การทำงานที่เกี่ยวข้อกับช่างอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน การสร้างงาน การซ่อมบำรุงรักษาชิ้นงาน จำเป็นต้องพึ่งพาการเขียนแบบอยู่เสมอ แบบที่เกิดขึ้นนั้นมี 2 กรณี คือ งานเขียนแบบ และงานอ่านแบบ
1. งานเขียนแบบ เป็นงานที่เกิดขึ้นของผู้ออกแบบ ผู้ออกแบบอาจเป็นวิศวกร สถาปนิก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายในการเขียนแบบ ทั้งวิศวกรและสถาปนิกต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการที่มีคุณค่าเพื่อเขียนแบบออกมาให้ดูง่ายที่สุด นำไปปฏิบัติจริงตามแบบมากที่สุด และที่สำคัญแบบที่เขียนมานั้นจะต้องสื่อสารให้ผู้อ่านอ่านแบบได้อย่างลงตัว
2. งานอ่านแบบ เป็นงานของผู้ที่อ่านแบบได้ถูกต้องชัดเจน ผู้อ่านแบบอาจเป็นช่างเทคนิค วิศวกร หรือสถาปนิก เมื่อผู้อ่านแบบได้อ่านแบบเสร็จสิ้นก็ควรนำแบบที่ได้นำไปปฏิบัติได้จริงให้งานนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีประสิทธิภาพสูงสุด
ที่มา : http://eng.sut.ac.th
งานเขียนแบบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจำแนกได้ 3 สาขา คือ การเขียนแบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การเขียนแบบเครื่องกล และการเขียนแบบสถาปัตยกรรม
อุปกรณ์และเครื่องมือในงานเขียนแบบ
1. ดินสอเขียนแบบ ดินสอเขียนแบบ (Drafting Pencil) มี 2 ชนิด คือ ดินสอเปลือกไม้ (Wood Pencil) กับดินสอกด (Mechanical Pencil) ที่เรียกว่าดินสอกล
ที่มา : https://suphatcha.wordpress.com ที่มา : www.goodchoiz.com
2. ยางลบ ใช้ในการลบรอยขีดเขียนของดินสอ คุณสมบัติของยางลบจะต้องอ่อนนุ่ม ไม่โค้งงอได้ง่ายเพราะทำมาจากยางธรรมชาติ เมื่อยางลบลบรอยดินสอบนกระดาษจะต้องไม่ทำให้กระดาษขาดหรือเป็นขุย
3. กระดาษเขียนแบบ กระดาษเขียนแบบที่ได้มาตรฐานมีความกว้างต่อความยาวเท่ากับ 1:1.414 โดยขนาดกระดาษ A0 มีขนาดใหญ่ที่สุด
ในการเลือกใช้กระดาษเขียนแบบควรเลือกใช้กระดาษ A4 มาทำการเขียนแบบ ซึ่งแบบของกระดาษ A4 จำเป็นต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ด้านล่างขวามือ ได้แก่ ชื่อของผู้เขียนแบบ ชื่อของแบบ มาตรส่วน วันดือนปี ชื่อสถานศึกษาและหมายเลขแบบ
ที่มา : www.thaidrawing.com
มาตรฐานของขนาดกระดาษ ISO 216
มาตรฐานขนาดกระดาษในระบบ ISO 216ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยมีพื้นฐานแนวคิดมาจากมาตรฐานระบบ German DIN 476 จุดเด่นของมาตรฐานนี้คือเมื่อนำกระดาษที่มีขนาดตามที่กำหนดไว้มาพับครึ่ง ขนาดของกระดาษที่พับแล้วยังคงมีสัดส่วน (อัตราส่วนของด้านสูงกับด้านกว้าง) เดียวกับขนาดก่อนพับ และหากพับครึ่งไปอีก ขนาดใหม่ก็ยังคงมีสัดส่วนเดียวกันหมด ประโยชน์ทีได้คือเมื่อนำกระดาษไปตัดแบ่งไปใช้งานตามมาตรฐานนี้ จะไม่เกิดการเสียเศษหากมีงานที่ต้องการย่อส่วน เพื่อให้ได้ผลตามที่หลักการที่กำหนด ได้มีการคำนวณและพบว่าอัตราส่วนความสูงหารด้วยความกว้างจะเท่ากับ สแควรูทของสอง (1.4142) และยังพบว่าระยะความกว้าง, ความสูงของขนาดพับครึ่งแล้วจะลดลงเป็น 70.7% จากเดิมเสมอ
มาตรฐานรหัสชุด A
มาตรฐานขนาดกระดาษชุด A เป็นมาตรฐานในระบบ ISO ซึ่งเป็นระบบเมตริก จะกำหนดรหัส A0 ให้มีขนาดพื้นที่เท่ากับ 1 ตารางเมตร จากการคำนวณจะได้ขนาดของ A0 เท่ากับ 841 x 1189 มิลลิเมตร เมื่อทำการแบ่งครึ่งจากขนาด A0 ดังกล่าว ขนาดใหม่ที่ได้ตั้งเป็นรหัส A1 หากทำการแบ่งไปเรื่อย ๆ ก็จะได้รหัส A2, A3, A4 .... มาตรฐานชุดนี้ เป็นมาตรฐานที่สร้างความคุ้นเคยและถูกนำใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะขนาด A4 ซึ่งมีขนาด 210 x 297 มิลลิเมตร เป็นขนาดของกระดาษถ่ายเอกสารที่ใช้กันมาก กระดาษหัวจดหมาย หนังสือ นิตยสาร ฯลฯ และถ้านำกระดาษขนาด A4 ที่มีน้ำหนักเท่ากับ 80 กรัมต่อตารางเมตร กระดาษมาชั่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 5 กรัมพอดี ทำให้ผู้ใช้สะดวกในการหาน้ำหนักของกองกระดาษดังกล่าวโดยใช้วิธีนับจำนวนแผ่น
4. วงเวียน วงเวียนที่ใช้งานกันทั่วไป ง่าย สะดวกและประหยัดรายจ่ายคือวงเวียนชนิดขาตาย (Fixture Compasses) ซึ่งปลายข้างหนึ่งของวงเวียนเป็นเหล็กแหลมไว้สำหรับกดจุดหรือตำแหน่งซึ่งปลายที่แหลมนี้จะไม่สามารถปรับได้ ส่วนปลายวงเวียนอีกข้างหนึ่งจะเป็นหลักไว้บรรจุไส้ดินสอ
ที่มา : https://th.pngtree.com
5. โต๊ะเขียนแบบ มีไว้เพื่อให้ผู้เขียนแบบได้เขียนแบบลงกระดาษ ความสูงของโต๊ะเขียนแบบถูกกำหนดให้มีมาตรฐาน ขาโต๊ะเขียนแบบมีทั้งปรับความสูงได้และปรับไม่ได้
ที่มา : www.somjai.co.th/
6. ไม้ที ไม้ที (T-Square) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการลากเส้นแนวนอน หัวของไม้ทีจะยึดติดกับขอบโต๊ะเขียนแบบ หางของไม้ทีจะคู่ขนานกับความยาวของกระดาษเขียนแบบ หางของไม้ทีนี้เปรียบได้กับไม้บรรทัดที่ใช้วัดขนาดออกมาเป็นมิลลิเมตรและนิ้ว
ที่มา : www.bkstationery.com
7. กระดานเขียนแบบ สามารถใช้งานได้ทั้งในและนอกสถานที่ ซึ่งกระดานเขียนแบบที่ใช้ใน สถานที่เหมาะกับโรงเรียนที่ไม่มีโต๊ะเขียนแบบให้กับนักเรียน หรือใช้เขียนแบบนอกสถานที่ก็ได้ ลักษณะของกระดานเขียนแบบจะมีพื้นราบเรียบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แนวตั้งและแนวนอนของกระดานเขียนแบบต้องได้ฉากระหว่างกันและกัน ด้านซ้ายของกระดานเขียนแบบต้องรองรับหัวของไม้ทีให้ได้
ที่มา : www.bkstationery.com
8. บรรทัดขนานและบรรทัดสามเหลี่ยม
บรรทัดขนาน (Parallel Slide) ใช้ในการตีเส้นสามารถเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ง่าย
ที่มา : www.priceza.com
บรรทัดสามเหลี่ยม (Drafting Triangles) ใช้วัดมุมและขนาดของชิ้นงาน
ที่มา : https://th.pngtree.com
9. เทมเพลต (Templates) หมายถึง แม่แบบ คืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเขียนแบบที่เกี่ยวข้องกับรูปทรงเรขาคณิต เช่น วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม
ที่มา : http://aecmarket.net
ตัวอักษรและเส้นที่ใช้ในการเขียนแบบ
1. ตัวอักษรที่ใช้ในการเขียนแบบ ในการเขียนแบบทุกชนิดย่อมมีตัวอักษรปรากฏอยู่ด้วยเสมอ ตัวอักษรที่ใช้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับการเขียนตัวอักษรไทยนั้นพบว่าขนาดเล็กที่สุดมีขนาด 2.5 มม. ขนาดใหญ่ที่สุดมีขนาด 20 มม.
ตัวอักษรไทยที่ใช้มือเขียน ที่มา : www.udesa2.go.th
ตัวอักษรไทยที่ใช้เครื่องเขียนลีรอย
ที่มา : https://sites.google.com/site/joonassfamily
สำหรับการเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้น เป็นการเขียนที่เน้นอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ เป็นอัษรแบบโกธิก (Gothic) ใช้วิธีเขียนแบบซิงเกิลสโตรก (Single Stroke) โดยความกว้างของเส้นนั้นเกิดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา การเขียนตัวอักษรดังกล่าวจะไม่ยกดินสอบ่อยนัก ทำให้เขียนง่าย สะดวกและรวดเร็ว
2. เส้นที่ใช้ในการเขียนแบบ หัวใจสำคัญของการเขียนแบบ คือ การเขียนเส้น เพราะเส้นที่เขียนขึ้นนั้นบ่งบอกถึงขนาดวัตถุ รูปร่างวัตถุ เส้น สามารถกำหนดขนาดและบอกรูปร่าง ๆ ต่าง ๆ ได้ มีรายละเอียด ดังนี้
1. เส้นเต็มหนา บางครั้งเรียกว่าเส้นเต็มหนัก ความหนาของเส้นดังกล่าวมีขนาด 0.5 และ 0.7 มม. เส้นเต็มหนา ถูกใช้เป็นเส้นขอบรูปทรงต่าง ๆ
2. เส้นเต็มบาง มีความหนาของเส้นเท่ากับ 0.25 มม. ถูกใช้เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง เส้นชี้บอกรายละเอียดเส้นที่กำหนดและบอกขนาดได้ และสามารถเป็นเส้นที่แสดงภาพย่อส่วนได้
3. เส้นประ ถูกใช้แสดงเป็นเส้นขอบของรูปที่ถูกบดบังโดยความกว้างของเส้นประมีขนาดเท่ากับ 3 มม. ช่องระหว่างเส้นประมีขนาด 0.75 มม.
4. เส้นผ่านศูนย์กลาง เป็นเส้นที่บอกขนาดจุดศูนย์กลางของวงกลมหรือส่วนโค้ง โดยเส้นยาวมีขนาดระหว่าง 18-36 มม. เส้นเล็กมีความยาวเท่ากับ 3 มม. และช่องว่างระหว่างเส้นเล็กกับเส้นใหญ่มีขนาดเท่ากับ 1.5 มม.
5. เส้นกำหนดขนาดและบอกขนาด เส้นกำหนดขนาดคือเส้นที่ชี้บอกตำแหน่งขนาดของรูปทรง ในขณะที่เส้นบอกขนาดจะทำหน้าที่แสดงขนาดของวัตถุ
6. ลูกศรชี้บอกรายละเอียด แสดงรายละเอียดพิเศษต่าง ๆ และยังสามารถชี้บอกรายละเอียดของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ด้วย
7. เส้นที่เขียนด้วยมืออย่างอิสระ เส้นนี้เป็นการเขียนเส้นด้วยมือเปล่าปราศจากเครื่องมือใด ๆ ช่วย ใช้แสดงรอยตัดแตกของรูปทรง
8. เส้นย่อระยะทาง มีวัตถุประสงค์เพื่อย่อความยาวของแบบงานให้สั้นลง สามารถที่จะเขียนลงไปในแบบได้ง่าย เราใช้เส้นตรงซิกแซ็กซึ่งสื่อถึงเส้นย่อระยะทาง
มาตราส่วนที่ใช้ในการเขียนแบบ
1. มาตราส่วนชนิดเต็มแบบ บางครั้งเรียกว่ามาตรส่วนแบบเต็ม มาตราส่วนชนิดนี้เป็นการเขียนแบบเท่ากับของจริง มีอัตราส่วนเท่ากับ 1:1 โดยเลข 1 ด้านหน้าแสดงขนาดที่ต้องการเขียนลงไปในแบบ ขณะที่เลข 1 ด้านหลัง หมายถึง ขนาดของชิ้นงานจริงที่ปฏิบัติใช้กัน ซึ่งมาตราส่วนชนิดเต็มแบบนี้ สังเกตความกว้างกับความยาวของแบบที่เขียนขึ้นมามีค่าเท่ากับของจริงเสมอ
2. มาตราส่วนชนิดย่อแบบ บางครั้งเรียกว่ามาตราส่วนแบบย่อ มาตราส่วนชนิดนี้เป็นการเขียนแบบให้เล็กลงกว่าของจริงในอัตราส่วน 1:2 , 1:3, และ 1:8 สำหรับมาตราส่วน 1:2 นี้หมายถึง การย่อขนาดของจริงลดลงเป็น 2 เท่า
3. มาตราส่วนชนิดขยายแบบ บางครั้งเรียกว่ามาตราส่วนแบบขยาย มาตราส่วนชนิดนี้เป็นการเขียนแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าแบบของจริง นิยมเขียนแบบให้ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า 4 เท่า และ 8 เท่า
เครื่องมือเขียนแบบเบื้องต้น