การทอผ้ากะเหรี่ยงเป็นการเรียนรู้จากการสืบทอดจากบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งสตรีชนเผ่าปาเกอะญอจะได้รับการสืบทอดบทบาทในการจัดหาและถักทอเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มสำหรับคนในครัวเรือน ได้สอดใส่ลวดลายตามคติความเชื่อและให้สีสันตามวัสดุท้องถิ่นที่มาใช้ทำสีย้อมฝ้ายที่ปลูกเอง ทุกครัวเรือนเด็กสาวหากมีอายุ 5 ขวบ จะต้องเรียนรู้วิธีการทอผ้าจากแม่ ดังนั้นผู้หญิงชนเผ่าจะต้องทอผ้าเป็นทุกคน ซึ่งการทอผ้าการทอผ้าของชนเผ่าแตกต่างจากการทอทั่วๆไป คือการทอผ้าด้วยกี่เอวอุปกรณ์ในการทอมีไม่มากชิ้น เช่น กี่ทอเอว ฝ้าย ฟืม เป็นต้น ทำให้การทอสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก แม้พกพาไปทำงานในไร่ ชนเผ่าปาเกอะญอมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ จึงเรียนรู้ในสิ่งรอบๆตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากหมดฤดูทำการเกษตร ช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม ทุกครัวเรือน มารดาจะทอผ้าให้ลูกสวมใส่ ซึ่ง 1 ปีจะได้เปลี่ยนชุดใหม่ 1 ครั้ง คือในวันปีใหม่เมือง (วันสงกรานต์) จะทอในวันที่เป็นสิริมงคลเท่านั้น มีความปราณีต มีลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ใช้เวลาในการทอค่อนข้างนาน รวมทั้งคิดและพัฒนาลวดลายผ้า ใส่สีสันบนผืนผ้าที่มีเอกลักษณ์ของชนเผ่า เช่น ลายกะเหรี่ยงโบราณ ลายงูเหลือม ลายรากไทร ลายพระอาทิตย์ทรงกรด ลายจกและปักเดือย ลายเมล็ดฟักทอง เป็นต้น มีการย้อมสีเส้นด้ายด้วยสีธรรมชาติ เช่น สีของเปลือกไม้ สีของใบไม้ ดอกไม้ ดินโคลน สีที่ได้ส่วนใหญ่มักเป็นสีดำ น้ำตาล เหลือง เขียว หากได้สวมใส่ผ้าทอของชุมชนพระบาทห้วยต้มจึงถือได้ว่าจะเป็นสิริมงคลต่อตนเอง
ผ้าทอของชนเผ่าปาเกอะญอจะมีเอกลักษณ์ คือผ้าที่ทอจะมีขนาดเล็ก แคบ จึงทำให้เครื่องนุ่งห่มของชนเผ่าปาเกอะญอ มีรอยต่อในการเย็บเป็นตัวเสื้อ เมื่อนำมาเย็บประกอบติดกันไม่มีส่วนโค้งเว้า ลวดลายของตัวเสื้อได้มาจากตำนานที่เล่าขานนานมาคือลายงูเหลือม และมีการอนุรักษ์ลายผ้าไว้ตลอดชั่วอายุคน การอนุรักษ์ลายงูเหลือมซึ่งคนส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นลายดอกไม้ แต่ชนเผ่าปาเกอะญอจะรู้กันว่าเป็นลายของงูเหลือม และประเพณีการสวมใส่เสื้อผ้าก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ จากความเชื่อและการให้เกียรติในการใช้เครื่องนุ่งห่ม หากมีประเพณีที่สำคัญในชุมชน ทุกคนจะต้องแต่งกายประจำเผ่าของตนเอง เนื่องจากมีความเชื่อในการสวมใส่ว่า หากสวมใส่เสื้อประจำเผ่าในการประกอบพิธีต่างๆ จะทำให้ชีวิตดี และทำให้การประกอบพิธีต่างๆมีความศักดิ์สิทธิ์ จากความเชื่อนี้ชนจึงยึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอด
ชนเผ่าปาเกอะญอจะมีเอกลักษณ์ในการแต่งกาย ที่ยังคงยึดถือวัฒนธรรมและประเพณีนี้อย่างเคร่งครัด โดยการแต่งกายของผู้หญิงสาวจะสวมชุดยาวสีขาว และผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็จะสวมใส่เสื้อคนละท่อน คือนุ่งผ้าซิ่นและเสื้อที่ทอขึ้นใช้เอง สาเหตุที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องนุ่งคนละท่อนเพราะเป็นการให้เกียรติแก่ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ที่มาของแหล่งข้อมูล http://www.nasailocal.go.th/oldweb/index.php/a/s.html
ที่มาของแหล่งข้อมูล จากเวปไซต์ http://www.nasailocal.go.th/oldweb/index.php/a/s.html
เรียบเรียงเนื้อหา โดย นางสาวอัจฉราพรรณ ใจกลางดุก ครูกศน.ตำบลนาทราย
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย นางสาวอัจฉราพรรณ ใจกลางดุก ครูกศน.ตำบลนาทราย