เกษตรอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ "เพื่อชีวิต"
นายประเทือง ธิบดี
ภูมิปัญญาด้านเกษตรอินทรีย์ ตำบลศรีวิชัย
ที่อยู่ 381 หมู่ที่ 13 ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
หมายเลขโทรศัพท์ : 082-6183856
LINE ID : 0826183856
ความเป็นมาของการทำเกษตรอินทรีย์
สมัยก่อนนายประเทือง ธิบดี ประกอบอาชีพรับจ้างอยู่ในกรงเทพมหานคร ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้การทำงานหมดลู่ทางในการประกอบอาชีพ จึงหันมาทำการเกษตรในที่ดินของตนเองในบ้านเกิด เริ่มจากการปลูกผักสวนครัวไว้กินเองก่อน ซึ่งผักทั้งหมดเป็นผักปลอดสารพิษ ที่ไม่ใช้สารเคมีในการบำรุงรักษา หลังจากนั้นจึงขยายพื้นที่รอบบ้านให้กลายเป็นแปลงผักสวนครัว หลากหลายชนิด และทำสวนลำไยที่ใช้เกษตรอินทรีย์ในการดำเนินงานทั้งหมด
จุดเด่นของการทำเกษตรอินทรีย์
นายประเทือง ธิบดี ใช้แนวคิดพื้นฐานของเกษตรอินทรีย์คือ การทำการเกษตรแบบองค์รวม ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากระบบเกษตรแผนใหม่ที่มุ่งเน้นการใช้ปัจจัยการผลิต ต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตเฉพาะพืชที่ปลูก ซึ่งเป็นแนวคิดแบบแยกส่วน เพราะให้ความสนใจเฉพาะแต่ผลผลิตของพืชหลักที่ปลูก โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรการเกษตรหรือนิเวศการเกษตร สำหรับเกษตรอินทรีย์ซึ่งเป็นการเกษตรแบบองค์รวมจะให้ความสำคัญกับการ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน, การรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด และการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพของฟาร์ม โดยใช้ปุ๋ยหมักที่ทำเองจากบ่อหมักปุ๋ย ซึ่งได้รับความรู้จากการศึกษาดูงานร่วมกับ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทำน้ำหมักชีวภาพ จากเศษอาหาร ผลไม้ ผักต่างๆ ที่สามารถใช้รดน้ำแปลงผักให้สวย และปลอดสารเคมีได้
ประโยชน์ของการเกษตรอินทรีย์โดยใช้น้ำหมักชีวภาพ
1. การปลูกพืชผัก ผลไม้ โดยใช้เกษตรแบบอินทรีย์ ทำให้ได้ผลผลิตที่ปลอดสารพิษ ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เหลือจากกินเอง ก็แบ่งบันเพื่อนบ้าน หลังจากนั้นก็แบ่งขาย สร้างรายได้จุนเจือครอบครัว
2. เป็นการใช้พื้นที่รกร้างรอบๆบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุก อีกทั้งดินที่ได้รับปุ๋ยและน้ำหมัก เป็นดินที่ดี ไม่เสียคุณภาพปลูกผักอะไรก็สวยงาม สมบูรณ์
3. เป็นแบบอย่างให้แก่คนในชุมชน ในการทำการเกษตรแบบอินทรีย์ เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่คณะศึกษาดูงาน ตลอดจนเป็นต้นแบบในการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้
ข้อมูลเนื้อหาโดย : นายประเทือง ธิบดี
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : นางสาวกานต์ชนก แก้วทิพย์
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ : นางสาวกานต์ชนก แก้วทิพย์