นครศรีธรรมราชเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 หรือราวปี พ.ศ. 600 โดยใช้ชื่อว่า “ตามพรลิงค์” ซึ่งเป็นชื่อในภาษาสันสกฤต หมายถึงเมืองที่มีความศักดิ์สิทธิ์และรุ่งเรืองทางพุทธศาสนา ต่อมาเมืองนี้ได้เปลี่ยนชื่อหลายครั้งตามยุคสมัยและภาษาของชนชาติต่าง ๆ เช่น ตามพรลิงคม มัทธาลิงคม ลิกอร์ ละคอน และในที่สุดจึงกลายเป็นชื่อ "นครศรีธรรมราช" ซึ่งมาจากพระนามของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช หมายถึง “นครแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม”
ในช่วงนี้ นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตก เชื่อมโยงเส้นทางการค้าระหว่างจีน อินเดีย และโลกอาหรับ และยังเป็นศูนย์กลางสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาเถรวาทรวมถึงศาสนาพราหมณ์-ฮินดูด้วย มีการติดต่อกับราชวงศ์จีน และส่งทูตไปต่างประเทศ
นครศรีธรรมราชเจริญสูงสุดในยุคราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เป็นศูนย์กลางศาสนาและการค้าทางทะเลที่สำคัญของภูมิภาค ทำเลที่ตั้งระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามันเอื้อต่อการเป็นเมืองท่าชั้นนำ
ในช่วงนี้ นครศรีธรรมราชสามารถควบคุมหัวเมืองถึง 12 แห่งที่เรียกว่า “เมืองสิบสองนักษัตร” ได้แก่:
สายบุรี (ตราหนู) ตรัง (ตราม้า)
ปัตตานี (ตรางู) ชุมพร (ตราแพะ)
กลันตัน (ตราหนู) ปันไตสมอ หรือกระบี่ (ตราลิง)
ปาหัง (ตรากระต่าย) สระอุเลา หรือสงขลา (ตราไก่)
ไทรบุรี (ตรางูใหญ่) ตะกั่วป่า–ถลาง (ตราหมา)
พัทลุง (ตรางูเล็ก) กระบุรี (ตราหมู)
นครศรีธรรมราชยังเป็นแหล่งเผยแผ่วัฒนธรรม พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ และส่งอิทธิพลไปถึงราชอาณาจักรสุโขทัย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช มีอำนาจปกครองหัวเมืองในแถบคาบสมุทรมลายูหลายเมือง เช่น ปัตตานี กลันตัน ตรังกานู และเมืองอื่นๆ ในช่วงนี้นครศรีธรรมราชมีความสำคัญมากในฐานะเมืองหน้าด่านทางใต้ของกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2075 พระเจ้าราชาธิราชแห่งหงสาวดียกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้ส่งราชทูตไปขอความช่วยเหลือจากนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ส่งกองทัพมาช่วยรบจนสามารถขับไล่กองทัพพม่าออกไปได้
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ โปรดเกล้าฯ ให้ “เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์)” บุตรเขยพระเจ้านครศรีธรรมราช เป็นเจ้าเมือง ต่อมาในรัชกาลที่ 2 พระบริรักษ์ภูเบศรจึงได้รับตำแหน่งแทน และได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)” ซึ่งมีความสามารถทั้งด้านการทูต การทหาร และการต่อเรือ ได้รับความเกรงใจจากอังกฤษ และถวายสิ่งของมีค่าหลายอย่างในรัชกาลที่ 4
หลังเจ้าพระยานคร (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรม บุตรคือ “เจ้าพระยานคร (น้อยกลาง)” สืบตำแหน่งแต่ไม่เข้มแข็ง รัชกาลที่ 5 จึงมีการปฏิรูปการปกครอง ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช และให้พระยาสุขุมนัยวินิตเป็นข้าหลวง ต่อมาในรัชกาลที่ 6 ได้แต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพรเป็นอุปราชปักษ์ใต้ จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มณฑลนครฯ ถูกยุบ กลายเป็นจังหวัดหนึ่งของไทย
นครศรีธรรมราชเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความเจริญก่อนสมัยสุโขทัย มีศิลปะวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญของภาคใต้และของชาติไทย
พระบรมธาตุเจดีย์
พระบรมธาตุเจดีย์เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และได้รับการบูรณะสืบต่อกันมาหลายยุค เป็นเจดีย์ทรงลังกาสูงกว่า 55 เมตร ยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ
จัดขึ้นทุกปีในวันมาฆบูชา ชาวบ้านจะนำผ้าผืนยาวมาห่มองค์พระบรมธาตุเพื่อเป็นพุทธบูชา เป็นประเพณีที่สะท้อนความศรัทธาและความผูกพันต่อพระพุทธศาสนา
หนังตะลุง
หนังตะลุงเป็นศิลปะพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงของนครศรีธรรมราช ใช้รูปหนังสลักลายเชิดเล่าเรื่องราวที่สนุกสนาน สอดแทรกศีลธรรม และสะท้อนชีวิตของชาวใต้
มโนราห์
ศิลปะการแสดงพื้นเมืองที่มีความวิจิตรในการแต่งกายและท่ารำ มโนราห์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และยังคงมีการแสดงอย่างแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้
1. “ประวัติเมืองนคร” สืบค้นจากเว็บไซต์ https://www.nakhonsithammarat.go.th/
2. “ประวัติจังหวัดนครศรีธรรมราช” สืบค้นจากเว็บไซต์ https://library.wu.ac.th/NST_localinfo/
3. “เล่าเรื่อง เมืองนคร” สืบค้นจากเว็บไซต์ https://library.wu.ac.th/NST_localinfo/
4. “นครศรีธรรมราช” สืบค้นจากเว็บไซต์ https://thai.tourismthailand.org/
4. “สวัสดีนครศรีธรรมราช” สืบค้นจากเว็บไซต์ https://nakhonsawasdee.com/
5. ขอบคุณภาพจาก https://nakhonsawasdee.com