วันที่โพสต์: Apr 05, 2014 11:7:29 AM
สภาพธรรมทั้งหลายที่กำลังปรากฏ เกิดขึ้นแล้วดับไป ล้วนเป็นทุกข์ การตาย แล้วเกิดอีกในแต่ละภพภูมิ เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นอีก ได้ยินอีกจึงเป็นทุกข์ ถ้า ไม่ต้องเกิดขึ้นมาเห็นอีก ได้ยินอีกจะสุขสักแค่ไหน ทุกข์จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้ เพราะอะไร ? เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มี จริงจึงควรรู้ยิ่ง ฟังให้เข้าใจสิ่งที่กำลังฟังด้วยความเข้าใจ ถ้าไม่ฟัง ไม่ศึกษาก็ ไม่รู้ความจริง ทุกข์ เป็นสิ่งที่รู้ยาก เข้าใจตามได้ยาก เพราะลึกซึ้ง อะไรเป็นเหตุของทุกข์ เหตุของทุกข์คือ สมุทัย โลภะ นั่นเอง เป็นเหตุ ให้ต้องเกิดแล้วเกิดแล้วอีก
อยู่ร่ำไป ใจเป็นทุกข์ เพราะอะไร ก็เพราะ กิเลสที่ได้สะสมมา หวั่นไหวด้วย โลภะ โทสะ และอวิชชา กายเป็นทุกข์เพราะอะไร ทุกข์กายเกิดขึ้นเพราะ ผลของอกุศลกรรมที่เคย ทำไว้แล้ว ผู้ที่ได้ยินว่าเป็นมะเร็ง ขณะนั้น เจ็บไหม ไม่เจ็บเลย ขณะนั้นมีเห็น ก็ไม่เจ็บ มีได้ยินก็ไม่เจ็บ แต่ใจเป็นทุกข์แล้ว เพราะกิเลสที่ได้สะสมมา สำหรับ ท่านพระอรหันต์ ท่านหมดจากกิเลสแล้ว แม้ท่านยังมีทุกข์กาย แต่ใจไม่เป็นทุกข์ แต่สำหรับเราย่อมหวั่นไหวด้วยกิเลสอะไรทำให้ไม่หวั่นไหว ? ต้องด้วยปัญญาความเห็นถูก ปลอดจากทุกข์ได้เมื่อปัญญาเกิด
เพราะสภาวธรรมทั้งหมดเป็นทุกข์ (เว้นนิพพาน) คือไม่อาจทนอยู่ในสภาวะนั้นๆได้ ต้อง แปรปรวนไป จึงเป็นทุกข์ แม้สิ่งที่คิดว่า "สุข" ก็เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง เพราะไม่เที่ยง สมดังคาถาที่ท่านวชิระเถรีได้กล่าวไว้ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า 109 เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