ธนเนตร ฉันทลักษณ์วงศ์
...........................................................................................................................................................
ปัจจุบันยาเสพย์ติดมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด มีทั้งชนิดที่ออกฤทธิ์กดประสาท ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทและออกฤทธิ์หลอนจิตประสาท แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเพียงบางชนิดที่สำคัญและกำลังแพร่ระบาดอยู่ในสังคมเราขณะนี้ ซึ่งได้แก่
1. ยาอี ยาเลิฟ ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทและการรับฟังเสียง ผู้เสพจะรู้สึกคล้ายตามไปกับเสียงเพลง โดยเฉพาะเพลงที่คนทั่วไปฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหูและรำคาญ ผู้ที่เสพยาอี ยาเลิฟ จะถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์ยาให้เต้นรำไปตามจังหวะโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
2. ยาเค จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ เพราะเป็นยาที่วงการแพทย์นำมาใช้สำหรับการผ่าตัด แต่วัยรุ่นไทยกลับนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ ด้วยการนำไปสูดดมเพื่อให้เกิดความมึนเมา จะพบเห็นได้ในงานปาร์ตี้ยาเสพย์ติดของกลุ่มวัยรุ่น ยาเคเป็นยาที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างแรง เมื่อเสพย์เข้าไปจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มึนงง การรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมทั้งแสง สี เสียง เปลี่ยนแปลงไป ถ้าในกรณีของผู้หญิง นอกจากยาจะมีผลต่อระบบประสาทดังกล่าวแล้ว ยังส่งผลให้หญิงที่อยู่ในอาการมึนเมาจากฤทธิ์ยาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อาจถูกล่อลวงไปข่มขืนหรือทำอนาจารต่างๆ ได้
3. ยาบ้า (แอมเฟตามีน) เป็นยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทส่วนปลาย ทำให้มีอาการตื่นตัว หายง่วงนอน พูดมาก มีความกล้า มีสมาธิและมีความขยันขันแข็งในการทำงานมากขึ้น แต่เมื่อหมดฤทธิ์จะส่งผลให้ผู้เสพรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก นอกจากนี้แอมเฟตามีนยังทำให้หลอดเลือดตีบเล็กลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูง มือสั่น ใจสั่น หลอดลมขยาย ม่านตาขยาย เหงื่อออกมาก ปากแห้ง เบื่ออาหาร จึงทำให้บางคนนำมาใช้เป็นยาลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักด้วย
4. สุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ไม่จัดขึ้นทะเบียนเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แต่ผลกระทบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้มีปัญหาด้านกฎหมายและปัญหาทางสุขภาพจิต ที่พบได้บ่อย เช่น เห็นภาพหลอน ระแวงกลับคนทำร้าย ระแวงว่าภรรยามีชู้ หรือเครียดจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย
ยาเสพย์ติดนอกจากจะส่งผลต่อผู้เสพตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น หากผู้เสพยังคงเสพในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นและเป็นระยะเวลานานจะทำให้สมองเสื่อมและยังส่งผลให้ผู้เสพเกิดภาวะโรคจิต มีอาการประสาทหลอน หูแว่วกลายเป็นคนวิกลจริต คลุ้มคลั่ง จนอาจถึงขั้นทำร้ายตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดได้
คุณคงจะรู้แล้วว่ายาเสพย์ติดแต่ละชนิดส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของคุณและคนใกล้ชิดอย่างไร หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีปัญหาการติดยาเสพย์ติดและอยากขอคำปรึกษาเพื่อแก้ไขลองโทรศัพท์มาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ชั่วโมง
ธนเนตร ฉันทลักษณ์วงศ์
...........................................................................................................................................................
