การทำโครงงานมีขั้นตอนกระบวนการ ดังนี้
1) การคิดและการเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิดและเลือกหัวเรื่องของโครงงานด้วยตนเองว่าอยากจะ
ศึกษาอะไร ทำไมจึงอยากศึกษา หัวเรื่องของโครงงานมักจะได้มาจากปัญหา คำถามหรือความ อยากรู้ อยาก
เห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของโครงงานควรเฉพาะเจาะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่านชื่อ
เรื่องแล้ว ควรเข้าใจและรู้เรื่องว่าโครงงานนี้ทำจากอะไร และควรคำนึงถึงประเด็นความเหมาะสมของระดับ
ความรู้ ความสามารถของผู้เรียน วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ งบประมาณ ระยะเวลา ความปลอดภัยและแหล่งความรู้
เป็นต้น
2) การวางแผนการทำโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเค้าโครงของโครงงาน ซึ่งต้องมีแนวคิดที่กำหนดไว้
ล่วงหน้า เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนำเสนอต่อครูประจำกลุ่มหรือ
ครูที่ปรึกษา เพื่อขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการขั้นต่อไป การเขียนเค้าโครงของโครงงานโดยทั่วไป
เขียนเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และขั้นตอนการทำโครงงาน ซึ่งควรประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
2.1) ชื่อโครงงาน : เป็นชื่อเรื่องที่ผู้เรียนจะทำการศึกษาค้นคว้า เพื่อหาคำตอบหรือหา
แนวทางในการแก้ปัญหา การตั้งชื่อเรื่อง ควรสื่อความหมายให้ได้ว่าเป็นโครงงานที่จะทำอะไร เพื่อใคร /อะไร
ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัดชัดเจนสื่อความหมายได้ตรง
2.2) ชื่อผู้ทำโครงงาน : เป็นการระบุชื่อของผู้ทำโครงงาน ถ้าเป็นโครงงานกลุ่มให้ระบุชื่อผู้ทำ
โครงงานทุกคน พร้อมเขียนรายละเอียดงานหรือหน้าที่ความรับผิดชอบ ในการทำโครงงานของแต่ละคนให้
ชัดเจน
2.3) ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน : เป็นการระบุชื่อผู้ที่ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำในการทำโครงงาน
ของผู้เรียน
2.4) หลักการและเหตุผลของโครงงาน : เป็นการอธิบายว่า เหตุใดจึงเลือกทำโครงงานเรื่องนี้
มีความสำคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทำเป็นเรื่องใหม่ หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้า
เรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร เรื่องที่ทำได้ขยายผลเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทำไว้อย่างไร หรือ
เป็นการทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
2.5) จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ : ควรมีความเฉพาะเจาะจงและสามารถวัดได้ เป็นการ
บอกขอบเขตของงานที่จะทำให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์มักเขียนว่าศึกษา. . . . . . . . . . . . . .
. . . . . เพื่อเปรียบเทียบ. . . . . . . . . . . . เพื่อผลิต. . . . . . . . . . . . . . เพื่อทดลอง. . . . . . . . . หรือ
เพื่อสำรวจ. . . . . . . . . . . . . . . . . ซึ่งจุดประสงค์ของโครงงานที่จะบ่งบอกว่าเป็นโครงงานประเภทใด (ตาม
เนื้อหาบทที่ 2) และจุดมุ่งหมายของโครงงานจะเป็นทิศทางในการกำหนดวิธีการดำเนินโครงการ
2.6) สมมติฐานในการทำโครงงาน (ถ้ามี) : สมมติฐานเป็นคำตอบหรือคำอธิบายที่คาดไว้
ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักการรองรับ และที่สำคัญ
คือ เป็นข้อความที่มองเห็นแนวทางในการดำเนินการทดสอบได้ โครงงานวิจัยที่กำหนดสมมุติฐานควรเป็น
โครงงานประเภททดลอง ซึ่งมักจะต้องกำหนดตัวแปรในกระบวนการทดลอง นอกจากนี้ควรมี ความสัมพันธ์
ระหว่างตัวแปรอิสระ (ต้น) และตัวแปรตาม ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งตัวแปรที่เกี่ยวข้อง : ตัวแปรอิสระ (ต้น) สิ่งที่
เป็นเหตุของปัญหา ตัวแปรตาม คือสิ่งที่เป็นผล ตัวแปรแทรกซ้อนคือ สิ่งที่อาจมีผลต่อตัวแปรตามโดยผู้วิจัยไม่
ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
2.7) วิธีดำเนินงานและขั้นตอนการดำเนินงาน : เป็นการเขียนให้เห็นขั้นตอนของการ
ทำโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดการทำงาน โดยเขียนให้ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไรทำเมื่อไหร่ ที่ไหน ให้ละเอียด
ทุกขั้นตอนและกิจกรรม
2.8) แผนปฏิบัติงาน : เป็นการนำขั้นตอนการทำโครงงานมาเขียนในรูปของปฏิทินตาราง
กำหนดการทำงานในแต่ละขั้นตอน
2.9) ผลที่คาดว่าจะได้รับ : เป็นการเขียนให้เห็นถึงประโยชน์ และผลที่คาดว่าจะได้รับจากการ
