วันที่โพสต์: Apr 07, 2014 4:39:21 AM
ธรรมวาที หมายถึง ผู้ที่กล่าวแสดงธรรมที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง เรียกว่า ธรรม วาที อธรรมวาที หมายถึง ผู้ที่กล่าวธรรม ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามความเป็นจริง ดังข้อความในพระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม 4 ภาค 2 หน้า 91 ข้อความตอนหนึ่งจาก ธรรมวาทีปัญหาสูตร (ว่าด้วยปัญหาผู้เป็นธรรมวาที) {499}ปริพาชกชื่อว่าชัมพุขาทกะ ถามท่านพระสารีบุตร ว่า "ดูก่อนท่านพระสารีบุตร ใครหนอเป็นธรรมวาทีในโลก ใครหนอเป็นผู้ปฏิบัติดีในโลก ใครหนอเป็นผู้ไปดีแล้ว
ในโลก"ท่านพระสารีบุตรตอบว่า "ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ท่านผู้ใดแสดงธรรมเพื่อละราคะ โทสะ โมหะ ท่านผู้นั้นเป็นธรรมวาทีในโลก, อนึ่ง ผู้ใดปฏิบัติ เพื่อละราคะ โทสะ โมหะ ท่านผู้นั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีในโลก ราคะ โทสะ โมหะ อันท่านผู้ใดละได้แล้ว ถอน รากเสียแล้ว ทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน กระทำมิให้มีในภายหลัง ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป เป็นธรรมดาท่านผู้นั้น เป็นผู้ไปดีแล้วในโลก"ผู้ที่เป็นธรรมวาที ยิ่งกว่า ธรรมวาทีในโลก พร้อมทั้งเทวโลก คือ พระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ผู้ที่ตรัสรู้ความจริง แสดงธรรม ทีเ่ป้นวาจา
สัจจะ ที่เป็น วาที วาจาที่ทำให้ สัตว์โลกเกิดปัญญา และ ละกิเลสได้ในที่สุด พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น เพื่อให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่ง ที่มีจริง ตามความเป็นจริง ที่สุดแล้วก็เพื่อที่จะให้ละราคะ โทสะ โมหะ ผู้ใดกล่าวหรือ แสดงเรื่องของการละราคะ โทสะ โมหะ ผู้นั้นก็เป็นผู้ที่แสดงธรรมดีแล้ว เป็นธรรมวาที แต่ถ้าไม่ได้กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง แต่กล่าวในสิ่งที่ผิด ไม่ทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้น ก็ไม่ธรรมวาที ย่อมเป็นอธรรมวาที เพราะไม่ได้กล่าวให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง และคำสอน ดังกล่าว
นั้นเป็นคำสอนที่ผิด ไม่ได้เป็นคำจริงเลยแม้แต่น้อย บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นวาจาสัจจะ แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงแล้ว มีความเข้าใจไป ตามลำดับ ก็จะเห็นพระคุณของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ว่า ถ้าพระองค์ไม่ ทรงแสดงสภาพธรรมพร้อมด้วยเหตุและผลอย่างละเอียดแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายย่อม ไม่สามารถพ้นไปจากความเห็นผิด และความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ตลอดจนถึงกิเลสประการอื่น ๆ ได้ เพราะฉะนั้น เครื่องปัองกันความเห็นผิดและความไม่รู้ เป็นต้น ก็คือ ความเข้าใจพระธรรม