อาการที่บ่งบอกว่าบุคคลใดติดยามีดังนี้ คือ
1. บุคคลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถ้าเป็นวัยรุ่นก็อาจเริ่มไม่อยากไปโรงเรียน หนีเรียน ผลการเรียนแย่ลงหรือถ้าเป็นบุคคลที่อยู่ในวัยทำงานก็จะส่งผลให้การทำงานแย่ลงหรือไม่ยอมไปทำงานเลย
2. มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางหงุดหงิด ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาทและทำร้ายผู้อื่นหรือในทางกลับกัน บางคนจะมีอาการซึมเศร้า เหงาหงอย เก็บตัวแยกตัวจากสังคมและคอยหลบหน้าตาคนในครอบครัว
3. เริ่มไม่ใส่ใจการแต่งกาย ปล่อยผมรุงรัง สกปรก ใส่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาเพื่อปกปิดรอยเข็มฉีดยาหรือใส่แว่นตาดำเพื่อซ่อนแก้วตาที่วาวเปิดกว้างหรือริบหรี่
4. มียาหรืออุปกรณ์แปลกๆสะสมไว้ เช่น มีเม็ดยาแคปซูล มีทินเนอร์หรือกาว มีถุงพลาสติกที่ทากาวได้ มีผ้าชุบทินเนอร์และทากาวไว้เป็นจำนวนมาก มีขวดยาแก้ไอที่มีสารจำพวกฝิ่นผสมอยู่ หรืออาจพบช้อนที่หักงอ กระบอกฉีดยา กระดาษตะกั่ว หลอดกาแฟ เป็นต้น
5. ใช้เงินเปลือง เป็นหนี้เป็นสินเพื่อนๆ เพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพย์ติดหรือขโมยของในบ้านไปขายเพื่อหาเงินมาเสพยา ตลอดจนติดต่อกับเพื่อนแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมผิดปกติ
ถ้าคุณสังเกตพบว่า คนใกล้ชิดของคุณมีพฤติกรรมดังกล่าว คุณต้องพยายามทำความเข้าใจว่าเขาคนนั้นกำลังมีปัญหาอย่าดุด่าว่ากล่าวหรือตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงจะเหมือนผลักไสเขาให้ใช้ยาเสพย์ติดมากขึ้น คุณควรช่วยเขาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ช่วยปลอบใจ ให้กำลังใจ และชักชวนให้ไปบำบัดรักษาและถ้าคุณต้องการปรึกษาเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นลองโทรศัพท์มาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ธนเนตร ฉันทลักษณ์วงศ์
.............................................................................................................................................................
สาเหตุที่ทำให้ติดสารเสพย์มีด้วยกันหลายสาเหตุ คือ
1. เพื่อหนีความทุกข์ใจ เด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาในครอบครัว ขาดความรักความอบอุ่น ครอบครัวแตกแยก หรือทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ ตลอดจนมีปัญหาในด้านการเรียน ปัญหา ความรัก จะส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหาทางออกโดยการใช้ยาเสพย์ติด เพื่อระงับความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น
2. ความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง บางคนลองเสพตามเพื่อนเพราะกลัวเพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่มด้วย ตลอดจนวัยรุ่นบางคนก็อาจลองเสพด้วยความคึกคะนอง อยากทดลองสิ่งใหม่ๆและคิดว่าตัวเองคงไม่ติดง่ายๆ ซึ่งมักส่งผลให้วัยรุ่นติดสารเสพย์ติดได้ในเวลาต่อมา
3. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนติดยาหรือเป็นแหล่งที่มีการขายยาเสพย์ติด ซึ่งการที่วัยรุ่นอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เห็นว่าการใช้ยาเสพย์ติดเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อวัยรุ่นถูกชักจูงให้ลองเสพยาก็จะคล้อยตามได้ง่ายหรือบางคนอาจลองเสพยาเสพติดเองเพราะเกิดความสงสัยว่า ยาเสพย์ติดจะช่วยให้เกิดความสนุกสนานได้อย่างไร
4. ถูกหลอกลวงให้ติดยาเสพย์ติด เนื่องจากสิ่งเสพย์ติดในปัจจุบันมักมีมาในรูปแบบต่างๆ กัน เช่น เป็นลูกกวาดหรือท็อฟฟี่ เป็นแคปซูล เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้วัยรุ่นอาจไม่ทราบว่าสิ่งที่ตนเสพเป็นสิ่งเสพย์ติดชนิดร้ายแรง จึงทำให้ลองกินเข้าไปจนกลายเป็นคนติดยาได้
เมื่อคุณรู้แล้วว่าสาเหตุอะไรบ้างที่มีส่วนผลักดันให้วัยรุ่นติดสารเสพย์ติด คุณและคนในครอบครัวจึงควรร่วมมือกันป้องกันไม่ให้ลูกหลานติดยา โดยคุณต้องให้ความรักความอบอุ่นให้ความเป็นกันเองกับลูกหลาน เพื่อเขาจะได้กล้าเข้ามาขอรับคำปรึกษายามที่เขาต้องเผชิญกับปัญหาที่แก้ไม่ตก ตลอดจนคุณจะต้องทำความรู้จักกับเพื่อนของเขาด้วยเพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าเพื่อนของเขาเป็นคนอย่างไรมีพฤติกรรมเป็นอย่างไรเพราะเด็กที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นมักจะติดเพื่อนและชอบทำอะไรเลียนแบบเพื่อน
หากคุณสังเกตพบว่า ลูกวัยรุ่นของคุณเข้าข่ายเสี่ยงต่อการติดยาเสพย์ติด คุณควรใจเย็นๆไว้ก่อน อย่าไปดุด่าลูกค่อยๆ พูดคุยกับลูกเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาและหากคุณต้องการขอรับการปรึกษาเพิ่มเติม ลองโทรศัพท์มาคุยกับเราที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
อารียา ทรงสิทธิโชค
.........................................................................................................................................................