ทำโครงงาน โดยให้ระบุว่าจะเกิดประโยชน์แก่ใครเกิดขึ้นอย่างไร ทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อมและ ผลที่คาดว่า
จะได้รับจะต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์
2.10) เอกสารอ้างอิง : รายชื่อเอกสารที่นำมาอ้างอิงเพื่อประกอบการทำโครงงาน ตลอดจน
การเขียนรายงานการทำโครงงาน ควรเขียนตามหลักการที่นิยม
ที่มา http://maetang-tr02006.blogspot.com/2015/05/41.html
3) การดำเนินงานเมื่อที่ปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครงของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลง
มือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ระบุไว้ ผู้เรียนต้องพยายามทำตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ และสถานที่
ให้พร้อมปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ คำนึงถึงความประหยัดและความปลอดภัยในการทำงาน
ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทำอะไรไปบ้างได้ผลอย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็นอย่างไร พยายาม
บัน4)การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจถึงแนวคิด
วิธีการดำเนินงาน ผลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ จากการศึกษาค้นคว้าตั้งแต่ต้นจนจบ การ
เขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตัวเหมือนกันทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้อง
เหมาะสมกับประเภทของโครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงาน
แบ่งกว้างๆ เป็น 3 ส่วน ดังนี้
4.1) ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย
(1) ชื่อโครงงาน
(2) โครงงาน ระดับ สถานศึกษา และวันเดือนปีที่จัดทำ
(3) ชื่อครูประจำกลุ่ม อาจารย์ที่ปรึกษา
(4) คำนำ
(5) สารบัญ
(6) สารบัญตาราง หรือภาพประกอบ (ถ้ามี)
(7) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้าโครงอย่างย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์
วิธีการศึกษา ระยะเวลา และสรุปผล
(8) กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงานที่ให้
ความช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
4.2) ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย
(1) บทนำบอกความเป็นมา ความสำคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจใน
การเลือกหัวข้อโครงงาน
(2) วัตถุประสงค์ ของโครงงาน
(3) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
(4) การดำเนินงานอาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไป
ตามหัวข้อเรื่อง ตรงตามวัตถุประสงโครงงานและพิสูจน์คำตอบ (สมมติฐาน)
(5) สรุปผลการศึกษาเป็นการอธิบายคำตอบที่ได้ จากการศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อ
ย่อยที่ต้องการทราบว่าเป็นไปสมมติฐานหรือไม่
(6) อภิปรายผล บอกประโยชน์หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจำกัดหรือ
ปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าโครงงานลักษณะใกล้เคียงกัน
4.3) ส่วนท้าย ประกอบด้วย
(1) บรรณานุกรมหรือเอกสารอ้างอิงหรือเอกสารที่ใช้ค้นคว้า ซึ่งมีหลายประเภท เช่น
หนังสือ ตำรา บทความ หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีการเขียนบรรณานุกรมต่างกัน เช่น หนังสือ ชื่อ นามสกุล
ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สำนักพิมพ์, ปีที่พิมพ์บทความในวาสารชื่อผู้เขียน "ชื่อบทความ" ชื่อวารสาร. ปีที่
หรือเล่มที่ : หน้า ; วัน เดือน ปี. คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ ชื่อผู้เขียน "ชื่อคอลัมน์ : ชื่อเรื่องในคอลัมน์" ชื่อ
หนังสือพิมพ์. วัน เดือน ปี. หน้า.
(2) ภาคผนวก เช่น โครงร่างโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสัมภาษณ์ทึกให้เป็นระเบียบและครบถ้วน5) การนำเสนอผลงาน การนำเสนอผลงานเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำโครงงาน และเข้าใจถึง
ผลงานนั้น การนำเสนอผลงานอาจทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน
เนื้อหา เวลา ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การเขียนรายงาน สถานการณ์
จำลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคำพูด หรือการรายงานปาก
เปล่า การบรรยาย สิ่งสำคัญคือ พยายามทำให้การแสดงผลงานนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน
เข้าใจง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหาที่