นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง
นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง
เขาคิชฌกูฏ หนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยจากทั่วภูมิภาคให้ความเคารพนับถือ และเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านบนกันอย่างมากมายในทุก ๆ ปี
ตำนานทางศาสนาพุทธได้กล่าวไว้ว่า เขาคิชฌกูฏอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นยอดเขาที่มีแนวเขาล้อมรอบ และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณ ซึ่งเป็นกรรมการ และเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ได้เสนอให้ใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฏ (พลวง) เหตุผลเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหน ๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย โดยสภาพภูมิประเทศที่คล้ายคลึง และยังเป็นยอดเขาที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์นั้นก็คือ รอยพระพุทธบาท และหินลูกบาตร ที่ตั้งข้างรอยพระพุทธบาท
หินลูกบาตรนี้จะอยู่ในลักษณะคล้ายลอยอยู่ริมลานพระพุทธบาท บนหินลูกนี้จะมีรอยคล้ายรอยพระหัตถ์ประทับอยู่ เหมือนกับกำลังดันหินก้อนนี้ไว้ ตรงข้ามกับรอยพระหัตถ์บนหินก้อนนี้ จะมีรูปรอยเท้าใหญ่ (รอยเท้าพญามาร) ใต้พระบาทมีถ้ำตาฤๅษี จึงให้ใช้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงพระบรมศาสดา
ประวัติความเป็นมา
เขาคิชฌกูฏ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี บนความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,050 เมตร ด้านบนยอดเขาคิชฌกูฏ ได้ปรากฏร่องรอยบนแผ่นหินใหญ่ที่มีความลึกประมาณ 2 เมตร กว้าง 1 เมตร และยาว 2 เมตร ซึ่งถูกค้นพบโดยกลุ่มคนหาของป่าของนายติ่ง คาดว่าถูกค้นพบขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2397 ตามคำบอกเล่าของพระครูธรรมสรคุณ เจ้าอาวาสวัดกระทิง โดยท่านได้เล่าว่า กลุ่มของนายติ่งได้ทำการออกสำรวจพื้นป่าเพื่อหาไม้มาขาย และระหว่างทางได้แวะพักเหนื่อยที่ลานหินกว้างด้านบนเขา หนึ่งในกลุ่มของนายติ่งระหว่างที่กำลังพักผ่อนก็ได้ถอนหญ้าเพื่อถางที่จะทำที่นอน ก็ได้บังเอิญพบกับวงแหวนขนาดใหญ่ และเมื่อค้นดูอีกก็ได้พบกับแผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีรอยรูปก้นหอยอยู่บนพื้นด้วย
ซึ่งหลังจากนั้น นายติ่งได้มีโอกาสไปพบกับรอยพระพุทธบาทจำลองที่วัดพลับ ในเมืองจันทบุรี ระหว่างที่จะพาลูกชายไปบวช ซึ่งพอ นายติ่งเห็นดังนั้น ก็พูดขึ้นมาว่า "รอยพระพุทธบาทเช่นนี้ที่บ้านผมก็มี" ซึ่งพอพูดจบ พระลูกวัดเกิดได้ยินเข้า จึงไปแจ้งให้หลวงพ่อเพชร เจ้าอาวาสวัดพลับทราบ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อเพชรดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี จึงเรียกนายติ่งมาเพื่อสอบถาม และให้นำทางไปดูรอยพระพุทธบาทที่ถูกค้นพบบนภูเขา
หลังจากตรวจดูตามบริเวณนั้นโดยทั่วแล้ว ก็ได้พบสิ่งแปลกประหลาดและสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง จากรอยพระพุทธบาทนั้น คือรอยพระพุทธบาทขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ได้จารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ เป็นลานกว้างสามารถให้คนนั่งได้เป็นร้อยกว่าคน ซึ่งจากการตรวจสอบตามหลักพระพุทธศาสนาก็พบว่าตรงตามคุณลักษณะของรอยพระพุทธบาททุกประการ จึงลงมติเห็นพ้องต้องกันว่า รอยขนาดใหญ่บนพื้นหินนี้คือรอยพระพุทธบาทนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาท มีหินกลม ๆ ก้อนหนึ่งมีขนาดใหญ่มาก มีชื่อเรียกกันว่า หินลูกพระบาท วางตั้งขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดและมหัศจรรย์ เพราะดูแล้วไม่น่าจะตั้งอยู่ได้ และยังมีหินอีกลูกหนึ่งที่ใหญ่มากเหมือนกัน อยู่ตรงข้ามกับหินลูกพระบาท และยังมีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้
จากรอยพระพุทธบาทกับรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้น บนก้อนหินนั้นตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่ อันนี้เขาเรียกว่า รอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 20 เมตร มีหินลูกข้างบนเป็นลาน และมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน
เมื่อยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือ จะเห็น ถ้ำเต่า บนหลังถ้ำจะมองเห็นเป็นรูปเต่า เมื่อหันไปมองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาท ก็จะมองเห็น ถ้ำช้าง และถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทขึ้นไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง
มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่ง เรียกกันว่า ถ้ำสำเภา เพราะมีหินก้อนหนึ่งข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา จึงเรียกว่าถ้ำสำเภา ยังมีอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้ เรียกว่า ถ้ำตาฤๅษี
หลังจากนั้น รอยพระพุทธบาทพลวงบนเขาคิชฌกูฏ ก็ได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดจันทบุรีมาโดยตลอด โดยมีการบูรณะและพัฒนาเส้นทางการขึ้นเขาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาแสวงบุญในทุก ๆ ปี จนมีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
งานนมัสการประจำปี: งานนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ จัดขึ้นทุกปีในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 (ปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนมีนาคม) เป็นโอกาสให้พุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาแสวงบุญบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นี้
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ผ่านชลบุรีและระยอง เข้าสู่ถนนสุขุมวิท (หมายเลข 3) มุ่งหน้าสู่จันทบุรี สามารถจอดรถได้ที่วัดกระทิงหรือวัดพลวง จากนั้นขึ้นรถบริการต่อไปยังลานพระพุทธบาท โดยต้องเดินเท้าอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร
การเดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