หากมีสมาชิกในครอบครัวติด ทุกคนในครอบครัวควรร่วมมือกันในการหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้
ประการแรก บอกให้สมาชิกในครอบครัวได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อทำความเข้าใจและหาหนทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ประการที่ 2 ไม่ตำหนิติเตียนหรือดุว่าผู้ติดยาอย่างรุนแรง เพราะยิ่งคุณดุด่ามากเท่าใดก็ยิ่งทำให้เขาหนีห่างจากครอบครัวและยิ่งถลำลึกไปติดยาเสพย์ติดมากขึ้นเท่านั้น
ประการที่ 3 คอยปลอบโยน พูดจากับเขาดีๆโดยเฉพาะในเวลาที่เขาอารมณ์ดีพอจะรับฟังเหตุผลได้ ขอให้เขาเลิกใช้ยาบ้า เพื่ออนาคตของเขาและเพื่อคนในครอบครัวที่รักเขา
ประการสุดท้าย หากคุณสามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาตัดสินใจเลิกยาได้แล้ว คุณควรรีบพาเขาไปพบแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษาและถ้าแพทย์ขอให้คุณปฏิบัติอย่างไร ในการช่วยเหลือคนติดยา คุณก็ควรให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แม้อาจจะยากลำบากและใช้เวลานานก็ตาม
ยาบ้าไม่ใช่ปัญหาของผู้ติดยาเพียงคนเดียวแต่เป็นปัญหาของคนทั้งครอบครัวที่ต้องร่วมมือกันป้องกันและแก้ไข หากคุณมีปัญหาอยากขอรับคำปรึกษาเพิ่มเติมโทรมาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
อภิญญา ปัญญาพร
............................................................................................................................................................
ความคาดหวังของผู้ที่เลิกยาเสพติด และคนในครอบครัว คือไม่ต้องการกลับไปติดยาซ้ำ กรมสุขภาพจิตมีข้อแนะนำเพื่อป้องกันการกลับไปติดยาซ้ำ ดังนี้
1. ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้กลับมาเสพอีก เช่น
1.1 มีอาการไม่สบาย อารมณ์เศร้า และวิตกกังวลเพราะการหันกลับไปเสพซ้ำบ่อยครั้งมาจากความผิดปกติทางด้านจิตใจ อารมณ์และพฤติกรรม นำมาก่อน ซึ่งต้องเรียนรู้เพื่อป้องกันการใช้ยาซ้ำเพื่อให้หายจากอาการทางจิต
1.2 ตัวสารเสพติด การเห็นหรือ ได้กลิ่นสาร อาจกระตุ้นให้เกิดอาการอยากเสพ
1.3 หลีกเลี่ยงบุคคล สถานที่ และสิ่งของที่มีความสัมพันธ์กับการเสพ เช่นไม่ให้มีสารเสพติดภายในบ้าน
1.4 หลีกเลียงสถานการณ์กดดันที่พบบ่อย ได้แก่ อยู่ในครอบครัวที่มีการเสพยา หรือการอยู่รวมกลุ่มกับผู้ติดยา
2. ครอบครัวจะต้องเข้าใจ เป็นกำลังใจในการเลิกเสพสารเสพติด
3. หากรู้สึกไม่สบายต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุให้กลับมาเสพอีก ต้องมีวิธีแก้ไขที่ถูกต้องและเหมาะสม อารมณ์ที่พบว่ามีผลต่อการเสพซ้ำ คือ อารมณ์เศร้า วิตกกังวล ความรู้สึกเบื่อหน่ายโดดเดียว อ้างว้าง วิธีจัดการนอกจากไปพบแพทย์ ได้รับการรักษาที่ถูกต้องแล้วยังมีวิธีที่จะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เช่น คิดว่าตนเองมีคุณค่า และมีหวังในอนาคตซึ่งจะตัดอาการซึมเศร้า รวมถึงการทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย เล่นกีฬา มีงานอดิเรก มีกิจกรรมที่เพลิดเพลิน
4. เตือนสติตัวเองด้วยถ้อยคำที่มีความหมายเป็นข้อเตือนใจไม่ให้ไปเสพอีก เช่น กว่าจะเลิกได้ทรมานเหลือเกิน ข้าพเจ้าสามารถความคุมและเลิกได้แล้วและจะเลิกตลอดไป กว่าจะเลิกได้แต่ละครั้งต้องใช้เวลานานเหลือเกิน บัดนี้ปัญหาการเสพติดของข้าพเจ้าได้หมดไปแล้ว
5. หลีกเลี่ยงไม่ให้กลับไปคบเพื่อนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
6. คนในครอบครัว และสังคม ต้องให้ความรักความเข้าใจเขามาก ๆ ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด งดการดุด่าว่ากล่าว หรือพูดถึงสิ่งที่เขาได้ทำพลาดไปแล้วในอดีต ให้โอกาสเขาได้กลับตัวใหม่ เช่น กลับไปเรียนหนังสือ หรือกลับเข้าทำงาน
ธนเนตร ฉันทลักษณ์วงศ์
..........................................................................................................................................................
หากคุณหรือคนในครอบครัวของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพย์ติด สามารถติดต่อขอรับการบำบัดรักษาได้จากสถานที่ ดังต่อไปนี้
- สถาบันธัญญารักษ์
โทร 02-531-0080-8 สายด่วน 531-7777, 531-9943
- สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดสารเสพย์ติดบ้านพิชิตใจ
โทร 02-329-1353 , 329-1566
- ศูนย์บำบัดรักษายาเสพย์ติดภาคเหนือ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
โทร 053-297-976-7
- ศูนย์บำบัดรักษายาเสพย์ติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น
โทร 043-245-3666
- ศูนย์บำบัดรักษายาเสพย์ติดภาคใต้ จ.สงขลา
โทร 074-467-453 , 467-468
และโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ
ขจิตรัตน์ ปูนพันธุ์ฉาย
.........................................................................................................................................................
จากคำถามที่ผู้ใช้บริการ 1667 ฝากไว้ในบริการรับฝากข้อความ เรามีคำตอบสำหรับคุณ ดังนี้
คำถามที่ 1 ยาเสพย์ติดดับทุกข์ได้จริงหรือ
ในระยะเริ่มแรกที่เสพยาจะมีอาการเคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย จิตใจเลื่อนลอย ทำให้ผู้เสพคิดว่ายาเสพย์ติดดับทุกข์ได้แต่ความจริงแล้วยาเสพย์ติดไม่ได้ช่วยดับทุกข์ เพียงแต่ทำให้คุณลืมความทุกข์ได้ชั่วคราวเท่านั้นเอง
ยาเสพย์ติดเป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นอบายมุขที่มีพิษภัยมหันต์ต่อสุขภาพของคน ต่อการทำงาน ต่อครอบครัวและต่อประเทศ จึงควรหลีกให้ห่างไกล
คำถามที่ 2 ยาเสพย์ติดช่วยลดหรือเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
โคเคน, ยาบ้า, ยาอี และยาเลิฟ ถือเป็นกลุ่มของยาเสพย์ติดที่มีผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้ผู้เสพเข้าไปมีความต้องการทางเพศสูง รู้สึกอยากร่วมเพศ และมีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ ก่อให้เกิดพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะเสี่ยงต่อการติดโรคเอดส์และโรค ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ รวมทั้งยังทำให้ทำผิดศีลธรรมและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยด้วย
คำถามที่ 3 วิธีจัดการกับคนที่คลุ้มคลั่งเพราะยาบ้า
ถ้าคนในครอบครัวของคุณเกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะยาบ้า คุณต้องตั้งสติให้ดีอย่าตื่นตระหนักจนเกินไปและต้องระวังตัวอย่าให้เขาทำอันตรายคุณได้ จากนั้นจึงค่อยๆพูดจาเกลี้ยกล่อม หว่านล้อมให้เขามีสติและสงบอารมณ์ พูดกับเขาดีๆ บอกให้เขามั่นใจว่าไม่มีใครมาทำร้ายเขาได้ ถ้าไม่ได้ผลและเขามีท่าทีก้าวร้าวมาก รวมทั้งมีอาวุธอยู่ในมือ คงต้องรีบแจ้งตำรวจให้ช่วยมาคลี่คลายสถานการณ์ต่อไป
คำถามที่ 4 การปฏิเสธเมื่อถูกชักชวนหรือบังคับให้ใช้ยาเสพย์ติด
หากมีใครมาชักชวนให้คุณทดลองเสพยา คุณต้องไม่ใจอ่อน ต้องยืนกรานปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวและรีบเดินหนีไปให้พ้น อย่ายอมเด็ดขาดเพราะการยอมเสพยา แม้เพียงครั้งเดียวก็จะส่งผลเสียร้ายแรงเกินคาด โดยเฉพาะการเสพยามากเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงตายได้
ส่วนกรณีที่ถูกข่มขู่บังคับให้ใช้ยา คงต้องพยายามพูดจาถ่วงเวลา อ้างเหตุผลต่างๆ แล้วค่อยๆ หาทางหลบเลี่ยงออกจากสถานการณ์ จากนั้นควรแจ้งให้ครู อาจารย์ หรือพ่อแม่ทราบ เพื่อจะได้จัดการต่อไป
คำถามที่ 5 มีปัญหาครอบครัว ทำให้ใช้ยาจะแก้ไขอย่างไร
เมื่อมีปัญหาครอบครัวรู้สึกว่าไม่มีใครรัก ไม่มีใครเข้าใจ ทำให้คุณต้องไปเสพยา เพื่อดับทุกข์ แต่ก็ยังไม่หายทุกข์มีแต่จะทุกข์หนักขึ้น ขอให้คุณรีบแก้ไขโดยการไปปรึกษาคนใกล้ชิดนอกครอบครัว เช่น ครู อาจารย์ แพทย์ พยาบาล หรือใช้บริการปรึกษาของกรมสุขภาพจิตก็ได้ เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น และอาจให้คนเหล่านี้ช่วยเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหาในครอบครัวของคุณ คุณจะได้ไม่ต้องเสพยาอีก
ถ้าคุณยังมีข้อสงสัยเรื่องยาเสพย์ติดอีก ก็โทรศัพท์มาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
สนาม บินชัย
………………………………………………………………………………………………………..
ปัจจุบันมีจำนวนผู้ดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มมาก การดื่มในปริมาณไม่มากเกินไป และไม่นานเป็นการดื่มชั่วครั้งชั่วคราว อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ ครอบครัว และสังคม ไม่ชัดเจน
สุรามีผลกระทบต่อคุณมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณ ความถี่และความเร็วในการดื่ม เป็นหลัก มีปัจจัยร่วมที่สำคัญคือ อายุ เพศ น้ำหนักตัว ความต้านทานต่อสุรา ช่วงเวลาของวันขณะดื่ม ดื่มขณะท้องว่างหรืออิ่ม กำลังเหนื่อย หรือปกติ และกำลังใช้สารเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วยหรือไม่
ในรายที่ดื่มมากไป ดื่มประจำเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรง คือ การติดสุรา และที่แน่ๆ ปัญหาที่ตามมาคือ ปัญหาครอบครัวมีทะเลาะเบาะแว้ง ครอบครัวแตกแยกส่งผลถึงลูกด้วย เป็นหนี้สิน ปัญหาการงาน ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ประสิทธิภาพการทำงานต่ำ มีปัญหากับผู้ร่วมงาน และอาจต้องออกจากงานเป็นคนตกงาน ท้ายสุดคือปัญหาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น โรคตับแข็ง เลือดออกในกระเพาะอาหาร ขี้ลืม ขาดสติ อาจทำร้ายผู้อื่น หรือขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึมเศร้า มีอาการทางจิต
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าสุราหรือเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์เป็นสารกระตุ้นประสาท เพราะหลังดื่มไปสัก 2 – 3 ดื่ม มักรู้สึกว่าเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ เริ่มกล้าพูด แต่ความจริงแล้วเป็นสารเสพติดประเภทกดประสาท ซึ่งจะทำให้สมองทำงานช้าลง อารมณ์เศร้า คิดช้า ถ้าดื่มมากขึ้นอาจพูดไม่รู้เรื่อง อ้อแอ้ เดินไม่ตรงทาง สับสน ขาดสติ
ข้อควรระวังเมื่อเมาค้าง หากคุณมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ท้องร่วงอย่างรุนแรงมีภาวะขาดน้ำซึ่งสังเกตจากตัวร้อนและอ่อนเพลียควรรีบพบแพทย์
ถ้าคุณยังมีข้อสงสัยก็โทรศัพท์มาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
สุรีย์ บุญเฉย
.........................................................................................................................................................
สุรา...เป็นสารเสพติดประเภทหนึ่งเพราะสุรามีลักษณะเดียวกับสิ่งเสพติดชนิดอื่นๆ เนื่องจากถ้าเกิดอาการติดแล้วต้องเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเลิกดื่มก็จะมีอาการอดเหล้า การติดสุรามีสาเหตุจากปัจจัยต่างๆ คือ
1. ตัวผู้ติดสุรา อยากลองเห็นเป็นเรื่องที่ท้าทาย ตื่นเต้น สนุกสนาน โดยเฉพาะในวัยรุ่นมีกรรมพันธุ์ พบว่าผู้ติดสุรา ประมาณร้อยละ25 มักมีบิดาและพี่น้องผู้ชายติดสุราด้วย มีลักษณะบุคลิกภาพ แบบประหม่า วิตกกังวล ไม่มั่นใจ และถ้าการบริโภคแอลกอฮอล์ช่วยทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป เช่น ทำให้รู้สึกกล้า และมั่นใจมากขึ้น
2. ตัวสารแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์เป็นสาร ที่มีคุณสมบัติทำให้เกิดการเสพติดได้ โดยแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความอยาก การเสพติดเป็นวงจรของสมองที่เกี่ยวกับความอยาก ความพึงพอใจ ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการติดสารเสพติด ทำให้ผู้เสพเกิดความพอใจ และมีความต้องการใช้ซ้ำอีก หักห้ามใจไม่ได้ ซึ่งนำไปสู่การติดในที่สุด และในหลายๆครั้ง ทำให้มีการกลับไปใช้สารนี้ใหม่อีก เพราะความอยาก ปัญหาของการเลิกแอลกอฮอล์จึงไม่ได้
3. สิ่งแวดล้อม เป็นแรงเสริมทำให้ติดสุราได้ เช่น สังคมและวัฒนธรรมสังคมไทยมองเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ว่าเป็นเรื่องธรรมดา หามาดื่มได้ง่าย บางครอบครัวมีสุราไว้ประจำบ้าน มีกลุ่มเพื่อนชักจูง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาครอบครัว มีความเครียดในชีวิตต่าง จะหันมา พึ่งแอลกอฮอล์ จนเกิดการติดขึ้นได้ในที่สุด
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
………………………………………………………………………………………..………….
