แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยว
พระตำหนักดอยตุง หรือ พระตำหนักสมเด็จย่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530 โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อแปรพระราชฐานมาทรงงานที่นี่ ตั้งอยู่บริเวณสันเขาของเทือกดอยนางนอน เผยให้ทิวทัศน์กว้างไกล ตัวตำหนักมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนา ผสมผสานบ้านพื้นเมืองของชาวสวิตเซอร์แลนด์ ไฮไลท์ของที่นี่คือ เพดานดาว ภายในท้องพระโรงที่ตำแหน่งดาวจะเรียงกันเหมือนในวันพระราชสมภพ แกะสลักขึ้นจากไม้สนภูเขา เป็นกลุ่มดาวต่างๆ ล้อมรอบระบบสุริยะ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพระตำหนักได้เป็นรอบ รอบละ 20 นาที นอกจากพระตำหนักดอยตุงแล้ว ยังมีสถานที่หลักที่น่าสนใจอีก 3 แห่ง คือ สวนแม่ฟ้าหลวง สวนดอกไม้เมืองหนาวในหุบเขา มีการปลูกดอกไม้หมุนเวียน ออกดอกตลอด 3 ฤดู ตรงกลางสวนมีปะติมากรรมเด็กยืนต่อตัว, หอแห่งแรงบันดาลใจ จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวของราชสกุลมหิดลทั้ง 5 พระองค์ สุดท้ายสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (สวนกุหลาบพันปี) อยู่บนจุดสูงสุดของเทือกเขานางนอน รวบรวมพันธุ์ไม้พื้นเมือง พันธุ์ไม้ป่าหายาก และกุหลาบพันปีจากหลายประเทศ เป็นสวนธรรมชาติกลางป่าสน บรรยากาศดี ถ่ายรูปสวย บอกเลยว่าไม่ควรพลาด ยิ่งไปช่วงหน้าหนาวคือฟิน
" ถนนคนเดินเชียงราย "
เทศบาลนครเชียงรายจัดถนนคนเดิน“กาดเจียงฮายรำลึก”
ร่วมย้อนอดีตล้านนาพลิกฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่น
จังหวัด เชียงรายร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดโครงการถนนคนเดิน “กาดเจียงฮายรำลึก” เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมสัมผัสวิถีชีวิตแบบล้านนาในอดีต ที่แสดงออกถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาและสินค้าของดีของเชียงราย กำหนดเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 และทุกวันเสาร์ของเดือน ณ ถนนธนาลัยตั้งแต่สี่แยกสำนักงานยาสูบฯ ไปจนถึงสี่แยกธนาคารออมสิน
นาย สมพงษ์ กูลวงค์ นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวถึงที่มาของการจัดงานถนนคนเดิน “กาดเจียงฮายรำลึก” ว่า ตามวิสัยทัศน์ของเทศบาลนครเชียงราย “นครเชียงรายเมืองน่าอยู่ ประตูสู่สากล” เราจึงมุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานสากล จึงมีแนวคิดการจัดทำโครงการถนนคนเดินหรือ “กาดเจียงฮายรำลึก” ขึ้นเพื่อใช้เป็นลานแสดงสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมถนนคนเดิน เป็นแนวทาง การพัฒนาเมืองและกำหนดการใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับวิถี ชีวิตชุมชนเป็นแนวทางพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตเมืองให้กลายเป็นที่ รู้จักในฐานะแหล่งรวมงานศิลปะ วรรณศิลป์ จิตรกรรม ฯลฯ สร้างเมืองเชียงรายให้เป็น “เมืองแห่งวัฒนธรรมล้านนา” เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์และความรุ่งเรือง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยือนจังหวัด เชียงราย