ความเป็นมา
เมื่อปี พ.ศ.2509 พระมานิตย์ได้พบกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯและได้ชักชวนหลวงปู่โต๊ะมายังถ้ำสิงโตทอง หลวงปู่เล็งเห็นว่าสถานที่นี้สงบเงียบเหมาะสำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม จนกระทั่งมีลูกศิษย์รวบรวมทุนทรัพย์ซื้อที่ดินถวายและก่อสร้างวัดถ้ำสิงโตทองแห่งนี้ โดยใช้ชื่อว่า “ที่พักสงฆ์ถ้ำสิงโตทอง” เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมต่อมาได้ดำเนินการขอ อนุญาตต่อกรมการศาสนา และได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างวัด เมื่อ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2521 โดยนายวิรัช วงศาโรจน์ เป็น ผู้ขออนุญาตตั้งวัดต่อกรมศาสนา ได้รับการประกาศตั้งวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2527 โดยใช้ชื่อว่า “วัดเขาถ้ำสิงโต” ต่อมาทางวัดได้ขอเปลี่ยนชื่อวัดเป็นชื่อ “วัดถ้ำสิงโตทอง” ตามเดิม ในปี พ.ศ. 2533 ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ เป็นอุโบสถที่สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ครบ 60 พรรษา (พ.ศ.2535) เป็นสถาปัตยกรรม พระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 เน้นความเรียบง่ายแต่แข็งแรง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ภายในกรุด้วยไม้สัก เพื่อให้สะดวกแก่การดูแลรักษา โดยดัดแปลงจากแบบเดิมของหลวงปู่โต๊ะ ที่ท่านตั้งใจจะสร้างอุโบสถด้วยไม้ทั้งหลัง โดยให้เหตุผลว่า“จะสร้างให้คนรุ่นหลังดู ต่อไปจะหาไม้สร้างได้ยาก”
ซึ่งศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จด้วยงบประมาณ 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาทถ้วน) โดยถือคติว่าไม่เบียดเบียนใคร และได้สร้าง พระพุทธปฎิมา พระประธาน ในพระอุโบสถได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธสิริกิติพิพัฒน์” มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าซึ่งทรงไว้ด้วย สิริ และ เกียรติ” ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานเททอง เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2534 ตรงกับวันแรม 9 ค่ำ เดือน 4 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ขนาดหน้าตักกว้าง 2.99 เมตร ฝีมือการออกแบบของ คุณไข่มุกด์ ชูโต ปฏิมากรแห่งราชสำนักฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย “ส.ก.” ประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถ โดยมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “เป็นอุโบสถหลังแรกที่มีนามาภิไธย ของพระองค์ท่านประดิษฐานอยู่” รูปหล่อเหมือนหลวงปู่โต๊ะ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2535 ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือน 5 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้ทรงพระกรุณาชี้แนวเขตตั้งอุโบสถหลังนี้ด้วยพระองค์เอง และทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
นับเป็นมหามงคลยิ่งแก่วัดถ้ำสิงโตทองอันเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเศียรองค์พระประธาน พระพุทธสิริกิติพิพัฒน์ทรงยกฉัตรทรงตัดลูกนิมิตและทรงปลูกต้นสักทองบริเวณหน้าพระอุโบสถเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2435 มีหมู่กุฎิทรงไทย จำนวน 3 หลัง ซึ่งยกมาจากวัดประดู่ฉิมพลี ฝากุฎิทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีกปะกบกัน หลังคามุงจากใช้สลักไม้ยึดทั้งหลังไม่ใช้ตะปู เพื่ออนุรักษ์ฝีมือช่างไทยโบราณ ในปี 2552 เนื่องในโอกาสครบอายุ 75 ปี ได้สร้างหอสมุด “ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน” และบูรณะซ่อมแซมทาสีอุโบสถ เจดีย์ ซุ้มประตูกำแพงวัด สร้างต่อเติมอาคารเรียนหลังใหม่ จำนวน 6 ห้อง สิ้นงบประมาณ 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) การที่วัดถ้ำสิงโตทอง มีพระอุโบสถ เสนาสนะ อาคารเรียน หอสมุด ที่สวยงามมั่นคงดังปรากฏในปัจจุบัน เพราะได้รับความอุปถัมภ์จากท่านศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน เป็นอย่างดี