2.4 การค้นพบซีโบซอนและดับเบิลยูโบซอน
ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังจากที่นักฟิสิกส์ได้พบว่า ธาตุบางชนิดที่มีนิวเคลียสที่ไม่เสถียร จะเกิดการสลายพร้อมการปล่อยรังสีออกมา โดยรังสีส่วนใหญ่มี 3 ชนิด ได้แก่ รังสีแอลฟา บีตา และ แกมมา นักฟิสิกส์ได้พยายามอธิบายธรรมชาติของแรงที่เกี่ยวข้องกับการสลายดังกล่าว โดยในปี ค.ศ. 1933 แฟร์มี (Enrico Fermi) นักฟิสิกส์ชาวอีตาลี ได้เสนอว่า การสลายให้รังสีบีตา มีแรงชนิดหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเขาได้เรียกชื่อแรงนี้ว่า แรงอ่อน (weak force) เนื่องจากเป็นแรงที่มีความเข้มของแรง (strength) น้อยกว่า แรงแม่เหล็กไฟฟ้า และ น้อยกว่าแรงที่ยึดเหนี่ยวอนุภาคในนิวเคลียสมาก แต่ข้อเสนอของแฟร์มียังมีข้อขัดแย้งบางอย่างกับผลที่ได้จากการทดลอง
จนกระทั่ง ในช่วงปี ค.ศ. 1961 - 1970 นักฟิสิกส์ 3 คน ได้แก่ กลาโชว์ (Sheldon Glashow) ไวน์เบิร์ก (Steven Weinberg) และ ซาลาม (Abdus Salam) ได้ร่วมกันพัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับแรงอ่อน โดยเสนอว่า แรงอ่อนที่ทำให้เกิดการสลายให้รังสีบีตา มีอนุภาคสื่อแรง (force carrier) ที่อนุภาคต่าง ๆ ในนิวเคลียสแลกเปลี่ยนไปมา ส่งผลให้เกิดแรงกระทำและนำไปสู่การสลายให้รังสีบีตา อนุภาคสื่อแรงของแรงอ่อนที่พวกเขานำเสนอ ได้แก่ อนุภาคดับเบิลยูโบซอนบวก (W+) ดับเบิลยูโบซอนลบ (W-) และซีโบซอน (Z0) ซึ่งแนวคิดนี้ ได้ประสบความสำเร็จในการอธิบายผลการทดลองต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ยังไม่แน่ใจถึงการมีอยู่ของอนุภาคทั้งสามเพราะในช่วงเวลานั้น ยังไม่มีการทดลองใด สามารถยืนยันได้ว่า มีอนุภาคทั้งสามอยู่จริง
และในที่สุด ในปี ค.ศ. 1983 การทดลองการชนกันของลำอนุภาคโปรตอนและแอนติโปรตอน (ปฏิยานุภาคของโปรตอน) ที่เซิร์น ได้นำไปสู่การค้นพบอนุภาคสื่อแรงของแรงอ่อนทั้ง 3 อนุภาค เป็นผลให้ รุบเบีย (Carlo Rubbia) และ ฟัน เดอร์ เมร์ (Simon van der Meer) สองนักฟิสิกส์ที่เซิร์น ผู้เป็นแกนหลักในการทำการทดลองจนค้นพบอนุภาคสื่อแรงของแรงอ่อนได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 1984
รูป 2.15 (ซ้าย) รุบเบีย และ (ขวา) ฟัน เดอร์ เมร์ นักฟิสิกส์ที่นำโครงการค้นคว้าวิจัยที่เซิร์นในการค้นพบอนุภาคสื่อแรงของแรงอ่อนทั้งสาม (ภาพซ้ายโดย Markus Pössel ภาพขวาโดย Alchetron)
รูป 2.16 เครื่องตรวจวัดอนุภาค UA1 หนึ่งใน 2 เครื่องตรวจวัดอนุภาค ที่ใช้ในการค้นพบอนุภาค W± และ Z0 ที่เซิร์น โดย UA1 ประกอบด้วยเครื่องตรวจวัดอนุภาคหลายชนิด ติดตั้งเป็นชั้น ๆ(ภาพจาก CERN)
รูป 2.17 ภาพจำลองสามมิติแสดงผลที่เกิดขึ้นจากการชนกันระหว่างลำอนุภาคโปรตอนกับแอนติโปรตอน แล้วทำให้เกิดซีโบซอนในครื่องตรวจวัดอนุภาค UA1 โดยเส้นสีฟ้าในภาพ แสดงเส้นทางการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนและโพซิตรอนที่มาจากการสลายของอนุภาคซีโบซอน (ภาพจาก CERN)
การค้นพบอนุภาคสื่อแรงของแรงอ่อนอย่าง W± และ Z0 ช่วยให้เราสามารถอธิบายกระบวนการการสลายให้รังสีบีตาของธาตุหรือไอโซโทปกัมมันตรังสีได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบอายุของวัตถุโบราณ การวินิจฉัยโรคด้วยสารกัมมันรังสี การอธิบายการถ่ายโอนความร้อนจากใต้ผิวโลกมายังพื้นโลก หรือ การอธิบายกระบวนการให้พลังงานของดวงอาทิตย์ เป็นต้น
รูป 2.18 ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานของสิ่งมีชีวิตบนโลก การสลายให้รังสีบีตาที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบฟิวชัน ทำให้ดวงอาทิตย์มีพลังงานมหาศาล และบางส่วนได้ถูกถ่ายโอนมายังโลก