นครศรีธรรมราช หรือ "เมืองนคร" ไม่เพียงเป็นหัวเมืองสำคัญของภาคใต้แต่ยังเป็นศูนย์รวมของประเพณีและศิลปะที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ วัฒนธรรมที่นี่ผสมผสานความเชื่อทางพุทธศาสนา วิถีชีวิตชุมชน และความงดงามของศิลปะการแสดงไว้อย่างลงตัว มาสำรวจความงามของประเพณีและศิลปะเหล่านี้กัน
ประเพณีสารทเดือนสิบ หรือที่คนใต้เรียกกันว่า "บุญสารทเดือนสิบ" เป็นประเพณีสำคัญของชาวนครศรีธรรมราชและชาวภาคใต้ที่สืบทอดมายาวนาน มีรากฐานมาจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมเรื่องการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษและญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
ชาวนครศรีธรรมราชเชื่อว่าในช่วงวันแรม 1 ค่ำ ถึงแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ญาติพี่น้องและบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วและตกอยู่ในนรกภูมิ หรือที่เรียกว่า "เปรต" จะได้รับอนุญาตให้ออกมาเยี่ยมลูกหลานในโลกมนุษย์ได้ปีละครั้ง เพื่อรับส่วนบุญที่ลูกหลานอุทิศให้ ก่อนที่จะกลับไปยังนรกภูมิอีกครั้ง ประเพณีนี้จึงเปรียบเสมือนการได้ทดแทนพระคุณของบรรพบุรุษ และสร้างความผูกพันในระบบเครือญาติ
ประเพณีสารทเดือนสิบจัดขึ้นในเดือนสิบตามปฏิทินจันทรคติ (ประมาณเดือนกันยายน) โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงสำคัญ:
วันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่า "วันรับเปรต" หรือ "วันรับตายาย" เป็นวันที่ลูกหลานทำพิธีรับวิญญาณบรรพบุรุษมาเยี่ยมบ้าน
วันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่า "วันส่งเปรต" หรือ "วันส่งตายาย" เป็นวันที่ลูกหลานทำพิธีส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลับสู่ภพภูมิของตน
ในนครศรีธรรมราช มีการจัดงานประเพณีสารทเดือนสิบเป็นเทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ มีงานรื่นเริงและขบวนแห่หมฺรับเป็นที่โดดเด่น
"หมฺรับ" (หม่รับ) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นภาชนะใส่อาหารคาวหวานที่จัดเตรียมไว้สำหรับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น:
หมฺรับเล็ก หรือกระจาดเล็ก ใช้สำหรับครอบครัวทั่วไปที่นำไปทำบุญที่วัด
หมฺรับใหญ่ มีความสวยงามและใส่ของมากกว่า ใช้สำหรับการแห่ในงานประเพณี
ภายในหมฺรับจะบรรจุอาหารคาวหวานและเครื่องใช้สำหรับบรรพบุรุษ โดยเฉพาะอาหาร 5 อย่างที่ขาดไม่ได้ ได้แก่:
ขนมพอง สัญลักษณ์ของความอยู่ดีมีสุข ครอบครัวเฟื่องฟู
ขนมลา สัญลักษณ์ของการเดินทางไกล เปรียบเหมือนการเดินทางของวิญญาณ
ขนมดีซำ (ขนมเทียน) สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง
ขนมกงหรือขนมไข่ปลา สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
ขนมบ้า (ข้าวต้มลูกโยน) สัญลักษณ์ของความผูกพัน
1. วันรับเปรต (แรม 1 ค่ำ เดือนสิบ)
ในวันนี้ ชาวบ้านจะจัดเตรียมอาหารคาวหวานต่างๆ ใส่ในภาชนะเล็กๆ วางไว้บริเวณเสาหน้าบ้านหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษได้มารับ เรียกว่า "ทำบุญหัวนอก" จากนั้นจึงเตรียมการทำขนมต่างๆ สำหรับวันส่งเปรต
2. วันส่งเปรต (แรม 15 ค่ำ เดือนสิบ)
เป็นวันสำคัญที่สุดของประเพณี ในช่วงเช้า ชาวบ้านจะนำหมฺรับที่บรรจุอาหารคาวหวานไปทำบุญที่วัด เรียกว่า "ทำบุญหัวใน" โดยมีพิธีกรรมดังนี้:
การแห่หมฺรับ: ในงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ จะมีการจัดขบวนแห่หมฺรับอย่างสวยงาม มีการประกวดหมฺรับ การฟ้อนรำ และการแสดงพื้นบ้านประกอบ
พิธีทำบุญเลี้ยงพระ: ถวายภัตตาหารและหมฺรับแด่พระสงฆ์ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ
การชิงเปรต: เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน โดยชาวบ้านจะนำกล้วย ขนม และของกินต่างๆ มาแขวนไว้บนเสาสูงที่เรียกว่า "เสาเปรต" แล้วให้ผู้คนแย่งชิงกัน เชื่อว่าเป็นการจำลองภาพการแย่งอาหารของเปรต
