รูปแบบการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน (CPF MODEL)
(ผสาน Connectivism + Flipped Classroom + Project-Based Learning)
✅ ขั้นที่ 1: เตรียมความรู้ก่อนเรียน (Pre-Class Learning)
แนวคิดหลัก: Flipped Classroom + Connectivism
ผู้สอนมอบสื่อการเรียน เช่น วิดีโอ บทความ อินโฟกราฟิก ให้ผู้เรียนศึกษาเองก่อนเข้าเรียน (ผ่าน LMS, YouTube, Google Classroom ฯลฯ)
ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Line กลุ่ม, Facebook Group, Padlet หรือ LMS
ส่งเสริมให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งอื่น แล้วแบ่งปันลิงก์หรือสรุป
🛠 เครื่องมือ: YouTube, Google Classroom, Facebook Group, Padlet
✅ ขั้นที่ 2: การเรียนรู้ร่วมในชั้นเรียน (Collaborative Learning & Brainstorming)
แนวคิดหลัก: Flipped Classroom + Connectivism
เมื่อเข้าเรียน ผู้สอนใช้เวลาสั้นๆ ทบทวนและชี้แจงข้อสงสัย
ผู้เรียนจับกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลและอภิปราย
ตั้งคำถามกระตุ้นการคิดวิเคราะห์ และชี้ให้เห็นประเด็นเชิงลึก
🧠 กิจกรรม: วิเคราะห์กรณีศึกษา, ถกเถียง, แผนผังความคิด (Mind Map)
✅ ขั้นที่ 3: ลงมือทำโครงงาน (Project Implementation)
แนวคิดหลัก: Project-Based Learning
ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มเพื่อออกแบบและพัฒนาโครงงานตามหัวข้อที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง
ใช้เทคโนโลยีและเครือข่ายในการหาข้อมูล ติดต่อวิทยากร หรือประชาสัมพันธ์
ครูเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” คอยให้คำแนะนำเป็นระยะ
🎯 ตัวอย่างโครงงาน: ลดขยะในโรงเรียน, พัฒนาแอปพลิเคชัน, ออกแบบแคมเปญออนไลน์
✅ ขั้นที่ 4: นำเสนอและสะท้อนคิด (Presentation & Reflection)
แนวคิดหลัก: Project-Based Learning + Connectivism
กลุ่มผู้เรียนเผยแพร่ผลงานผ่านสื่อออนไลน์ เช่น YouTube, Blog, Canva หรือเว็บไซต์ของโรงเรียน
มีการนำเสนอหน้าชั้น และรับฟังข้อเสนอแนะจากเพื่อนและครู
ผู้เรียนแต่ละคนเขียนสะท้อนผลการเรียนรู้ (Reflection) ผ่าน Blog, Video, หรือบทความ
📢 เครื่องมือ: Canva, Google Sites, Blogger, Flip
✅ ขั้นที่ 5: ประเมินผลและพัฒนาเครือข่ายความรู้ (Assessment & Knowledge Network Expansion)
แนวคิดหลัก: Connectivism
ประเมินผลงานจากกระบวนการ การทำงานกลุ่ม และผลลัพธ์สุดท้าย
ผู้เรียนรวบรวมแหล่งเรียนรู้/เครือข่ายที่ค้นพบ แล้วแบ่งปันกับเพื่อน
สร้างเครือข่ายความรู้ต่อยอด เช่น เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์ด้านวิชาการ หรือเผยแพร่ผลงานในชุมชนการเรียนรู้
🧩 เครื่องมือ: Google Form (ประเมิน), Wakelet (รวบรวมแหล่งเรียนรู้)
📌 สรุป: ประโยชน์ของรูปแบบนี้
มิติรายละเอียด
🎯 เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
ผู้เรียนมีบทบาทสูงทั้งก่อนเรียน ขณะเรียน และหลังเรียน
💻 ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อดิจิทัล, เครือข่าย, การสื่อสารออนไลน์
🧠 ส่งเสริมทักษะ 21st Century
การคิดวิเคราะห์, การทำงานร่วมกัน, การสื่อสาร, ICT
🌍 เชื่อมโยงกับชีวิตจริง
ผ่านโครงงานที่มีบริบทจริงในสังคมหรือชุมชน
สรุปแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Connectivism + Flipped Classroom + PBL) ในรูปแบบสั้น กระชับ พร้อมอักษรย่อของแต่ละขั้นตอน:
📘 รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (CFP Model)
C = Connectivism | F = Flipped Classroom | P = Project-Based Learning
🔹 ขั้นที่ 1: L – Learn Before Class (F + C)
ผู้เรียนศึกษาสื่อก่อนเรียน (วิดีโอ/บทความ) และแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านออนไลน์
กิจกรรม: ดูวิดีโอ, แสดงความคิดเห็นในกลุ่ม
🔹 ขั้นที่ 2: D – Discuss & Deepen (F + C)
อภิปรายเชิงลึกในชั้นเรียนจากสิ่งที่เรียนมา พร้อมเชื่อมโยงแนวคิด
กิจกรรม: Brainstorm, ถกประเด็น, วิเคราะห์กรณี
🔹 ขั้นที่ 3: P – Project Work (P)
ลงมือทำโครงงานกลุ่มที่แก้ปัญหาเชิงจริง ใช้เทคโนโลยีและแหล่งข้อมูล
กิจกรรม: ออกแบบโครงงาน, เก็บข้อมูล, ทดลอง
🔹 ขั้นที่ 4: S – Share & Reflect (P + C)
นำเสนอผลงานต่อชั้นเรียนหรือออนไลน์ และสะท้อนความรู้ที่ได้
กิจกรรม: นำเสนอ, รับฟีดแบ็ก, เขียน Reflection
🔹 ขั้นที่ 5: E – Evaluate & Expand (C)
ประเมินผลการเรียนรู้ และขยายเครือข่ายความรู้สู่ภายนอก
กิจกรรม: ประเมินตนเอง/กลุ่ม, แชร์แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม
✳️ สรุปตัวย่อ 5 ขั้นตอน:
L-D-P-S-E
(Learn – Discuss – Project – Share – Evaluate)
CFP Model – 5 ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน (ตัวย่อ: L–D–P–S–E)
1. L – การเรียนรู้ก่อนเข้าเรียน (Learn Before Class)
→ ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองจากสื่อที่จัดเตรียมไว้ก่อนมาเรียน
2. D – จัดหมวดหมู่เนื้อหา (Discuss & Deepen)
→ พัฒนาความเข้าใจผ่านการอภิปราย วิเคราะห์ และเชื่อมโยงแนวคิดในชั้นเรียน
3. P – จัดการเรียนการสอน (Project Work)
→ สร้างองค์ความรู้ผ่านการปฏิบัติจริงในลักษณะของโครงงานหรือภาระงาน
4. S – นำเสนอและสะท้อนผล (Share & Reflect)
→ แบ่งปันผลงาน พร้อมสะท้อนความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ
5. E – ขั้นประเมินและขยายผล (Evaluate & Expand)
→ ประเมินตนเอง/กลุ่ม และขยายเครือข่ายความรู้ไปสู่บริบทอื่น