ระบบไฟฟ้ามีองค์ประกอบสำคัญที่ประกอบด้วยแหล่งกำเนิดแรงดันไฟฟ้า มีหน่วยเป็นไวลต์ (V) ค่าความต้านทานมีหน่วยเป็นโอห์ม และค่ากระแสไฟฟ้ามีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A) หากระบบไฟฟ้าดังกล่าวขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กล่าวมา ระบบไฟฟ้าก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ การเรียนรู้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า ซึ่งวงจรไฟฟ้าเบื้องต้นมีทั้งหมด 3 วงจรด้วยกัน คือ วงจรไฟฟ้าชนิดอนุกรม วงจรไฟฟ้าชนิดขนาน และวงจรไฟฟ้าชนิดผสม
1. วงจรไฟฟ้าชนิดอนุกรม
2. วงจรไฟฟ้าชนิดขนาน
3. วงจรไฟฟ้าชนิดผสม
วงจรไฟฟ้าของหลอดเรืองแสง
การทำงานวงจรไฟฟ้าของหลอดเรืองแสง
วงจรไฟฟ้าของหลอดเรืองแสง พบว่า S1 คือ สวิตช์ทำหน้าที่ปิดและเปิดวงจรให้กับไฟฟ้า ซึ่งแบลลัสต์ B1 คืออุปกรณ์ที่เป็นขดลวดไฟฟ้าพันรอบบนแกนเหล็ก สำหรับ F1 คือ หลอดเรืองแสงเรียกว่า หลอดฟลูออเรสเซนต์
การตรวจซ่อมวงจรไฟฟ้าของหลอดเรืองแสง
หากว่าวงจรไฟฟ้าของหลอดเรืองแสงไม่สามารถที่จะเปล่งแสงสว่างออกมาได้ ให้ทำการตรวจซ่อมตามลำกับขั้นตอน ดังนี้
1. จากรูป ทำการจ่ายแรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ เข้าสู่ระบบของหลอดไฟฟ้าเรืองแสง จากนั้นปิดวงจรให้กับสวิตช์ S1 ใช้ไขควงเทสต์ไฟฟ้าแตะไปที่จุด ก ก็คือแตะไปที่ข้างซ้ายของแบลลัสต์ ถ้ามีแสงไฟสีแดง แสดงว่า S1 ปกติ ถ้าไม่มีแสงไฟสีแดงปรากฎ แสดงว่า S1 ที่ทำหน้าที่ ปิด-เปิด ให้กับระบบวงจรไฟฟ้าเสีย
2. ใช้ไขควงเทสต์ไฟฟ้าแตะไปที่ตำแหน่ง ข ถ้ามีไฟสีแดง อุปกรณ์ที่เสียคือ หลอดไฟกับสตาร์ตเตอร์ และถ้าไม่มีแสงไฟสีแดงแสดงว่า B1 เสีย
3. ปลดสตาร์ตเตอร์ตัวเก่าออกจากระบบของวงจร แล้วนำสตาร์ตเตอร์ตัวใหม่ที่ใช้งานได้ดีมาใส่แทนสตาร์ตเตอร์ตัวเก่า แล้วจ่ายไฟ 220 โวลต์ เข้าสู่วงจร ถ้าหลอดไฟดับแสดงว่าหลอดไฟเสีย และถ้าหลอดไฟสว่าง แสดงว่าการซ่อมเสร็จสิ้นแล้วนั่นก็คือสตาร์ตเตอร์ตัวเก่าเสีย นั่นเอง