การติดสุรา คือสภาวะทางจิตใจ ซึ่งมักเกิดร่วมกับร่างกาย อันเป็นผลมาจากการดื่มสุรา โดยแสดงลักษณะทางพฤติกรรม หรือการตอบสนองบางอย่าง ได้แก่ การอยากดื่มซ้ำอีกติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ หรือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อให้จิตใจสบาย และหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายกายจากการที่ได้ดื่ม อาจมีการเพิ่มปริมาณสุราที่ดื่มขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่เพิ่มก็ได้
1. ติดเป็นนิสัย ( Habituation ) จะดื่มน้อยและเป็นครั้งคราว เมาเป็นบางครั้ง เป็นการติดทางใจ ไม่ใช่ติดเรื้อรัง สามารถเลิกได้ง่าย สุขภาพร่างกายไม่เสื่อมโทรมมากนัก
2. ติดเรื้อรัง ( Physicalde pendence ) จะดื่มมากและดื่มประจำทุกวัน ทำให้แอลกอฮอล์ไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง การติดสุราประเภทนี้คล้ายการติดสิ่งเสพติดชนิดร้ายแรง ทำให้เมื่อเลิกสุราทันทีจะมีอาการที่เรียกว่า ลงแดงมีอาการกระสับกระส่าย มือสั่น นอนไม่หลับ และต้องหวนกลับมาดื่มแอลกอฮอล์เพื่อระงับอาการเหล่านี้ มีผลให้สมองถูกทำลาย และนอกจากนี้ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ตับ หรือตับแข็งได้ง่าย
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
............................................................................................................................................................
พิษสุราเรื้อรังเป็นโรคโรคหนึ่งซึ่งมีลักษณะอยาก หรือกระหายอย่างมากที่จะดื่มสุรา ควบคุมตัวเองไม่ได้ พยายามเลิกสุราหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อห่างจากสุราจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก มือสั่น กระวนกระวาย และอาการดังกล่าวมักจะหายไป เมื่อดื่มสุรา หรือกินยานอนหลับ อาการเหมือนดื้อยา คือ มีความต้องการดื่มสุราในขนาดมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้สุราออกฤทธิ์เท่าเดิม
การรักษา
1. รักษาสภาวะขาดสุราซึ่งมักจะเกิดอาการอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยการให้ยา วิตามินในขนาดสูง การป้องกันอาการชักหรือรักษาภาวะแทรกซ้อนทางกายต่างๆ
2. รักษาการติดสุรา เริ่มเมื่ออาการขาดสุราหมดไปแล้ว โดยการให้ยากล่อมประสาทและยาแก้อารมณ์เศร้า โดยทำจิตบำบัด พฤติกรรมบำบัด กลุ่มบำบัด เป็นต้น
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีรัตน์ คุ้มแย้ม
............................................................................................................................................................
เกิดจากการลดลงของระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของสมองทำให้เกิด อาการต่างๆตามมา อาการจะขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้น เป็นผู้ที่ดื่มจนกลายเป็นผู้ติดแอลกอฮอล์หรือไม่ ผู้ที่ไม่ติดแอลกอฮอล์จะเกิดอาการขาดแอลกอฮอล์ได้หลังจากดื่มในปริมาณที่มาก โดยมีลักษณะที่เรียกกันว่า เมาค้าง อาการจะเริ่มเกิดขึ้นหลังจากหยุดดื่มได้ 4 - 6 ชั่วโมง โดยมีอาการปวดศีรษะ มือสั่น หงุดหงิด กระวนกระวาย ตาสู้แสงสว่างไม่ได้ รวมทั้งอาจมีอาการใจสั่นร่วมด้วย อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่ดื่มจนติดแล้วนั้น อาการจะเริ่มเป็นตามช่วงระยะและลำดับเวลาดังนี้ ในช่วง 6 - 24 ชั่วโมงแรกหลัง จากหยุดหรือลดปริมาณการดื่ม จะมีอาการมือสั่น ปวดศีรษะ หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจสั่น นอนไม่หลับ ในบางรายจะเริ่มเกิดอาการประสาทหลอน หูแว่ว หวาดระแวง กลัวคนจะมาทำร้าย บางรายจะพบอาการชักกระตุกเกร็งทั้งตัวได้ อาการต่างๆจะเป็นอยู่ประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง อาการเหล่านี้จะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้ รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะมีอันตรายต่อสุขภาพตามมาได้ นอกจากนี้ บางรายที่ติดแอลกอฮอล์อาจเกิดภาวะขาดแอลกอฮอล์ในลักษณะที่เรื้อรังได้คือ จะมีอาการนอนไม่หลับ ความจำบกพร่อง อ่อนเพลีย และการทำงานของระบบอัตโนมัติของร่างกาย ผิดปกติไป เช่น ใจสั่น ใจเต้นเร็ว อาการเหล่านี้จะเป็นต่อเนื่องได้นาน 6 - 24 เดือน ถึงแม้ว่าจะหยุดดื่มแอลกอฮอล์แล้วก็ตาม
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
.........................................................................................................................................................