พร้อมผลักดันยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ประชาสัมพันธ์เผยแพร่วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว สินค้าพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายสร้าง กิจกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเมืองอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน กลุ่มผู้ผลิตสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน มีสถานที่จำหน่ายสินค้า มีรายได้เพิ่มขึ้น และสำหรับการจัดแบ่งพื้นที่ของถนนคนเดิน ซึ่งจะมีการจัดพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่ถึง 3 โซน ดังนี้
โซนที่ 1 เริ่มตั้งแต่ สี่แยกธนาคารออมสิน – สี่แยกศาลจังหวัด เป็นโซนที่จัดให้เป็นแหล่งรวมของชุมชน OTOP ชั้นนำของเชียงรายกว่า 700 ร้านค้า ร้านสินค้าโครงการหลวง สินค้าและผลิตภัณฑ์ชาวเขา
โซน ที่ 2 เริ่มจากสี่แยกศาลจังหวัด – สี่แยกสวนตุงและโคม มีการจำหน่ายสินค้างานทำมือ และหัตถกรรม งานฝีมือทั้งจากเยาวชนและประชาชน และบริเวณหน้าสวนตุงโคมฯ จัดให้มีลานกิจกรรมข่วงผญ๋า ซึ่งเป็นลานการแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนเชียงรายที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน เช่น หมอเมือง ฟ้อนตีมะผาบ ตีกลองสะบัดชัย เป็นต้น
บริเวณถนนด้านข้างสวนตุง (ทิศตะวันตก) กิจกรรมสปาและนวดแผนไทยและสมุนไพรไทยรวมกว่า 300 ร้านค้าและจุดบริการ
โซน ที่ 3 เริ่มต้นสี่แยกสวนตุงและโคม – สี่แยกสำนักงานยาสูบ มีการแสดงนิทรรศการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด และของตกแต่งบ้านที่สวยงาม
บริเวณ สนามบาสเก็ตบอล และถนนด้านข้างสวนตุง มีกิจกรรมลานอาหารเครื่องดื่ม และกาดหมั้วคัวแลง ทุกท่านจะได้มีโอกาสชิมอาหารตำรับดั้งเดิมของเชียงราย (ของกิ๋นบ๋าเก่า) เช่น ไข่ป่าม แก๋งกระด้าง ข้าวงาปิ้ง ข้าวควบอ้อยส้อม เป็นต้น
สำหรับ บรรยากาศในงานนั้น จะตกแต่งบริเวณงานด้วยโคมไฟแบบล้านนาและตุงทอ ซึ่งจะสะท้อนเอกลักษณ์ของเชียงรายให้งดงามและน่าชื่นชมมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบล้านนา ในสมัยก่อน และเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อนนั้น เทศบาลได้กำหนดให้ผู้จำหน่ายสินค้าและอาหาร ในแต่ละโซน ให้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใช้ถุงกระดาษ ถ้วยชามที่ทำจากใบตอง ตะกร้าไม้ไผ่และลดการใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
การ กำหนดพิธีเปิดถนนคนเดิน “กาดเจียงฮายรำลึก” ทางคณะกรรมการจัดงานได้กำหนดเปิด ในวันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน 2551 นี้ ณ บริเวณสวนตุงโคม เฉลิมพระเกียรติฯ อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยการรวบรวมของดี ศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของเชียงราย เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมจังหวัดเชียงราย โดยในพิธีเปิดนั้น จะมีการแสดงแบบล้านนา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมา วิถีชีวิตของ ชาวล้านนาโบราณ โดยในการแสดงจะมีการสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจและสร้างความประทับใจให้ กับผู้ชม อาทิ ขบวนอันเชิญเครื่องสักการะต่างๆ รวมทั้งชุดการแสดงศิลปะ เช่น การฟ้อนรำ การตีกลองสะบัดชัย เชื่อว่าจะสร้างความประทับใจให้กับทุกท่านในวันเปิดงาน พร้อมกันนี้ ยังได้จัดมีชุดการแสดงต่างๆ ไว้อย่างมากมายตลอดงาน