การรับประทานอาหารร่วมกัน: หลังจากพิธีกรรมทางศาสนาเสร็จสิ้น ชาวบ้านจะนำอาหารที่นำมาในหมฺรับมารับประทานร่วมกัน เป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชน
1. คุณค่าทางจิตใจและครอบครัว
ประเพณีสารทเดือนสิบช่วยสร้างความผูกพันในครอบครัวและเครือญาติ เป็นโอกาสให้ลูกหลานได้ระลึกถึงบรรพบุรุษและแสดงความกตัญญูกตเวที อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามให้แก่เยาวชน
2. คุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรม
เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น สร้างความสามัคคีในชุมชน เพราะต้องร่วมแรงร่วมใจกันจัดงาน และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทำขนมประเพณี
3. คุณค่าทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ปัจจุบัน ประเพณีสารทเดือนสิบของนครศรีธรรมราชได้รับการส่งเสริมให้เป็นเทศกาลสำคัญระดับประเทศมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด
1. ความเชื่อเรื่องเปรต
ในความเชื่อทางพุทธศาสนา เปรตเป็นสัตว์นรกประเภทหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผอมโซ คอยาว มีปากเล็กเท่ารูเข็ม ท้องใหญ่ หิวโหยตลอดเวลา การทำบุญอุทิศส่วนกุศลจึงเป็นการช่วยเหลือให้ได้รับความสุขสบายขึ้น
2. สัญลักษณ์ของขนมต่างๆ
ขนมแต่ละอย่างในหมฺรับล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ นอกจาก 5 อย่างหลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีขนมอื่น ๆ เช่น:
• ขนมจีน สัญลักษณ์ของความยืนยาว อายุยืน
• ข้าวสาร สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
• น้ำ สัญลักษณ์ของความชุ่มชื่น
3. การชิงเปรต
พิธีชิงเปรตเป็นการจำลองภาพการดิ้นรนของเปรตที่หิวโหย นอกจากความสนุกสนานแล้ว ยังแฝงคติเตือนใจให้คนรู้จักการให้ทาน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และไม่ควรยึดติดกับความโลภ
การอนุรักษ์และการปรับเปลี่ยนในยุคปัจจุบัน
ปัจจุบัน แม้ว่าประเพณีสารทเดือนสิบยังคงได้รับการสืบทอดอย่างเข้มแข็ง แต่ก็มีการปรับเปลี่ยน
ไปบ้างตามยุคสมัย เช่น:
• หมฺรับที่ใช้ในปัจจุบันมีการตกแต่งที่สวยงามและหลากหลายมากขึ้น
• การจัดงานมีการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวมากขึ้น
• มีการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น การประกวดหมฺรับ การประกวดอาหารพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรม
• มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับประเพณีเพื่อสร้างความเข้าใจแก่คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยว
ถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง แต่แก่นแท้และคุณค่าของประเพณีสารทเดือนสิบยังคงอยู่ โดยเฉพาะในด้านความกตัญญูต่อบรรพบุรุษและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปฏิบัติ
เพื่อให้ประเพณีสารทเดือนสิบดำรงอยู่อย่างยั่งยืน มีแนวทางการสืบสานดังนี้:
ส่งเสริมให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงานและเรียนรู้ประเพณี
บูรณาการความรู้เกี่ยวกับประเพณีเข้าสู่หลักสูตรการศึกษาของท้องถิ่น
สนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยและบันทึกองค์ความรู้เกี่ยวกับประเพณีอย่างเป็นระบบ
พัฒนารูปแบบการจัดงานให้น่าสนใจและดึงดูดคนรุ่นใหม่ โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของประเพณี
ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างมีคุณภาพ
ประเพณีสารทเดือนสิบของนครศรีธรรมราชจึงไม่เพียงแต่เป็นงานบุญประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และคุณค่าทางจิตใจของชาวนครศรีธรรมราช และชาวภาคใต้ได้อย่างชัดเจน
1. “ประเพณี สารทเดือนสิบ ที่นครศรีธรรมราช” สืบค้นจากhttps://library.wu.ac.th/content/
2. ขอบคุณภาพจาก https://library.wu.ac.th/