การดื่มสุราเป็นเวลานานมีผลทำให้เกิดพิษต่อระบบต่างๆ คือ อวัยวะในร่างกายที่สำคัญเช่น พิษต่อสมอง, พิษต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด, พิษต่อระบบทางเดินอาหาร, พิษต่อระบบการเผาผลาญและอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย, สำหรับหญิง ถ้าดื่มสุรามากโอกาสจะเกิดโรคมะเร็งเต้านม ได้ถึง 3 เท่า ของผู้หญิงที่ไม่ดื่มสุรา เป็นพิษต่อทารกในครรภ์ จะทำให้ทารกในครรภ์ของมารดาที่ดื่มสุราเป็นประจำทารกที่เกิดมาจะเป็นโรคปัญญาอ่อน ศีรษะเล็ก สมองเล็ก เชื่องช้า เกิดความผิดปกติทางจิตใจและพฤติกรรมทำให้มีความจำเสื่อม การทำงานขาดประสิทธิภาพ แอลกอฮอล์จะไปกดสมองและระบบประสาทส่วนกลางทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต่อความรู้สึก การรับรู้และการเคลื่อนไหว เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ที่ดื่มสุรามากจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง มีพฤติกรรมรุนแรง ขาดการยับยั้งตั้งใจเกิดการทะเลาะวิวาท ก่อคดีอาชญากรรม มีอาการทางจิต จากพิษสุรา เกิดอาการประสาทหลอน เพ้อและสั่น มีพฤติกรรมก้าวร้าวหวาดระแวง ภรรยาจะมีชู้ ทำให้ก้าวร้าว ชวนทะเลาะและหาเรื่องด่าว่าทุกตีภรรยา ทุกคนในครอบครัวจะขาดความรัก ความอบอุ่นและเมื่อผู้ติดสุรามีอาการทางจิตถึงขั้นที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช ยิ่งทำให้เป็นภาระแก่คนในครอบครัวยิ่งขึ้น
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
............................................................................................................................................................
เมื่อคนใกล้ชิดติดสุรา ครอบครัวมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จในการรักษาผู้ติดเหล้า ในกรณีที่ผู้ติดสุรามีอาการหวาดระแวงภรรยาจะมีชู้ ทำให้ก้าวร้าว ชวนทะเลาะและหาเรื่องด่าว่าทุบตีภรรยา ภรรยาควรป้องกันตัวเองด้วยการไม่โต้เถียงจะได้ไม่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกรธและหวาดระแวงยิ่งขึ้นและควรเก็บของมีคมหรือของที่ใช้เป็นอาวุธได้ให้มิดชิด ประการสำคัญ ภรรยาควรเข้าใจว่าอาการหวาดระแวงเหล่านี้เป็นผลอาการติดสุราอย่างเรื้อรัง พยายามทำตัวให้น่าไว้วางใจ โดยไม่พูดคุยกับเพื่อนที่เป็นเพศชายให้เห็น สมาชิกในครอบครัวต้องยอมรับในพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ซ้ำเติมให้ความเห็นใจและเข้าใจ พยายามพูดชักจูงให้เลิกดื่ม ให้กำลังใจและส่งเสริมสนับสนุนในการเลิกดื่มสุรา นำผู้ติดสุราไปบำบัดในสถานบำบัดรักษายาเสพติดที่สะดวกที่สุด ขณะที่รับการบำบัดรักษาให้ช่วยเป็นกำลังใจ ดูแลทุกข์สุข จัดหาอาหารบำรุงร่างกายให้ หลังการบำบัดรักษา สนับสนุนให้ประสานกับทางแพทย์ เพื่อรักษาผู้ป่วยไม่ให้กลับมาติดเหล้าอีกโดยให้ดูแลเอาใจใส่ให้ความรักความสัมพันธ์ที่ดี หางานให้ทำหรือชักชวนให้ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการกลับไป
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
..............................................................................................................................................................
แอลกอฮอล์ หรือที่คนไทยเรียกว่า สุราหรือเหล้า เป็นสารธรรมชาติที่ได้มาจากกระบวนการหมักน้ำตาล เช่น จากข้าว องุ่น ข้าวโพด กับยีสต์ เกิดเป็นสารที่เรียกว่า เอทานอล (ethanol) ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่าแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์โดยตัวของมันเองไม่มีรสหรือกลิ่นแต่รสหรือกลิ่นที่ได้มาจากการหมักและแต่งกลิ่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละชนิดมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์แตกต่างกัน จึงใช้คำว่า 1 ดื่มมาตรฐานเป็นตัวบอกปริมาณของแอลกอฮอล์ ซึ่ง 1 ดื่มมาตรฐาน หมายถึง เบียร์ 1 แก้ว ขนาด 285 มิลลิลิตร หรือไวท์1 แก้วเล็ก ขนาด 100 มิลลิลิตร หรือเหล้า 1 แก้ว ขนาด 30 มิลลิลิตร
แอลกอฮอล์เป็นสารมีแคลอรีสูงและไม่มีคุณค่าทางอาหาร แอลกอฮอล์ 1 ดื่มมาตรฐาน มีแคลอรีประมาณ 100 แคลอรี เมื่อผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆเช่น โซดา น้ำอัดลม น้ำหวาน จะทำให้แคลอรีเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อ้วนได้
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
.........................................................................................................................................................