สำหรับทางด้าน สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า การจัดงานถนนคนเดิน “กาดเจียงฮายรำลึก” จะเป็นการดึงเอาศักยภาพของจังหวัดเชียงรายที่เป็นต้นแบบของความเป็นล้าน นา อันทรงคุณค่าออกมาสู่สายตานักท่องเที่ยว ซึ่ง ททท. พร้อมให้การสนับสนุน และถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ที่จะสร้างความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่ จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงที่ถือว่าเป็นการเริ่มต้น “ฤดูท่องเที่ยวเชียงราย” ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาสัมผัสบรรยากาศของฤดูหนาวที่เชียงราย และท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งด้านประวัติศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว กิจกรรมการจัดถนนคนเดินนี้ ก็จะเป็นแหล่งรวมของฝากของกิน ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนล้านนาแบบดั้งเดิมอย่างแท้ จริง
ไร่บุญรอด เชียงราย หรือ สิงห์ ปาร์ค เชียงราย
ไร่บุญรอด เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2554 และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น สิงห์ปาร์ค เชียงราย ภายในไร่บุญรอดปลูกพืช ทำการเกษตรหลายชนิด เช่นไร่ชาอู่หลง, พุทราไต้หวัน, สตอร์เบอร์รี่, มัลเบอร์รี่, ยางพารา, ฟักทองยักษ์, ผัก – ผลไม้เมืองหนาว, ข้าวบาร์เลต์, ฟาร์มปศุสัตว์ เลี้ยงวัวนม ฯลฯ
ที่ตั้งของไร่บุญรอดตั้งอยู่ริมถนน 1211 หรือถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ที่นี่ไม่มีรถประจำทางผ่านต้องไปด้วยรถส่วนตัวหรือไม่ก็ต้องเหมาสองแถวรับจ้างเข้าไปนักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้า แล้วลงทะเบียนเข้าชมที่โต๊ะข้างร้านกาแฟในรูปด้านล่าง การเข้าชมในไร่เส้นทางฟาร์มทัวร์จะต้องนั่งของทางไร่เท่านั้น ไม่สามารถขับรถเข้าไปได้เอง รถของไร่บุญรอดจะออกทุก 30-60 นาที ในแต่ละรอบจะรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 24 คนเท่านั้น ใช้เวลารอบละประมาณ 1 – 1 ชั่วโมง 30 นาที ในช่วงเทศกาลวันหยุดเดือนธันวาคม – มกราคม จะเต็มทุกรอบ ควรมาวันธรรมดาจะดีกว่า (การเข้าชมในไร่บุญรอดนั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้าชมได้ฟรี)
ตั้งอยู่ที่ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว ฟ้าทอง มีพื้นที่ประมาณ 58,069 ไร่ ใน 4 อำเภอ ของ จ.เชียงราย ได้แก่ อ.เชียงของ เวียงแก่น ขุนตาล และเทิง โดยกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 พื้นที่วนอุทยานเป็นยอดเขาสูงในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เป็นส่วนหนึ่งของเทือกดอยผาหม่น ที่เป็นพรมแดนไทย-ลาว ด้าน จ.เชียงราย-พะเยา ลักษณะเป็นหน้าผาหินตั้ง อยู่บนเส้นกั้นพรมแดนพอดี ในอดีต เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของ พคท. ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สูงชัน จึงเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญ ชาวลาวและชาวไทย ในพื้นที่เรียกผาหินที่ชี้เหยียดตรงขึ้นไปบนฟ้าว่าภูฟ้า เมื่อปัญหาด้านความมั่นคงคลี่คลาย มีการตัดถนนขนานแนวชายแดน ไทย-ลาว จากบ้านผาตั้ง ภูชี้ฟ้า ไปถึง อ.เชียงคำ ภูชี้ฟ้าจึงเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม บนยอดภูชี้ฟ้า เป็นจุดที่ยื่นจากแนวเขตพรมแดน จึงไม่สามารถระบุชัดได้ว่า อยู่ในเขตไทยหรือลาว แต่ทางขึ้นสู่ยอดภูชี้ฟ้านั้นอยู่ในเขตไทย เคยมีการปักธงชาติไทยบนปลายสุดของหน้าผา แต่ในวันถัดมา ทหารลาวก็จะนำธงลาวมาปักเคียงคู่กันด้วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงห้ามนักท่องเที่ยวพักแรมบนภูชี้ฟ้า
เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น สูงจากระดับน้ำทะเล 1,628 เมตร ด้านที่ติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีหน้าผาสูงชัน เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ในฤดูหนาวจะมีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาค้างแรมบริเวณบ้านร่มฟ้าทองทางห่างจากจุดชมวิวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วจะเดินขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อไปชมวิวตอนเช้ามืด ระหว่างทางจะพบแปลงปลูกป่านางพญาเสือ ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม (เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์) และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต้นเสี้ยวดอกขาวรอบภูชี้ฟ้าจะออกดอกบานเต็มเชิงเขา กิจกรรม : ชมพรรณไม้ แค็มป์ปิ้ง ชมทิวทัศน์ (ผาชี้ฟ้า เป็นหน้าผาหินที่มีลักษณะโดดเด่น คือ คล้ายนิ้วชี้ที่ชี้ตรงออกไปยังทิศตะวันออก ภูชี้ฟ้าอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,628ม. จากระดับน้ำทะเล หน้าผาหินเป็นทางลาดชัน ปกคลุมด้วยหญ้า ไม้พุ่ม และโขดหิน ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้นเลย สามารถเดินลัดเลาะไปจนถึงสุดปลายของหน้าผา ที่ยื่นออกไปได้ แต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพ จะเป็นหมู่หินใหญ่ริมหน้าผา ก่อนถึงปลายสุดของภูชี้ฟ้าประมาณ 300 ม. ชมทะเลหมอก จากภูชี้ฟ้า สามารถมองลงไปเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา ในเขต ต.เชียงตอง ฝั่งลาว และเทือกเขาสลับซับซ้อน ไกลออกไปลิบๆ คือแม่น้ำโขง ที่ไหลขนานไปกับเทือกดอยผาหม่น ในช่วงเช้าตรู่ หุบเขาเบื้องล่างจะปกคลุมด้วยสายหมอก ทิวทัศน์จะยิ่งงดงาม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ภูชี้ฟ้าหันไปทางทิศตะวันออก จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่ได้รับความนิยมมาก นักท่องเที่ยว จะออกจากที่พัก เริ่มเดินเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิว ตั้งแต่ก่อนสว่าง)
ช่วงฤดูท่องเที่ยว (พ.ย.-ก.พ.) มีรถตู้บริการจากสถานีขนส่ง จ.เชียงราย-ภูชี้ฟ้า เที่ยวไป 07.15, 13.15 น. เที่ยวกลับ 09.30, 15.30 น. วิ่งประมาณ 2 ชม. ขึ้นไปชมทิวทัศน์ เวลา 04.30 - 18.30 น.
ผู้รับผิดชอบดูแล: สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) 775 ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โทร.0-5371-1402
ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย 57180 เดิมเป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่าม้ง ปี พ.ศ.2458 ชนเผ่าลีซอได้อพยพเข้ามาตั้งเป็นหมู่บ้านดอยช้าง ปี พ.ศ.2526 ชนเผ่าอาข่าได้เข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดอยช้าง ชื่อ "บ้านดอยช้าง" ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทางทิศเหนือ(ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย จิบกาแฟยลดอกซากุระที่ดอยช้าง สำหรับกาแฟสายพันธุ์อราบิก้า เป็นสายพันธุ์ของกาแฟที่ชอบอากาศหนาวเย็นเป็นชีวิตจิตใจ โดยส่วนใหญ่กาแฟพันธุ์นี้จะนิยมปลูกทางภาคเหนือของประเทศไทย เพราะเมื่อปลูกในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 800 เมตร แล้ว จะทำให้ปลูกได้ผลผลิตดี เพราะชอบอากาศเย็น กลิ่นหอมนุ่มนวลมีความสลับซับซ้อน รสชาติไม่เข้มมาก การชิมกาแฟให้ได้อรรถรสต้องควบคู่ไปกับการชมดอกไม้งาม ที่ดอยช้างแห่งนี้ยามฤดูหนาวมาเยือน ดอกซากุระเมืองไทย หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า “พญาเสือโคร่ง” ซึ่งถ้ามองไกลๆ แล้วจะคล้ายกับดอกซากุระของญี่ปุ่นมากทีเดียว ที่ดอยช้างแห่งนี้เป็นอาณาจักรของดอกซากุระที่นับว่าใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เพราะมีต้นซากุระ หรือพญาเสือโคร่งให้เราได้ยลโฉมมากถึง 400,000 ต้น จุดชมเห็นทิวทัศน์ของหมูบ้านดอยช้าง ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส บรรยากาศดี้ดีค่ะพระอาทิตย์ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,485 เมตรค่ะ มองจากจุดนี้ เห็นหมู่บ้านดอยช้างเล็กนิดเดียว อากาศดีสุดๆเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว แน่นอนว่าดอยช้าง เป็นที่ขึ้นชื่อของไร่กาแฟพันธุ์ดีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก มาถึงบ้านเกิดกาแฟอาราบิก้ากับเขาทั้งทีจะไม่แวะดื่มกาแฟแก้วอุ่นๆ
อยู่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือ ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า มูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด จนกระทั่งในปี 2531 เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุง ได้เข้ามาในหมู่บ้าน ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกทำไร่เลื่อนลอย และสอนให้ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะอาศัยร่วมกับป่า ห้ามไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า และสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟกันมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชาวอาข่าผาฮี้ ที่หันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักทั้งหมู่บ้าน โดยส่งเสริมให้ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าซึ่งให้ผลดีในพื้นที่สูงจนโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้ที่นี่มีร้านกาแฟมากมายหลายร้าน พร้อมให้บริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ด้วย
แหล่งปลูกกาแฟที่ขึ้นชื่อของเชียงราย ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมส่งขายตามร้านกาแฟต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงในเรื่องของกาแฟเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงวิวทิวทัศน์ของบ้านผาฮี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะที่ตั้งอยู่บนดอยสูงโอบล้อมด้วยทิวเขาที่สวยงามและมีรูปร่างแปลกตา มีร้านกาแฟและที่พัก มองเห็นวิวเบื้องหน้าเป็นภูเขาและผืนป่าเขียวขจี มีมุมนั่งเล่นห้อยขาชมวิวสุดเก๋ ให้พักผ่อนสัมผัสบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ มีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว
การเดินทางมาดอยผาฮี้ ที่สะดวกสุด คือ จากตัวเมืองเชียงรายเข้าสู่อำเภอแม่สาย มายังดอยผาหมี จากดอยผาหมีประมาณ 7 กิโลเมตร ก็มาถึงดอยผาฮี้ สำหรับเส้นทางจากทางแยกเข้าบ้านผามีไปจนถึงผาฮี้นั้นป็นเส้นทางถนนราดยางตลอดสาย รถทุกชนิดสัญจรได้ แต่เส้นทางบางช่วงแคบและชันเล็กน้อย ต้องขับด้วยความระมัดระวัง เมื่อเห็นป้ายหมู่บ้านผาฮี้ ให้เลี้ยวรถเข้าไปในหมู่บ้านได้เลย เมื่อมาถึงภายในหมู่บ้านผ่านป้ายชื่อบ้านผาฮี้แล้ว จุดแรกที่เราจะเจอ คือ จุดชมวิวของหมู่บ้านเป็นระเบียงชมวิวกว้าง และมีชิงช้าของชาวอาข่าตั้งอยู่บริเวณนี้ด้วย
Thailand Soft Power Portal | Web Book | ชยวรนครเชียงราย เหนือสุดในสยาม 2568