ตำนานพระนางกาไว
เรื่องราวของ พระเจ้าพรหมทัต และพระนางกาไว สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจและการเมืองในอดีต โดยเฉพาะในบริบทของการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ พระนางกาไว แม้จะมีเชื้อสายชองและได้รับการยกย่องในฐานะชนชั้นสูง แต่พฤติกรรมของพระนาง เช่น การวางแผนปล่อยทรัพย์สินเพื่อล่อศัตรู และการหนีออกจากเมือง แสดงถึงความเจ้าเล่ห์ในการช่วงชิงอำนาจ การที่พระนางหนีไปโดยหว่านทรัพย์สิน ทำให้เกิดสถานที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น วัดทองทั่ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
อัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ : ชนเผ่าชอง (หรือซอง) ถูกมองว่าเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพื้นที่จันทบุรี ตำนานนี้สะท้อนให้เห็นถึงการมี Primordial Ties (ความผูกพันทางเชื้อชาติและภูมิศาสตร์) ที่แข็งแกร่งแม้ว่าชนเผ่าชองจะมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน แต่การที่ตำนานพระนางกาไวไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนักในหมู่ชนเผ่าชอง อาจมาจากสาเหตุที่พระนางถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความเจ้าเล่ห์ ซึ่งอาจขัดแย้งกับค่านิยมหรืออุดมการณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่า
ศูนย์กลางทางสัญลักษณ์ : การสร้าง Symbolic Geographical Center หรือศูนย์กลางทางสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญต่อชนเผ่าชอง เช่น สถานที่ต่างๆ ในเรื่อง เช่น วัดทองทั่ว , วัดเพนียด , และ ตำบลพลับพลา ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมการมีชื่อร่วมกัน (Collective Name) และอาณาเขตที่เชื่อมโยงกัน ทำให้ชนเผ่าชองสามารถรักษาอัตลักษณ์และความทรงจำทางประวัติศาสตร์ได้
เรื่องราวของเมืองจันทบูรและตำนานพระนางกาไว ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจและการเมืองในอดีต หากแต่ยังเป็นกระจกสะท้อนอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของชนเผ่าชอง ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพื้นที่จันทบุรี ตำนานนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการสร้างศูนย์กลางทางสัญลักษณ์ และการรักษาความทรงจำร่วมกันของชุมชน อย่างไรก็ตาม การที่พระนางกาไวถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความเจ้าเล่ห์ อาจสะท้อนให้เห็นถึงการตีความของสังคมที่พยายามรักษาค่านิยมและความเชื่อบางประการ
วัฒนธรรมเอกลักษณ์ : วัฒนธรรมของชาวชองไม่ได้มีแค่ประเพณีและพิธีกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาษาท้องถิ่น เรื่องเล่าในตำนาน และศิลปะการสร้างสรรค์ที่สะท้อนความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับธรรมชาติ ชาวชองได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาและความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ผ่านการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารแบบพื้นบ้าน อย่าง ลุกกะทิ หรือน้ำพริกกะทิแบบชอง เป็นอาหารสำหรับการเดินทางเข้าป่า กินกับผักสดหลายชนิด อย่าง กล้วยป่า ยอดหวาย ต้นคูน มะระขี้นก ฯลฯ และย่ำฮุ่ง หรือยำมะละกอ ใส่ปลาย่างและมะอึกเพิ่มรสเปรี้ยวจากธรรมชาติ พร้อมมะพร้าวคั่วหอม ๆ
ลุกกะทิ
บ้านเรือนของชาวชองมีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตบนภูเขา โดยบ้านมักถูกสร้างบนพื้นยกสูงเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายและความชื้น ใช้วัสดุจากธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ไม้ไผ่และไม้ป่า นอกจากนี้ เครื่องมือพื้นบ้านอย่าง “ขวานปูลู” ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาวชอง เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากในการประกอบอาชีพดั้งเดิมของชาวชอง เช่น การตัดไม้และการเก็บของป่า ที่ไม่เพียงแต่ใช้ในงานประจำวัน แต่ยังเป็นตัวแทนของภูมิปัญญาท้องถิ่นและความภาคภูมิใจในรากเหง้า