เช็คอินกินเที่ยว
เช็คอินกินเที่ยว
น้ำเงี้ยว หรือ น้ำงิ้ว เป็นอาหารภาคเหนือของประเทศไทย เป็นน้ำแกงที่รับประทานกับขนมจีนหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยว เรียกก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยว บางสูตรใช้ถั่วเน่าแข็บย่างไฟ โขลกลงในเครื่องแกง บางสูตรใส่เต้าเจี้ยว ชาวไทใหญ่ เรียกอาหารชนิดนี้ว่า “เข้าเส้นน้ำหมากเขือส้ม”[ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ] มีส่วนประกอบหลักคือดอกงิ้ว เลือดหมู และหมูสับ ดัดแปลงมาจากน้ำพริกอ่อง พริกแกงจะคล้ายพริกแกงส้มของทางภาคกลางแต่ไม่ใส่กระชาย น้ำเงี้ยวเป็นอาหารมงคลของภาคเหนือ นิยมทำในงานบุญต่างๆ มักจะใช้รับประทานกับขนมจีนหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว มีเครื่องเคียง คือ ผักกาดดอง แคบหมู หนังปอง กะหล่ำปลีซอย ถั่วงอกดิบ พริกทอด ราดกระเทียมเจียว โรยหน้าด้วย ต้นหอมและผักชีซอย มีเครื่องปรุง คือ พริกผัดน้ำมัน มะนาว กินคู่กับข้าวกั้นจิ้นหรือข้าวเงี้ยว น้ำเงี้ยวแต่ละที่ก็จะมีลักษณะไม่เหมือนกันแตกต่างกันไปแต่ละท้องถิ่น น้ำเงี้ยวเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย
ข้าวซอย คืออาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย เดิมเรียกว่า "ก๋วยเตี๋ยวฮ่อ" เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนยูนนานหรือฮ่อ มีลักษณะคล้ายเส้นบะหมี่ ในน้ำซุปที่ใส่เครื่องแกง รสจัดจ้าน มีเครื่องเคียง ได้แก่ ผักกาดดอง หอมหัวแดง ยำกะหล่ำปลีและมีเครื่องปรุงรส เช่น พริกผัดน้ำมัน น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล ในตำรับดั้งเดิมเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อไก่หรือเนื้อวัว แต่ในปัจจุบันร้านอาหารหลายแห่งได้มีการใช้เนื้อหมูแทน บางแห่งอาจเพิ่มอาหารทะเลหรือเต้าหู้เป็นส่วนประกอบ
การทำลาบทางเหนือจะเรียกว่า "ลาบจิ้น"จิ้นก็คือเนื้อ ส่วน "ลาบ" หมายถึงการสับด้วยมีดลาบเหนือมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ลาบดิบ ลาบเนื้อวัว ลาบหมูคั่ว ลาบเนื้อควาย ลาบหมี่หมู อะไรก็ตามแต่ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเดียวกันที่มีวิธีทำเหมือนกัน ใช้ผงพริกลาบชนิดเดียวกัน แต่โดยรวมก็จะเรียกว่า "ลาบ" ซึ่งมีทั้ง"ลาบดิบ-ลาบสุก" รสชาติลาบแต่ละร้านก็ไม่เหมือนกัน เพราะเหตุใดถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เพราะสูตรของใครของมันวิธีการทำคล้ายๆ กัน ขั้นตอนก็เหมือนกันทุกอย่าง รสชาติถูกปากบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง ก็แล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือกแต่สาเหตุหลักๆ ที่รสชาติต่างกันนั้นก็คือสูตร "ผงพริกลาบ" พริกลาบเหนือดี ๆ ต้องมีกลิ่นหอมเครื่องเทศสมุนไพรอย่าง "มะแขว่น" เพียงเท่านี้ลาบที่ทำก็จะอร่อยแน่นอน ผงพริกลาบจึงเป็นของสำคัญคู่ครัวคนเหนือแล้วพริกลาบคืออะไรล่ะ จริง ๆ แล้วพริกลาบก็คือพริกป่นคั่วนั่นแหละ เพียงแต่จะใช้พริกแห้งย่างไฟแล้วนำมาบดสับ ป่น ให้ละเอียด แล้วใส่เครื่องเทศ เครื่องสมุนไพรนับ 10 ชนิดรวมเข้าไป เช่น หอม กระเทียม พริกไทย ข่า มะแหลบตะไคร้ มะแขว่น ดีปลี พริกไทย ฯลฯ แล้วนำมาคั่ว-ตำรวมๆกัน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วทำให้ผงพริกลาบมีกลิ่นหอมเครื่องเทศ
อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้แต่ส่วนมากใช้พริกหนุ่มที่ยังไม่แก่จัด หอม และกระเทียม นำมาย่างและโขลกส่วนผสมและเกลือ รับประทานกับแคบหมู ผัก ข้าวเหนียว บางสูตรใส่ปลาร้าสับ และกะปิห่อใบตองย่างไฟ บางสูตรใส่น้ำปลากับเกลือ
หนังหมูหรือหนังหมูติดมันทอดให้พองและกรอบ เป็นอาหารที่ปรากฏในทุกภูมิภาคของโลก ในภาษาอังกฤษเรียก pork snack, pork rind, pork scratching หรือ pork crackling ในประเทศไทยพบในภาคเหนือ แล้วได้แพร่หลายไปทั่วประเทศและเรียกขานกันตามภาษาเหนือว่า แคบหมู เป็นที่รู้จักกันทั่วไป รวมทั้งถ้าใช้หนังสัตว์อื่น จะเปลี่ยนไปเรียกชื่อตามสัตว์นั้น ๆ เช่น แคบควาย ทำจากหนังกระบือ แต่ถ้าทำจากหนังโค จะเรียก หนังพอง
แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า คำว่า “ฮิน” นั้นในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ “เล” หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีนบางแห่งเรียกว่า แกงฮินเล หรือ แกงฮันเล ซึ่งเป็นแกงที่เหมาะกับภาคเหนือที่ซึ่งสภาพอากาศหนาวเย็น และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จากกลุ่มชนต่าง ๆ
แกงฮังเลจัดว่าเป็นอาหารยอดนิยมอันดับต้นๆ ของชาวภาคเหนือ ถือว่าเป็นอาหารมงคลชนิดหนึ่ง อีกทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูง ชาวบ้านจึงนิยมนำไปถวายพระเนื่องในโอกาสวันสำคัญๆ ทางพุทธศาสนาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงยุคปัจจุบัน
วิธีปรุงแกงฮังเลมีสองแบบคือแบบพม่าและแบบเชียงแสน โดยแบบพม่าได้รับความนิยมมากกว่า แกงฮังเลพม่ารสชาติออกเปรี้ยวเค็ม น้ำขลุกขลิก ใส่ขิง น้ำมะขามเปียก กระเทียมดอง ถั่วลิสง น้ำตาลอ้อย ส่วนแกงฮังเลเชียงแสนเพิ่มถั่วฝักยาว พริก หน่อไม้ดอง งาคั่ว ส่วนประกอบสำคัญจะต้องมีผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่าซึ่งเป็นผงเครื่องเทศแบบผสมแบบเดียวกับการัม มาซาลาของอินเดีย น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่าแก่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง แกงฮังเลแบบไทใหญ่ น้ำขลุกขลิกและกินกับมะม่วงสะนาบซึ่งเป็นมะม่วงสับ ยำกับกะปิคั่ว กุ้งแห้งป่น และกระเทียมเจียว
เป็นอาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย อั่ว หมายถึง ใส่ไส้, แทรก, ยัดไว้ตรงกลาง ปกติทำจากเนื้อหมูบด (สามารถผสมกับมันแข็งของหมู เพื่อไม่ให้เนื้อหมูด้านเวลาสุก) ผสมพริกแห้ง กระเทียม ขมิ้น (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) ข่า ใบมะกรูด หอมแดง และเครื่องปรุงรส แล้วกรอกลงไปในไส้อ่อนของหมูที่เกลาจนบางแล้ว บิดหัวท้ายเพื่อแบ่งให้เป็นท่อนขนาดพอประมาณ จากนั้นนำไปย่างให้สุกเกรียม มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน บางแห่งเปลี่ยนจากหมูเป็นหน่อไม้ซอยละเอียด สำหรับมุสลิมหรือผู้ที่ไม่ประสงค์ที่จะรับประทานหมูอาจจะดัดแปลงใช้เนื้อสัตว์ชนิด
หลู้หมูให้โปรตีนสูงจากเนื้อหมูและเครื่องในหมู ซึ่งเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย - เหล็ก: เลือดหมูเป็นแหล่งของธาตุเหล็กที่ดี ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเพิ่มพลังงานในร่างกาย ธาตุเหล็กยังมีความสำคัญในการป้องกันโรคโลหิตจาง - วิตามินและแร่ธาตุ: ผักและสมุนไพรที่ใช้ในเมนูนี้ เช่น ผักชีและตะไคร้ อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย - ไขมันต่ำ: เนื้อหมูดิบที่ใช้ในเมนูนี้เป็นแหล่งโปรตีนที่มีไขมันต่ำ ถ้าผัดเครื่องในโดยไม่ใช้น้ำมัน จะช่วยควบคุมปริมาณไขมันในอาหารให้เหมาะสมต่อการบริโภค เมนูหลู้หมูสูตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากเนื้อสัตว์และสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
Thailand Soft Power Portal | Web Book | ชยวรนครเชียงราย เหนือสุดในสยาม 2568