การผสมแอลกอฮอล์กับสารเสพติดหลายชนิดจะก่อให้เกิดผลร้ายกับร่างกายได้ ยาบางชนิดอาจใช้ไม่ได้ผลถ้าดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย หรือยาบางตัวถ้าผสมกับแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดอาการเป็นตะคริว อาเจียน หรือปวดศีรษะ เช่น ถ้าผสมแอลกอฮอล์กับยาต้านเศร้า ยากระตุ้นประสาท ยาที่แพทย์สั่งโดยทั่วไป จะทำให้เกิดผลร้ายแรงกับร่างกายและการทำงานของสมอง ถ้าผสมแอลกอฮอล์กับยากดประสาทเช่นยานอนหลับ ยากล่อมประสาทจะทำให้รู้สึกมึนเมาอย่างหนัก จนหมดสติหรือถึงเสียชีวิตได้เนื่องจากฤทธิ์ของยาเสริมกัน ถ้าผสมแอลกอฮอล์กับสารกระตุ้นประสาทเช่น คาเฟอีน โคเคน แอเฟตามีน หรือยาบ้าจะทำให้เกิดอาการตาค้างตื่นตัวมากกว่าปกติ
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
สุรีย์ บุญเฉย
..............................................................................................................................................................
แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของผู้ดื่มมีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆแตกต่างกันไปซึ่งส่งผลต่อผู้ดื่ม ดังนี้
ถ้ามีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 30 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะมีอาการสนุกสนานร่าเริง มี 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้การควบคุม การเคลื่อนไหว เสียไป ความสามารถในการขับขี่ลดลง 8 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของคนที่ไม่ดื่มสุรา มี 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะเดินไม่ตรงทาง ความสามารถในการขับขี่ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มขึ้น 6 เท่าของคนไม่ดื่มสุรา มีมากกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มีอาการสับสน มีมากกว่า 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะเกิดอาการง่วงงง และซึม มีมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะทำให้สลบ และอาจถึงตายได้
ประเทศไทยได้กำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสำหรับผู้ขับขี่ไม่ให้เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 16/2537) หรือ ก่อนขับขี่รถสามารถดื่มเบียร์ปกติไม่เกิน 2 กระป๋องหรือ 2 ขวดเล็ก , ไลท์เบียร์ไม่เกิน 4 กระป๋อง หรือ 4 ขวดเล็ก , ไวน์ไม่เกิน 2 แก้ว (แก้วละ 80 ซีซี) , สุรา (1 ฝา ขวดสุราผสมโซดา) ไม่เกิน 6 แก้ว ผู้ฝ่าฝืนตาม พรบ.จราจรทางบกปี 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ปัจจุบันมีวิธีการตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ได้ 3 วิธีหลักๆ คือทางลมหายใจ โดยการเป่าลมออกจากปากเข้าไปในเครื่องตรวจตัวเลขที่อยู่บนเครื่อง จะบอกระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นมิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทางเลือดโดยตรง และทางปัสสาวะ
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
ชาลิสา กัณฑารัตน์
.............................................................................................................................................................
ปัจจุบันสุราเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ท่านมีอาการทางจิตโดยไม่รู้ตัวส่งผลให้เกิดปัญหาได้หลายอย่างทั้งปัญหาทะเลาะวิวาท ความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาด้านสัมพันธภาพกับบุคคลรอบข้าง คนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน บางครั้งปัญหาอาจรุนแรงจนเกิดปัญหาด้านกฎหมาย
อาการทางจิตจากการติดสุรา หมายถึง คนที่มีอาการทางจิตจากพิษสุรา และเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ซึ่งจะมีอาการและพฤติกรรมเช่นเดียวกับผู้ที่เป็นโรคจิต
หลายคนพยายามเลิกสุราด้วยตนเอง แต่ต้องกลับไปดื่มซ้ำอีก มักจะถูกตำหนิจากสังคม และคนรอบข้าง ทำให้ยิ่งหมดกำลังใจ การช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการรักษา หากทาสนหรือคนใกล้ชิดติดสุรา สามารถเข้ารับการรักษาและรับบริการปรึกษาได้ ที่สถานบริการใกล้บ้านทุกแห่ง
หากคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ สามารถโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1323
ที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข