ตัวอย่าง ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับ ครูชำนาญการพิเศษ
ตัวอย่าง ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับ ครูชำนาญการพิเศษ
ตัวอย่าง ข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)
สำหรับ ครูชำนาญการพิเศษ
ผู้จัดทำข้อตกลง
ชื่อ นางธนิสร นามสกุล ตู้สมบัติ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนบางละมุง สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี ระยอง
รับเงินเดือนในอันดับ คศ. 3 อัตราเงินเดือน .................... บาท
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้: ห้องเรียนรายวิชา ชีววิทยา
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
(ส่วนนี้จะเหมือนกับแบบฟอร์ม PA ทั่วไป ที่ระบุภาระงานด้านการจัดการเรียนรู้, ส่งเสริมสนับสนุน, และพัฒนาตนเองและวิชาชีพ)
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นที่ท้าทาย: การริเริ่ม พัฒนา "นวัตกรรมชุดกิจกรรมการทดลองเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การวิเคราะห์โครงสร้างพืชผ่านการตัดตามขวาง (Cross section)" เพื่อ ยกระดับ ความเข้าใจเชิงลึกและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง โดยใช้การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้และสะท้อนผลการจัดการเรียนการสอนรายวิชาชีววิทยา เรื่อง โครงสร้างและการเจริญเติบโตของพืช ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า แม้ผู้เรียนส่วนใหญ่จะสามารถระบุโครงสร้างพื้นฐานได้หลังจากการเรียนรู้ด้วยวิธีการเดิม แต่ยัง ขาดความเข้าใจเชิงลึก ในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและหน้าที่ รวมถึง ขาดทักษะในการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ โครงสร้างของพืชต่างชนิดกันได้อย่างเป็นระบบ การเรียนรู้จากภาพตัดขวางเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถส่งเสริมให้เกิดการสร้างภาพจำลองในใจ (Mental Model) ที่ชัดเจนและถูกต้องได้ อันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในระดับที่สูงขึ้น และ การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ในภาพรวม
ดังนั้น เพื่อ ยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ของผู้เรียนให้สูงขึ้น ครูผู้สอนจึง ริเริ่มแนวคิดในการพัฒนา "นวัตกรรมชุดกิจกรรมการทดลองเชิงปฏิบัติการ" ซึ่ง แตกต่างและพัฒนาต่อยอด จากชุดกิจกรรมทั่วไป โดย ออกแบบ ให้เน้นการลงมือปฏิบัติจริงที่หลากหลาย ควบคู่กับการใช้สื่อผสมผสาน และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเชิงลึก สามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบ และพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงได้
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
เพื่อ ริเริ่ม พัฒนา นวัตกรรมและ ยกระดับ การเรียนรู้ ครูผู้สอนมีกระบวนการดำเนินงาน ดังนี้
2.1 ศึกษา สังเคราะห์ หลักสูตรฯ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ (เช่น Constructivism, Inquiry-Based Learning) และ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการใช้สื่อการสอนเรื่องโครงสร้างพืช
2.2 ริเริ่ม ออกแบบและพัฒนา "นวัตกรรมชุดกิจกรรมการทดลองเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การวิเคราะห์โครงสร้างพืชผ่านการตัดตามขวาง (Cross section)" โดยมีองค์ประกอบที่ พัฒนาขึ้นใหม่ เช่น
* คู่มือปฏิบัติการที่เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์และตั้งสมมติฐาน
* ชุดสไลด์ถาวรตัวอย่างที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง
* สื่อเสริมดิจิทัล (เช่น วิดีโอสาธิตเทคนิค, ภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ) เพื่อช่วยสร้างความเข้าใจเชิงพื้นที่
* แนวทางการบันทึกและนำเสนอผลการทดลองที่เน้นการวิเคราะห์และเปรียบเทียบ
2.3 ออกแบบและพัฒนา แบบฝึกทักษะที่เน้น คำถามกระตุ้นการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking Questions)
2.4 พัฒนา เอกสารประกอบการเรียนรู้ที่ สังเคราะห์เนื้อหาเชิงลึก และเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์จริง
2.5 สร้าง เครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ทักษะกระบวนการ (P) และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) โดยเน้นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) เช่น การประเมินทักษะปฏิบัติการ, การประเมินชิ้นงาน/รายงานผลการทดลอง
2.6 นำร่างนวัตกรรมชุดกิจกรรมและเครื่องมือวัดผล ไปให้ ผู้เชี่ยวชาญ (เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัย, ครูต้นแบบ, ศึกษานิเทศก์) ตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสอดคล้องเชิงนวัตกรรม พร้อมรับข้อเสนอแนะเพื่อ การพัฒนาต่อยอด
2.7 ปรับปรุงและพัฒนา นวัตกรรมชุดกิจกรรมและเครื่องมือต่างๆ ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ จนมีคุณภาพและประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2.8 นำนวัตกรรมชุดกิจกรรมที่พัฒนาขึ้น ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 5 ห้อง รวม 200 คน โดย เน้นกระบวนการที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และการเรียนรู้เชิงรุก
2.9 ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลาย และ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสะท้อนประสิทธิภาพของนวัตกรรม ที่พัฒนาขึ้น
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 200 คน ที่เรียนรู้ผ่าน นวัตกรรมชุดกิจกรรมที่พัฒนาขึ้น มีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่า การเรียนด้วยวิธีแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
นักเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของนักเรียนทั้งหมด มีผลการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม)
นักเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (เช่น การสังเกต, การจำแนก, การลงความเห็นจากข้อมูล, การตั้งสมมติฐาน) อยู่ในระดับ ดี ขึ้นไป จากการประเมินด้วยแบบประเมินทักษะ
นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ นวัตกรรมชุดกิจกรรมและการจัดการเรียนรู้ที่ริเริ่มพัฒนาขึ้น ในระดับ มากถึงมากที่สุด 3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียน เกิดความเข้าใจเชิงลึก เกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่ และความสัมพันธ์ของเนื้อเยื่อพืช สามารถ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และอธิบาย ความแตกต่างของโครงสร้างพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ได้อย่างเป็นระบบและถูกต้อง ซึ่งเป็นการยกระดับจากความเข้าใจพื้นฐานเดิม
นักเรียน มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเพิ่มขึ้น สามารถออกแบบการทดลองอย่างง่าย ตั้งคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ และสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างมีเหตุผล
นักเรียน สามารถสร้างภาพจำลองในใจ (Mental Model) เกี่ยวกับโครงสร้างภายในของพืชได้ชัดเจนขึ้น และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือแก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ได้
นวัตกรรมชุดกิจกรรมที่พัฒนาขึ้น สามารถเป็น แนวปฏิบัติที่ดี (Good Practice) หรือ ต้นแบบ สำหรับครูผู้สอนชีววิทยาในการนำไปปรับใช้เพื่อ ยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ ในหัวข้อที่คล้ายคลึงกันได้
ข้อสังเกตการเน้นข้อความ:
ใช้คำว่า "ริเริ่ม พัฒนา", "ยกระดับ", "นวัตกรรม", "พัฒนาขึ้นใหม่", "พัฒนาต่อยอด" เพื่อสะท้อนระดับการปฏิบัติ
เน้นการ "ศึกษา สังเคราะห์" และ "ออกแบบและพัฒนา" นวัตกรรมที่มีลักษณะ "แตกต่าง" หรือ "ดีกว่าเดิม"
ยกระดับการตรวจสอบจาก "ครูในสาขา" เป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" และเน้นการตรวจสอบ "ความสอดคล้องเชิงนวัตกรรม"
เน้นการพัฒนา "ทักษะขั้นสูง", "ความเข้าใจเชิงลึก", การประเมินตาม "สภาพจริง"
ผลลัพธ์เชิงคุณภาพเน้นการ "ยกระดับ" จากเดิม และศักยภาพในการเป็น "แนวปฏิบัติที่ดี" หรือ "ต้นแบบ"