ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
งานไหว้สาพญามังราย
จัดให้มีพิธีบวงสรวงพญามังราย มีการออกร้าน จัดนิทรรศการของส่วนราชการและเอกชน และงานรื่นเริงอื่น ๆ จัดวันที่ 23 มกราคม-1 กุมภาพันธ์เพื่อบวงสรวงพญามังรายมหาราช น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีเทิดพระเกียรติพญามังรายมหาราช ผู้ทรงสถาปนาเมืองเชียงรายเป็นราชธานี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 1805 พร้อมเป็นการสืบสาน ถ่ายทอด อนุรักษ์ศิลปะการแสดง ให้คงอัตลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยปี 2568 ครบรอบเมืองเชียงราย 763 ปี
มีลักษณะเป็นท่อนไม้ยาวหลากหลายขนาด ที่ปลายทำเป็นง่ามสำหรับค้ำกิ่งไม้ มีการประดับตกแต่งให้สวยงามด้วยการทาสีหรือหุ้มด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ส่วนสะหรีหรือสรี หมายถึง ต้นศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธการแห่ไม้ค้ำสรีนิยมทำใน ๒ พิธีกรรมหลัก ๆ ได้แก่ พิธีสืบชะตา และสงกรานต์ โดยการแห่ไม้ค้ำสรีนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ถวายไม้ค้ำได้รับพรสมอย่างที่ตนปรารถนา สร้างเสริมสิริมงคลแก่ตนเอง ค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง ไม่ตกต่ำ และค้ำจุนพระพุทธศาสนา ในช่วงปีใหม่เมืองของทุกปี ชุมชนที่มีการแห่ไม้ค้ำสะหลีจะจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่วนไปรอบชุมชนก่อนจะนำไปถวายที่วัด จัดเป็นขบวนแห่งานบุญใหญ่ไม่แพ้งานปอยหลวงหรือขบวนแห่สลากภัต (ตานก๋วยสลาก)
ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนค่อนรุ่งเข้าสู่วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของบรรพบุรุษล้านนาไทย ที่เชื่อกันว่าพระอุปคุตซึ่งพระอรหันต์องค์หนึ่งแปลงกายเป็นสามเณรน้อยมาบิณฑบาตโปรดสัตว์โลกในยามเที่ยงคืน และชาวล้านนาในอดีตเชื่อว่าการทำบุญตักบาตรถวายพระอุปคุตในวันเป็งปุ๊ดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญ มีโชคลาภและร่ำรวย บังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยบรรพบุรุษชาวล้านนาเชื่อว่า ทุกคืนที่ย่างเข้าสู่วันพุธขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันเป็งปุ๊ด และจะมีประชาชนชาวล้านนาจำนวนมากมารอเพื่อประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสามเณร ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้วบุคคลนั้น จะประสบแต่ความสุขร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองได้อานิสงส์แรง ดังนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญตรงกับวันพุธ
ประเพณีเก่าแก่ของล้านนาที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๔ โดยคำว่า “ยี่” แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา
ตำนานที่กล่าวถึงที่มาของประเพณียี่เป็งมีอยู่หลายตำนาน เช่น หนังสือตำนานโยนกและจามเทวีวงศ์ กล่าวว่า ประเพณีลอยโขมด หรือลอยไฟ เป็นประเพณีดั้งเดิมที่สืบเนื่องกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว การลอยโขมด เกิดขึ้นที่อาณาจักรหริภุญไชย เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๔๙๐ มีกลุ่มคนมอญหรือเม็งที่อาศัยอยู่ในเมืองหริภุญไชยได้อพยพหนีอหิวาตกโรคที่เกิดขึ้นในเมืองไปอยู่ที่เมืองสะเทิม ต่อมาเมื่ออหิวาตกโรคในหริภุญชัยได้สงบลงแล้ว จึงเดินทางกลับหริภุญไชย เมื่อถึงวันครบรอบปีที่ได้จากพี่น้องที่เมืองสะเทิม จึงจัดดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะ พร้อมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ใส่ลงใน สะเปา ลักษณะคล้ายเรือ หรือใส่ในสะตวงหรือกระทงลอยลงน้ำแม่ปิง น้ำแม่กวง แม่ทา เพื่อส่งความระลึกถึงญาติพี่น้องที่ยังอยู่เมืองหงสาวดี จึงเป็นมูลเหตุของการลอยสะเปาหรือลอยโขมด หรือลอยกระทงนับแต่นั้นมาถึงปัจจุบัน
กิจกรรมที่ชาวล้านนานิยมกระทำในประเพณียี่เป็ง คือ การจุดผางประทีปและโคมไฟบูชาพระเจ้าห้าพระองค์ การปล่อยว่าว จุดบอกไฟชนิดต่างๆ วัด การไปทำบุญที่วัดในวันยี่เป็ง การฟังเทศน์ใหญ่ ที่เรียกว่า เทศมหาชาติ และการทำซุ้มประตูป่า
โดยชาวล้านนาจะเตรียมจัดตกแต่งประตูบ้านและประตูวัด ด้วยซุ้มประตูป่า โดยการนำต้นกล้วย ใบมะพร้าว ต้นอ้อย โคมหูกระต่าย โคมเงี้ยวหรือโคมชนิดอื่นๆ ดอกไม้ต่างๆ ฯลฯ ตกแต่งเป็นซุ้มประตูป่าอย่างงดงาม เพื่อเป็นเครื่องสักการะถวายการต้อนรับพระเวสสันดรในวันยี่เป็ง ครั้งเสด็จออกจากป่าเข้าสู่เมือง ซึ่งปรากฏในเวสสันดรชาดก อันเป็นชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะประสูติเป็นพระพุทธเจ้า
Thailand Soft Power Portal | Web Book | ชยวรนครเชียงราย เหนือสุดในสยาม 2568