพื่อคุกคามคุณตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว แฮกเกอร์และโจรบนโลกออนไลน์ยังสามารถดำเนินการได้ดังนี้
ซื้อสินค้าออนไลน์โดยใช้หมายเลขบัตร
ดำเนินการกู้เงิน ซึ่งอาจทำให้คุณเสียเครดิต
เข้าหารายชื่อผู้ติดต่อของคุณเพื่อหลอกเอาเงิน
เข้ายึดบัญชีของคุณและไล่คุณออกจากระบบ/แบล็กเมลคุณ
การรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยและการปรับปรุงความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ของคุณสามารถทำได้หลายวิธีโดยขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มดังนี้
ในอีเมล
พยายามอย่าให้ข้อมูลที่สำคัญในอีเมลของคุณแม้จะเป็นเรื่องปกติที่ทำกันก็ตาม ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเดาได้ง่ายๆ จากอีเมล johndoe90@mail.com ว่า John Doe เกิดในปี 1990 อย่าส่งข้อมูลและเอกสารที่สำคัญทางอีเมลหากเป็นไปได้ และเมื่อคุณส่งไปแล้ว ให้ลบร่องรอยทั้งหมดออกจากบัญชีของคุณ (โฟลเดอร์อีเมลที่ส่งออก กล่องขาออก บริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ ฯลฯ)
คุณไม่ควรเปิดอีเมลหากไม่แน่ใจว่าผู้ส่งเป็นใคร และไม่ควรดาวน์โหลดสิ่งที่แนบมาใดๆ หากองค์กรทางราชการส่งอีเมลถึงคุณเพื่อขอให้คุณดาวน์โหลดหรือแบ่งปันข้อมูล คุณควรโทรหาองค์กรดังกล่าวโดยตรงเพื่อยืนยันคำขอนี้ เนื่องจากหลายๆ องค์กรจะไม่ส่งอีเมลเป็นขั้นตอนแรกของการติดต่อ
บนโซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมักเป็นจุดอ่อนสำหรับตัวตนบนโลกออนไลน์ของทุกคน การเยี่ยมชมเว็บไซต์เพียงชั่วครู่อาจเป็นการให้ข้อมูลส่วนตัวในทุกรูปแบบได้ ตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งและอายุของคุณไปจนถึงงาน ชั่วโมงการทำงาน หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาพักร้อนของคุณ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้กับการโจรกรรม
อย่าลืมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของข้อมูลทั้งหมดในบัญชีของคุณให้ดี และตั้งค่าบัญชีของคุณให้เป็นส่วนตัวหากเป็นไปได้ หากทำเช่นนั้นไม่ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากจนเกินไป ตัวอย่างเช่น คุณสามารถอัพโหลดรูปภาพของคุณหลังกลับจากวันหยุดพักผ่อนของคุณแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอยู่ในเซลฟี่และรูปภาพของคุณ คุณอาจแปลกใจเมื่อรู้ว่าอาชญากรนั้นมีความมุ่งมั่นและมีความสามารถมากแค่ไหนในการค้นหาข้อมูลของคุณด้วยวิธีนี้
บนร้านค้าออนไลน์
ทุกคนมีร้านค้าออนไลน์ร้านโปรดที่เข้าใช้งานเป็นประจำ การกรอกรายละเอียดส่วนตัวของคุณในทุกครั้งอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ หากคุณบันทึกรายละเอียดบัตรของคุณทางออนไลน์ สิ่งที่อาชญากรต้องการก็คืออีเมลและรหัสผ่านของคุณเพื่อที่จะได้ข้อมูลทางการเงินของคุณไปฟรีๆ เช่นเดียวกับเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ หากคุณบันทึกรายละเอียดบัตรของคุณไว้ในเบราว์เซอร์ ใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงโปรไฟล์เบราว์เซอร์ของคุณได้ ก็จะสามารถเข้าถึงรายละเอียดเหล่านั้นได้เช่นกัน
การใช้บัตรเครดิตและแบงค์กิ้ง
เมื่อผูกบัตรเครดิตหรือแบงค์กิ้ง หากคุณจำเป็นต้องใช้บัตรของคุณบนโลกออนไลน์เพื่อซื้อหรือทำการจองอะไรก็ตาม ให้ดูว่าธนาคารของคุณมีขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติมหรือไม่ ธนาคารของคุณอาจมีคำแนะนำด้านความปลอดภัยของคีย์ หรือที่เรียกว่าการพิสูจน์ตัวตนแบบหลายปัจจัย กรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อการป้อนรหัสผ่านอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนอื่นเข้าช่วย เช่น หมายเลขผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันหรือกระบวนการเข้าสู่ระบบแบบหลายอุปกรณ์ ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าอาชญากรจะได้รหัสผ่าน หมายเลขโทรศัพท์ วันเกิด และข้อมูลอื่นๆ ของคุณแล้วก็ตาม ก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้นอกเสียจากว่าอาชญากรจะมีโทรศัพท์ของคุณด้วย
การใช้รหัสผ่าน
แม้ว่าอาจจะดูเป็นเรื่องยาก โปรดพยายามอย่าใช้รหัสผ่านเดียวกันกับบัญชีทั้งหมดของคุณ เป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่อยากหรือไม่สามารถจำรหัสผ่านที่คาดเดายากที่ไม่ซ้ำกันจำนวนมากได้ แต่อย่างน้อยคุณก็ควรมีรหัสผ่านแยกต่างหากสำหรับบัญชีอีเมลและเว็บไซต์ที่ใช้รายละเอียดบัตรเครดิตของคุณ ใช้ตัวตรวจสอบรหัสผ่านออนไลน์เพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยที่สุด หรือให้ดียิ่งกว่านั้น ให้ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบอย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์และแพลตฟอร์มทั้งหมดของคุณ
ดำเนินการสำรองข้อมูล
บางทีคุณอาจเผลอดาวน์โหลดสิ่งที่แนบมาโดยไม่ตั้งใจหรือพลั้งพลาดเรื่องความปลอดภัยไปบ้าง จึงทำให้แรนซัมแวร์หรือมัลแวร์เข้าคุกคามคอมพิวเตอร์ของคุณ แรนซัมแวร์เป็นไวรัสที่กันคุณออกจากไฟล์ของคุณ โดยคุณต้องจ่ายค่าไถ่ก่อนเพื่อกู้คืนการเข้าถึงของคุณกลับมา โดยกรณีนี้คุณต้องทำตามคำแนะนำจาก FBI อย่างเคร่งครัด
แม้ปัจจุบันจะมีโปรแกรมที่สามารถล้างไวรัสดั้งเดิมจากคอมพิวเตอร์ของคุณได้ แต่ก็มีโอกาสที่ไฟล์ของคุณจะไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อีก ดังนั้น ตราบใดที่คุณมีการสำรองข้อมูลไม่ว่าจะเป็นทางออฟไลน์บนฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกหรือทางออนไลน์โดยใช้โซลูชันบริการพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ที่ปลอดภัยอย่าง Dropbox คุณก็จะสามารถเข้าถึงไฟล์ของคุณได้อย่างปลอดภัย
สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons: CC) ช่วยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถให้สิทธิบางส่วนหรือทั้งหมดแก่สาธารณะ ในขณะที่ยังคงสงวนสิทธิอื่นๆไว้ได้ โดยการใช้สัญญาอนุญาตหลายหลากรูปแบบ ซึ่งรวมถึง การยกให้เป็นสาธารณสมบัติหรือสัญญาอนุญาตแบบเปิดทั้งหลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ต่อการแบ่งปันสารสนเทศ
สัญลักษณ์เงื่อนไขครีเอทีฟคอมมอนส์โดยสรุป
แสดงที่มา (by) หมายถึง :คุณยินยอมให้ผู้อื่นคัดลอก แจกจ่าย จัดแสดง และเผยแพร่งานของคุณ (รวมทั้งงานที่ดัดแปลงจากมัน) – แต่ก็ต่อเมื่อพวกเขาประกาศด้วยว่างานนั้นเป็นของคุณ
ไม่ใช้เพื่อการค้า (Non Commercial)(nc) หมายถึง :คุณยินยอมให้ผู้อื่นคัดลอก แจกจ่าย จัดแสดง และเผยแพร่งานของคุณ (รวมทั้งงานที่ดัดแปลงจากมัน) – แต่สำหรับจุดประสงค์ที่ไม่ใช่เพื่อการค้าเท่านั้น
ไม่ดัดแปลง (No Derivative)(nd) หมายถึง :คุณยินยอมให้ผู้อื่นคัดลอก แจกจ่าย จัดแสดง และเผยแพร่งานของคุณ เฉพาะงานที่เหมือนต้นฉบับทุกประการเท่านั้น ไม่ใช่งานที่ถูกแก้ไขดัดแปลง
อนุญาตแบบเดียวกัน (Share Alike)(sa) หมายถึง :คุณยินยอมให้ผู้อื่นแจกจ่ายงานดัดแปลง ด้วยสัญญาอนุญาตที่เหมือนกับที่ใช้กับงานของคุณเท่านั้นเราสามารถนำเงื่อนไขเหล่านี้ มาประกอบรวมกันได้ เพื่อให้เป็นสัญญาอนุญาตของผลงานเรา