โคมล้านนา
โคมล้านนาเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านของชาวล้านนาและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบทอดต่อกันมา โดยชาวล้านนาจะประดิษฐ์ โคมล้านนาในรูปลักษณะต่างๆ เช่น โคมดาว โคมผัด โคมแปดเหลี่ยม โคมหูกระต่าย โคมไห โคมรังมดส้มหรือโคมเสมาธรรมจักร เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันนิยมแขวนประดับตกแต่งตามอาคารบ้านเรือนมีหลากหลายรูปแบบตามแต่ละภูมิปัญญาของท้องถิ่น โคมล้านนาจะใช้ไม้ไผ่เหี้ย และไผ่ข้าวหลามมาสานขึ้นโครง เป็นตะกร้า หรือชะลอม จากนั้นนำกระดาษสา กระดาษแก้ว หรือผ้าดิบมาปิดทับโครงนั้น แล้วจึงตัดกระดาษสีเงิน สีทอง เป็นลวดลายลายสไตล์ล้านนาประดับตกแต่งลงไปอย่างสวยงาม แล้วจุดไฟลงไปในผางประทีปหรือน้ำมันไข เพื่อให้เกิดแสงสว่างในยามค่ำคืน
สำหรับจุดมุ่งหมายของโคมล้านนาเป็นการให้แสงสว่างในยามค่ำคืนและยังถวายเป็นพุทธบูชาในประเพณีสำคัญต่างๆทางพระพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา วันออกพรรษา เป็นต้น โดยการบูชาโคมล้านนามีความเชื่อว่าจะนำความสว่างไสวให้เกิดแก่ชีวิต สร้างความเป็นสิริมงคล ความเจริญ ความสุข แสงของโคมนำทางสู่สติปัญญาให้แก่เจ้าของบ้านและคนในครอบครัว เปรียบเสมือนแสงทางส่องชีวิตต่ออายุของผู้ถวายโคมไฟเพื่อเป็นพุทธบูชา และถ้าหากเกิดมาชาติหน้าจะเป็นบุคคลที่มีความฉลาดเฉลียว เปรียบดั่งแสงของเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงท่ามกลางความมืดมืด ต่อมาในภายหลังจึงมีการประดิษฐ์โคมในลักษณะรูปร่างต่างๆ ตามยุคตามสมัย แต่ยังคงเป็นการสืบสานงานศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาวล้านนาให้คงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ผู้รวบรวมและเรียบเรียง : นายธีรบูลย์ มิตรมโนชัย นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่)
การทำโคมด้วยการใช้วัสดุจากธรรมชาติ สามารถเพิ่มมูลค่าได้
สร้างสรรค์ให้เป็นชิ้นงาน
ประโยชน์ของโคมล้านนา
ประโยชน์ของโคมล้านนา
1.เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน
2.เพื่อเป็นพุทธบูชาในเทศกาลยี่เป็งหรือวันลอยกระทง
3.สืบสานและอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นภาคเหนือ
4.เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่เจ้าของบ้านตามความเชื่อของชาวล้านนา
5.เพื่อตกแต่งและประดับประดาบ้านเรือนหรือสถานที่ต่างๆที่แสดงถึงความเป็นล้านนา
โคมล้านนา กับโคมยี่เป็ง เป็นการเรียกที่ต่างกัน แต่มีลักษณะประเภทต่างกันไปขึ้นอยู้กับการนำไปใช้ โดยของโคมยี่เป็ง ///
มีหลักๆอยู่ 4 ประเภท ได้แก่
--- 1.โคมถือ
. โคมถือ คือ โคมที่มีกำบังทำด้วยกระดาษสี มี 2 แบบ คือ “โคมหูกระต่าย” จะมีลักษณะคล้ายหูกระต่าย มักใช้ถือไปเดินขบวนแห่งานลอยกระทง ข้างในโคมจะจุดเทียนไขไว้ เมื่อเดินขบวนเสร็จแล้ว ก็จะนำไปปักไว้บริเวณรอบๆ โบสถ์ วิหาร หรือ สถานที่มีงานพิธีกรรม ส่วนอีกแบบคือ “โคมกลีบบัว” มีลักษณะคล้ายกลีบบัว มีด้ามไม้ใช้ถือคล้ายๆเป็นก้านดอกบัว เมื่อแห่ขบวนเสร็จแล้วมักจะนำไปบูชาพระประธานในพระวิหาร
2.โคมลอย
โคมลอย คือ โคมที่จุดแล้วปล่อยให้ลอยไปในอากาศ มีลักษณะเป็นรูปถุงทรงกระบอก ก้นใหญ่ปากแคบ ทำด้วยกระดาษว่าว โคมลอยที่ปล่อยขึ้นไปนั้น เชื่อกันว่าจะให้ลอยขึ้นไป เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์อันเป็นที่บรรจุพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีจอ หรือเพื่อบูชาแก่เจ้าผู้ใช้กำเนิดของตนบนสวรรค์ ที่เรียกว่า "พ่อเกิดแม่เกิด"
3.โคมแขวน
โคมแขวน คือ โคมที่ใช้แขวนบนหลักหรือขื่อ นิยมแขวนในวิหาร โบสถ์ หรือทำค้างไม้ไผ่ชักรอกแขวนข้างโบสถ์ วิหาร เพื่อเป็นพุทธบูชา หรือใช้ตกแต่งบ้านเรือน เพื่อบูชาเทพารักษ์ ผู้รักษาหอเรือน อาคารบ้านเรือนก็ได้ โคมแขวนมีหลากหลายรูปแบบและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป เช่น โคมรังมดส้ม (โคมเสมาธรรมจักร), โคมดาว โคมไห, โคมเงี้ยว (โคมเพชร), โคมกระบอก เป็นต้น
4. โคมผัด
. โคมผัด คือ โคมที่มีภาพไว้ตรงที่ครอบ เมื่อจุดไฟแล้วที่ครอบนั้นจะหมุน ทำให้เงาของภาพสะท้อนบนพื้นผนัง บอกเล่าเรื่องราวภาพในตัวโคมได้ มักนิยมทำเป็นรูป 12 ราศี
5.โคมผัด เป็นภาษาพื้นเมือง คำว่า "ผัด" แปลว่า หมุนหรือเวียนไปรอบ ดังนั้น โคมผัดคือโคมที่มีลักษณะหมุนไปรอบๆ หรือเวียนไปรอบๆ เมื่อจุดไฟในโคมก็จะเกิดอากาศร้อนลอยสูงขึ้น อากาศเย็นจะเวียนเข้ามาแทนที่ ทำให้เกิดเป็นกระแสอากาศเบาๆ พัดให้โคมหมุนไปรอบๆทำให้ตัวโคมที่ติดรูปภาพต่างๆ หมุนไปเกิดการสะท้อนของภาพไปตกอยู่ที่ตัวโคม ซึ่งเป็นฉากอยู่ทำให้เกิดความสวยงาม โคมผัดจะตั้งไว้เป็นที่ ไม่เคลื่อนย้าย
เรียบเรียงข้อมูล/เนื้อหา : นางสาวศศิธร เลือดชัยพฤกษ์ ครูกศน.ตำบลริมริมปิง
ภาพถ่าย : นางสาวศศิธร เลือดชัยพฤกษ์ ครูกศน.ตำบลริมริมปิง
แหล่งข้อมูล : นายธีรบูลย์ มิตรมโนชัย นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่)