“ชุมพร” เป็นจังหวัดที่มีการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่า 1,780,000 ไร่ ผลผลิตออกสู่ตลาดรวม 24,000 ตัน/ปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 1,500 ล้านบาท
“ชุมพร” เป็นจังหวัดที่มีการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกว่า 1,780,000 ไร่ ผลผลิตออกสู่ตลาดรวม 24,000 ตัน/ปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 1,500 ล้านบาท
สวนกาแฟในจังหวัดชุมพรถือเป็นหนึ่งแหล่งเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย และเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวชุมพรได้ดี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของจังหวัดชุมพรนั้นเหมาะสมกับการปลูกกาแฟโรบัสต้า เพราะต้นกาแฟสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ราบต่ำและมีความชื้น นอกจากนั้น ต้นกาแฟสายพันธุ์ยังปลูกง่าย และทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ไม่ต้องพึ่งสารเคมี และใช้ต้นทุนต่ำอีกด้วย
กาแฟโรบัสต้าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์กาแฟยอดนิยม โดยคิดเป็น 20% ของพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งสภาพภูมิประเทศที่เหมาะกับการปลูกคือประเทศแถบร้อนชื้นหรือความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 500 - 600 เมตร โดยในพื้นที่ที่มีอากาศชุ่มชื่นสูงจะส่งผลให้กาแฟโรบัสต้ามีคุณภาพสูง พื้นที่ที่เหมาะในการปลูกกาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยคือ โซนภาคใต้ที่มีอากาศร้อนชื้น ฝนตกชุก เช่น จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฯลฯ ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์นี้ โดยเฉพาะกาแฟชุมพรที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย การันตีความนิยมของกาแฟโรบัสต้าจากชุมพรได้จากการส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ อีกทั้งการปลูกกาแฟโรบัสต้าสามารถกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจของเกษตกรที่เพาะปลูกทางภาคใต้ได้ เพราะเป็นพืชที่สามารถเพาะปลูกได้ง่าย ทนโรคได้ดี และสามารถที่จะนำไปปลูกสลับกับสวนยางพาราได้อีกด้วย
ลักษณะของต้นกาแฟโรบัสต้า
ต้นกาแฟโรบัสต้าจะเป็นไม้พุ่ม มีขนาดเล็กสูงเพียง 2 - 4 เมตร ลำต้นจะเป็นข้อปล้อง โคนใบจะปรากฏตามข้อปล้อง โดยใบจะมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวแหลมๆ มีขอบหยักเป็นคลื่น ผิวใบเรียบและมัน จะออกดอกเป็นดอกเดี่ยวที่อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม โดยดอกจะออกจากกิ่งแขนงจากข้อ และผลกาแฟโรบัสต้าจะหลายสีสัน โดยถ้าเป็นผลดิบจะเป็นสีเขียว ผลสุกจะเป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดง
การแปรรูปผลผลิตกาแฟเป็นวิสาหกิจชุมชน
1. โรงงานกาแฟเขาทะลุ
กลุ่มกาแฟเขาทะลุ ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2535 กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า มีสมาชิกทั้งหมด 700 กว่าคน จากนั้นสมาชิกกลุ่มเกษตรกรก็ได้เพิ่มขึ้น 1,270 คน เหตุผลที่เกิดกลุ่มเกษตรกรเนื่องจากมีผลผลิตกาแฟมีจำนวนมาก ขายได้ในราคาตกต่ำ ขาดทุน กิโลกรัมละ 20-35 บาท ในการผลิตกาแฟในแต่ละปี ก็เลยมีแนวคิดรวมตัวกันเพื่อจะรวมรวบเมล็ดกาแฟส่งกรุงเทพมหานคร และต่อรองในเรื่องราคากับพ่อค้าคนกลางลงมิติกับคณะกรรมการและสมาชิกว่าเห็นด้วย ผ่านมาหลายปีกาแฟก็ยังราคาคงเดิมทำให้เข้าสู่โครงการของหลวงมีโครงการเข้ามาแทรกแซง โครงการนี้เกิดทำให้เกษตรกรยังขาดทุนในการผลิต ทำให้กลุ่มคนค้นหลายๆ เรื่องกิจกรรมในกลุ่มมาขายปุ๋ย ขายยา เคมีภัณฑ์ ทางการเกษตร ทำให้กลุ่มขาดทุน 3 ปี มีหนี้มีสินกับสำนักงานเกษตร และธกส. เมื่อปี พ.ศ. 2546 ไปประกวดการทำสวนเกษตรกรระดับประเทศ ได้รับรางวัล อันดับที่ 1 จากรัชกาลที่ 9 หลังจากนั้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2546 ทำไวน์มังคุดช่วยเหลือชาวสวน ทำให้ขาดทุนอีกครั้ง
เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องการตลาด หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนมาแปรรูปของกาแฟโดยใช้เมล็ดแห้งรับมาจากกลุ่มเกษตรกรของสมาชิกเป็นแบบทรีอินวัน โดยได้รับ 5 ดาวของจังหวัดชุมพร ลูกค้าติดใจในรสชาติ หอมนุ่ม กลมกล่อม คิดสูตรกาแฟที่แปลกจากกาแฟแบรนด์อื่น ๆ การสกัดรสเปรี้ยว ทำให้ปลดหนี้ และสร้างโรงงานเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ปี พ.ศ. 2549 ได้คิดสูตรใหม่ที่ต่างจากผลิตภัณฑ์แรก คือ เพิ่มกาแฟ 11% เพิ่มความเข้มขึ้น และผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ตัวที่ 3 เป็นกาแฟแบบดับเบิ้ลช็อต กาแฟ 16% สำหรับคอกาแฟจริง เจาะจงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวสวนกรีดยาง ขับรถรั้ว คนที่ใช้เวลาทำงานในช่วงกลางคืน จากนั้นเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวที่ 4 จากเมล็ดกาแฟโดยการคั่วและบด มีให้เลือก 3 แบบ คั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม เพื่อให้ผู้ที่ต้องการเมล็ดกาแฟที่คั่วไปใช้ในการค้าขายหรือบริโภคเอง ได้รับความเข้มจากกาแฟโดยตรงทำตามออเดอร์ที่สั่งเท่านั้น จากนั้นเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ 5 กาแฟเพื่อสุขภาพ ไม่มีครีมเทียม ไม่มีน้ำตาล กาแฟ 100 %เป็นแบบซองเล็ก 1 ห่อ มี 50 ซองช่องทางการจำหน่ายโลตัสจังหวัดชุมพร ศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร ช่องทางออนไลน์
2. โรงคั่วกาแฟ อินเตอร์
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 เลขที่ 248 หมู่ 6 ต.เขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร โดยผู้ใหญ่สมโภชน์ สุขแก้ว เนื่องจากราคากาแฟตกต่ำ ไม่คุ้มทุน ภายในตำบลเขาทะลุ และอำเภอในจังหวัดชุมพรมีจำนวนมาก จึงคิดที่จะรับคั่วกาแฟให้กับเอกชน ร้านค้า ชุมชน ประชาชนทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์โรบัสต้า ต้นกำเนิดคั่วจากกระทะขนาดใหญ่โดยการคั่วเอง หลังจากนั้นปี พ.ศ.2567 ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการคั่ว คั่วตามออเดอร์ ที่สั่ง และยังจำหน่ายกาแฟคั่วโดยมีจำนวน 3 รูปแบบให้เลือกแบบคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม นอกจากกาแฟ ยังมีโกโก้แบบผงเพื่อชงดื่ม มีจัดจำหน่ายคาเฟ่ จิบกาแฟ...แลเขาทะลุ ณ บ้านผู้โหญ่ และตลาดหลังสวนอวยชัย 3 ตลาดมรกต อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร โรงพยาบาลศูนย์มะเร็ง สุราษฎร์ธานี
3. โรงงาน Coffee ฟาร์ม
ตั้งอยู่เลขที่ 9/7 หมู่ 5 (บ้านช่องบอน) ต.เขาทะลุ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2545 ก่อตั้งโดย สมาคมชาวสวนกาแฟ ได้รับงบประมาณเครื่องจักรจากกระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลผลิตกาแฟที่ผ่านการสีเป็นเมล็ดแล้วจากชาวสวนในจังหวัดชุมพร และนอกพื้นที่ และยังโดยรับคั่วกาแฟจากบริษัทเอกชน ชุมชน ประชาชนทั่วไป ส่งทั่วประเทศ ปัจจุบันเครื่องคั่วทางสมาคมได้จัดซื้อเอง เนื่องจากเครื่องที่ได้จากกระทรวงพาณิชย์ใช้งานไม่ได้แล้ว ทำความร้อนโดยใช้แก๊ส และเครื่องปั่นใช้ไฟฟ้า อุณหภูมิในการคั่ว อยู่ที่ 200-250 องศา ขึ้นอยู่กับความชื้นของกาแฟ ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที ราคารับคั่ว 50/กิโลกรัม 1 เตา สามารถคั่วได้ถึง 25 กิโลกรัม และได้จัดจำหน่ายกาแฟ แบบ 3 in 1 สาขาทุ่งตะโก โดยผู้ใหญ่ประยูร สงค์ประเสริฐ
4. สวนกาแฟลุงเหนอ เกษตรอินทรีย์
นายเสนอ ศรีคง (ลุงเหนอ) เมื่อปี พ.ศ.2523 คิดช่องทางการทำเงินจากกาแฟ พอปลูก ราคาก็ตกต่ำ เนื่องจากมีคนปลูกเยอะ ปลูกกาแฟแบบเกษตรอินทรีย์ (เป็นส่วนผสม กาแฟ+ทุเรียน) สายพันธุ์กาแฟที่ปลูกเป็นพันธุ์โรบัสต้าทั้งหมด เนื้อที่ 17 ไร่ ปลูกกาแฟประมาณ 10,000 ต้น กาแฟในสวนนี้ไม่มีใช้สารเคมี หญ้าใช้วิธีกำจัดโดยการใช้พลาสติกคลุมหน้าดิน บางส่วนที่พลาสติกคลุมไม่ถึงจะใช้เศษฟางข้าวมาปกคลุม ใช้เครื่องตัดหญ้าตัดบริเวณที่ต้นวัชพืชขึ้นสูง มีการใช้สายยางให้น้ำเป็นจุดบริเวณโคนต้น เลยคิดนำกาแฟมาแปรรูป ภาครัฐได้เข้ามาให้คำแนะนำในการตลาด ได้รับแรงบันดาลจากการกินกาแฟอยู่แล้วซื้อของแบรนด์อื่นราคาแพง และได้รับรางวัลของ OTOP วัดจากลูกค้าที่มาเที่ยวงานเมืองทองธานี โดยการโหวตจากลูกค้า และรางวัลอื่นๆ และยังได้เปิดโรงคั่ว ตั้งอยู่เลขที่ 124/1 ม.5 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร จำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่ว แบบกาแฟโบราณ โดยขั้นตอนการทำจะดูแลใส่ใจมาก จัดจำหน่าย โทร 084-0629947 ช่องทางออนไลน์
อ้างอิงข้อมูลเนื้อหา