ดร.สดใส คุ้มทรัพย์อนันต์
…………………………………………………………………………………………………………
ความรักความผูกพันในครอบครัว เปรียบเสมือนสายใยรักที่คนในครอบครัวควรมีให้แก่กัน เป็นความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนพึงมี เพื่อเติมเต็มความสุข ความมั่นคงให้แก่ครอบครัว ปัจจุบันหลายครอบครัวประสบปัญหาการหย่าร้าง แตกแยก ทอดทิ้งกัน ถ้าสายใยรักที่มีต่อกันขาดหายไป ทำให้ชีวิตในครอบครัวอยู่ด้วยกันเหมือนหุ่นยนต์อยู่ตามหน้าที่แต่ขาดความรู้สึกห่วงใย หวังดีที่มีสายใยรักต่อกัน
สายใยรักจะเกิดขึ้นได้ เมื่อคนในครอบครัวมีความรัก ความผูกพัน ความเอื้ออาทร ความห่วงใย ความเข้าใจ ยอมรับและให้อภัยกัน เมื่อคนใดคนหนึ่งจากไปจะรู้สึกคิดถึง ห่วงใย และระลึกถึงแต่สิ่งดีๆที่มีต่อกัน ดังนั้นสายใยรักจึงเป็นสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันของพ่อกับแม่ และของพ่อแม่กับลูก สัมพันธภาพที่ดี ของพ่อแม่จะสร้างให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีกับลูกด้วย พ่อและแม่หลายคู่จะเริ่มสูญเสียสัมพันธภาพกัน เมื่อมีลูกเข้ามาในชีวิตครอบครัว วิธีการสร้างสัมพันธภาพที่ดีเพื่อคงสายใยรักในครอบครัว สำหรับพ่อแม่ มี ดังนี้
- พูดคุยสื่อสารด้วยภาษา “ดอกไม้” และตรงไปตรงมา
- การให้เกียรติ และให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน
- การยกย่องชมเชยกันเมื่อทำความดี
- ไม่ตำหนิเมื่อทำผิดพลาดให้อภัยแต่บอกให้รู้ว่าเป็นบทเรียนครั้งต่อไป
- ยอมรับอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา
- ให้ความรัก ความเมตตา และปรารถนาที่ดีต่อกันอย่างไม่มีเงื่อนไข
- ยืดหยุ่นได้เมื่อบางสิ่งบางอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ครอบครัวที่มีสายใยรักต่อกัน จะมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะสัมพันธภาพที่พ่อแม่แสดงต่อกันจะส่งผลต่อสัมพันธภาพที่ดีกับลูก ถ้าสายใยรักภายในครอบครัวสามารถเผื่อแผ่ออกไปสู่สังคมภายนอกได้จะทำให้สังคม มีแต่ความสันติสุข
ถ้าคุณยังมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ โทรมาคุยกับเราได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.กาญจนา สุทธิเนียม
…………………………………………………………………………………………………….
ทำไมไม่มีใครเข้าใจเราเลย อยากให้คนในครอบครัวพูดดีๆกับเราบ้าง อยากให้พ่อเข้าใจ อยากให้ลูกมีอะไรก็มาปรึกษาเราบ้าง ถ้าในครอบครัวเราเข้าใจและรักกันมากกว่านี้เราคงมีความสุขมากๆเลย คำพูดเหล่านี้มีให้ได้ยินกันทุกวัน และคำพูดเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยถ้าคุณใช้ภาษาดอกไม้ในการพูดคุยกัน กรมสุขภาพจิตมีคำแนะนำดีๆที่เป็นประโยชน์กับคุณที่จะมีวิธีการที่จะพูดคุยสื่อสารในครอบครัวให้เข้าใจกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดังนี้คะ
1. ลำดับแรกคงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ เน้นที่ภาษาพูด เราต้องคิดว่า เราต้องการคำพูดแบบไหน คนอื่นเขาก็ต้องการแบบนั้นแหละคะ เราต้องการได้ยินคำพูดที่ฟังแล้วรื่นหู แสดงความห่วงใย เข้าใจกัน ให้ความสำคัญกับเรา ก็ควรต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน หลายคนจะเห็นว่าสมาชิกในครอบครัวจะมีลักษณะพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นคำพูด ท่าทางจะคล้ายๆกัน ซึ่งสอดคล้องกับที่คำโบราณที่กล่าวว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวอะไรทำนองนั้นและสิ่งที่เราพูดออกมาความชัดเจน บอกให้ตรงกับความรู้สึกของเราที่รู้สึกจริง เช่น สามีกลับดึกเราห่วงเขาก็บอกเขาตรงๆ ว่าห่วง
2. ลำดับถัดมาคงเป็นภาษากายคะ การสบตา การสัมผัส หรือแม้แต่การโอบกอด การจับมือ ล้วนแต่เป็นภาษารักทั้งสิ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกผูกพัน ความห่วงใย ความจริงใจของสมาชิกในครอบครัวที่มีต่อกัน
3. และเป็นธรรมดาคะสมาชิกในครอบครัวก็เหมือนลิ้นกับฟันที่อาจจะมีข้อขัดแย้งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา คะ อับดับแรกคงต้องต้องเลี่ยงไม่เผชิญหน้าในขณะที่อารมณ์เดือดอยู่ คงจะต้องรอให้อารมณ์เย็นลงก่อนแล้วค่อยหันหน้ามาคุยกันด้วยเหตุด้วยผลและหมั่นนึกถึงสิ่งดีๆที่เขาเคยทำให้กับเรา จะช่วยทำให้อารมณ์ร้อนๆกลับมาเย็นขึ้นได้
แต่ที่สำคัญนะคะคุณต้องตั้งสติและค่อยๆทบทวนอย่างเป็นกลางดูนะคะว่าเรื่องที่พูดกันไม่เข้าใจเรามีส่วนบกพร่องและต้องแก้ไขอะไรบ้าง หรือลองนึกถึงส่วนดีๆของเขา คิดว่าขอกันทานมากกว่านี้ ปัญหาเหล่านี้ก็จะค่อยๆคลี่คลายไปคะ และถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.กาญจนา สุทธิเนียม
…………………………………………………………………………………………………….
รายได้ไม่พอกับรายจ่าย บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ เป็นประโยคที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ในยุคเศรษฐกิจที่กำลังรัดตัวแบบนี้ หนี้สินเป็นปัญหาที่หลายๆคนและหลายๆครอบครัวรู้สึกว่าแก้ไม่ตก บางคนหนีปัญหา พยายามทำร้ายตนเองและสมาชิกครอบครัว แต่เชื่อไหมคะว่าแทนที่ปัญหาจะคลี่คลายแต่กลับกลายเป็นการเพิ่มปัญหาใหม่ให้กับครอบครัวไปเรื่อยๆไม่รู้จักจบสิ้น กรมสุขภาพจิตมีคำแนะนำดีๆที่เป็นประโยชน์กับคุณที่จะจัดการกับปัญหาหนี้สินของครอบครัวได้ ดังนี้คะ
1. เรื่องหนี้สินเป็นเรื่องใหญ่ที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวควรทราบสถานการณ์คะ เพราะปัญหานี้ครอบครัวเราต้องร่วมด้วยช่วยกันทุกคน ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบ นอกจากจะทุกข์ใจอยู่คนเดียวและอาจจะมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ใครจะรู้
2. วางแผนการบริหารเงินร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ดูซิว่าครอบครัวของเราจะเพิ่มรายได้...ได้อย่างไรบ้าง การใช้เงินหรือการออมเงินตรงนี้ก็สำคัญเราคงต้องรัดเข็มขัดกันในช่วงเวลาหนึ่ง หรืออาจมีการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อเห็นสถานภาพทางการเงินของครอบครัวที่ชัดเจน เพื่อที่สมาชิกในครอบครัวจะได้ช่วยกันลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ตลอดจนต้องช่วยการวางแผนในการประนอมหนี้คะ อาจเข้าไปพบกับเจ้าหนี้พูดคุยตกลงกัน หรืออาจไปปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เพื่อหาช่องทางในการประนอมหนี้ห้ามใช้วิธีการกู้เงินนอกระบบเข้าเป็นตัวช่วยเด็ดขาดเพราะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาแต่จะเป็นการเพิ่มปัญหาที่อาจจะหนักกว่าเดิมก็ว่าได้
แต่ที่สำคัญนะคะคุณต้องตั้งสติและค่อยๆช่วยกันคิด ค่อยๆช่วยกันแก้ปัญหาไป ปัญหาก็จะค่อยๆคลี่คลายไปคะ และถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
กนกอร พิพิธกุล
………………………………………………………………………………….……………………
สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ที่มีลูกวัยรุ่นคงมีน้อยครอบครัวนักที่พ่อแม่กับลูกวัยรุ่นจะไม่มีปัญหากัน การดูแลเลี้ยงลูกวัยรุ่นสมัยนี้ค่อนข้างต้องใช้ความละเอียดอ่อนมากซึ่งหลายครอบครัวคงเจอปัญหาที่ไม่แตกต่างกัน ลองให้คุณพ่อ คุณแม่ มาลองเปิดใจคุยกันปัญหาจะคล้ายๆกันซึ่งบางครอบครัวก็จะรู้สึกเครียดและไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร บางครอบครัวถึงกับต้องปรึกษาจิตแพทย์ ครอบครัวเป็นส่วนที่สำคัญมากเพราะเทคนิคการอบรมเลี้ยงดูลูกในแต่ละครอบครัวก็ย่อมแตกต่างกันออกไป พ่อแม่ต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของวัยรุ่น เพราะเป็นวัยที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อ่อนไหวง่าย บวกกับความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ต้องการเป็นอิสระ และ ต้องการเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆมากกว่าคนในครอบครัว แนะคุณพ่อ คุณแม่ อยากเห็นลูกวัยรุ่นอนาคตสดใส ต้องให้ความสำคัญต่อครอบครัวด้วยโดยเฉพาะครอบครัวที่กำลังมีลูกเป็นวัยรุ่น การสร้างความเชื่อใจต่อวัยรุ่นและความต้องการของวัยรุ่น โดยการสื่อสารของพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่นเป็นสิ่งที่หลายท่านมองข้ามไป โดยสื่อสารยังไงให้วัยรุ่นเข้าใจ การสื่อสารของพ่อแม่ ควรมีการกลั่นกรองให้เหมาะสม พูดด้วยน้ำเสียง สีหน้า ท่าทางที่เป็นการแสดงความรักความห่วงใยเสมอ ไม่ควรพูดจาประชดประชัน เปรียบเทียบ ใช้อารมณ์หรือพูดซ้ำซากในสิ่งที่ผ่านมา ควรพูดกับลูกในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน หากมีอารมณ์โกรธควรรู้จักควบคุมอารมณ์ และหากทำไม่ได้ควรเดินหนีไปจากสถานการณ์ก่อน
· พูดตรงไปตรงมา บอกความต้องการที่เราอยากให้ลูกทำให้ชัดเจน ด้วยท่าทีที่นุ่มนวล เห็นความสำคัญของลูก ทำให้ลูกเกิดกำลังใจ และเป็นแรงผลักดันให้ลูกเกิดความมั่นใจ และรู้สึกว่าตนมีคุณค่า
· สิ่งที่พ่อแม่ควรต้องทำ เปิดโอกาสให้ลูกได้พูดก่อน รับฟังจนจบด้วยท่าทีที่สนใจ ระหว่างลูกพูดไม่ควรด่วนสรุป ตัดสินเสนอแนะวิพากษ์ วิจารณ์ ออกความคิดเห็นหรือสั่งการ ควรเคารพในความคิดเห็นของลูก แต่รอโอกาสสั่งสอนหรือตักเตือนโดยสอดแทรกตาม สถานการณ์ที่พาไป และทำให้ลูกรู้ว่า ทุกๆ คนมีความคิดเห็น หรือแต่ละคนอาจคิดไม่เหมือนกันหากชักจูงลูกควรอยู่ในพื้นฐานของการแสดงความคิดเห็น ร่วมกันกับลูก ไม่ใช่ตัดสินชี้ขาดโดยพ่อแม่ฝ่ายเดียว
· การสื่อสารลูกเป็นการทำความเข้าใจ บอกความต้องการกันและกัน จะช่วยลดการขัดแย้ง และแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรงภายในครอบครัว ทำให้ลูกเกิดการรับรู้ไปในตัวว่าเขาสามารถที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้โดยมีครอบครัวเป็นที่ให้คำปรึกษาอย่างดี
ประการต่อมาต้องมองว่าอนาคตของลูกก็คือของลูก พ่อแม่เป็นได้แค่คนเกื้อหนุน อนาคต และคอยชื่นชม เมื่อลูกประสบความสำเร็จในเรื่องที่ลูกทำ มีอาชีพที่ลูกอยากเป็น มีความสุขที่ลูกต้องการ ต้องคิดอยู่เสมอว่าความสำเร็จ อาชีพ หรือ ความสุขที่พ่อแม่อยากมีจากลูก อาจไม่ใช่สิ่งที่ลูกต้องการก็ได้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ ต้องเริ่มถามตัวเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้ว่า คำจำกัดความว่าอนาคตของลูกคืออะไร"
ประเด็นนี้จะสอดคล้องกับกระแสเรื่อง ความสำเร็จ ทางการศึกษาว่าทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จในเชิงของอาชีพได้ และนอกจากนี้เด็กควรมีความสำเร็จในด้านอื่นด้วย โดยเฉพาะในด้าน ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับคนรอบตัว นอกจากจะยืนด้วยลำแข็งตัวเองได้แล้ว ก็ยังสามารถหันกลับไปมองพ่อแม่ และยิ้มให้แก่กันด้วยความรู้สึกจริงใจ และมีความสุข มีเพื่อน ที่รู้สึกว่าทุกคนรักเขา และเขาเองก็รักผู้คนด้วย "คุณหมอย้ำว่า" ทุกเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกัน หากมีอาชีพที่ดี แต่ว่าครอบครัวเพื่อนฝูง ไม่รักเขาเลย หรือมีอาชีพไม่ดี แต่เป็น ความสุขของเขา ครอบครัวและเพื่อนฝูง ก็รับไม่ได้ เขาก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน เพราะฉะนั้นประเด็น เรื่องอาชีพ และ เลือกเส้นทางอนาคตทางการศึกษาของลูก ต้องมองทางป้องกันและสิ่งที่จะตอบสนองแต่ละด้านอย่างเพียงพอด้วย" " พ่อแม่มักจะมาหาหมอด้วยปัญหาที่ว่า ลูกวัยรุ่นดูแลยาก และมีความคิดว่าลูกคิดไม่เป็น ที่เป็นอย่างนี้เพราะพ่อแม่เห็น ภาพลูกวัยรุ่นที่นิยมทำตามกระแส ใส่เสื้อสายเดี่ยว เที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เหมือนไม่คิดถึงอนาคตที่ยาวไกล ฉะนั้นพ่อแม่จึง ต้องชี้นิ้วสั่งให้ลูกทำตามอย่างที่อยากให้ทำ ตรงนี้ทำให้ลูกเกิดการต่อต้าน เป็นปัญหาตามมา" คุณหมอจึงเสนอให้พ่อแม่ใช้เวลาในการมองหาอนาคตร่วมกันกับลูกมากพอสมควร โดยพยายามให้เกียรติลูกในการเลือก ตัดสินใจ และถ้าลูกมีข้อมูล มีเหตุผลที่ดีกว่าในการบอกพ่อแม่ได้ว่าด้วยเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงตัดสินใจอย่างนี้ พ่อแม่ก็ต้องรับฟัง แล้วหลังจากนั้นจึงมีการติดตามผลกันไปเป็นระยะๆ "ให้พ่อแม่คิดว่า การตัดสินใจเลือกเส้น ทางของ อนาคตสำหรับวัยรุ่นบางคน ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินถูกผิดได้ในเวลาสั้นๆ แต่การใช้เวลาในแต่ละช่วง แต่ละวัน ที่ผ่านไปว่า นั่นคือสิ่งที่ค่อยๆ สอนทั้งตัวลูกและตัวพ่อแม่ให้เข้าใจกันและกัน และมองเห็นอนาคตร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น" และพ่อแม่ต้องคำนึงถึงปัจจุบันของลูกด้วย เพราะปัจจุบันเป็นรากฐานที่สำคัญของอนาคต ไม่ว่าลูกจะเป็นคนเก่งหรือไม่ จะเป็นคนสำเร็จหรือไม่ พ่อแม่ยังคงให้ความรักเขา อำนาจความรักความผูกพันของพ่อแม่ จะเหนี่ยวรั้งความเป็นวัยรุ่นลง ลดความรู้สึกฮึกเหิม ลดความรู้สึกอยากจะเกเรลง และกลับไปสู่ทิศทางที่มีอนาคตที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อยากให้พ่อแม่คำนึง อยู่ตลอดเวลาว่าการที่ลูกอาจจะหลงทางบ้างในช่วงเวลาที่เป็นวัยรุ่น ไม่ได้แปลว่าลูกจะล้มเหลวในชีวิตอย่างสิ้นเชิง ความสำเร็จ เป็นของลูก ไม่ได้หมายความแค่การเลือก แต่รวมไปถึงว่าลูกมีความสุขในชีวิตด้วย องค์ประกอบที่สำคัญอีกเรื่องคือ ความฉลาดทางอารมณ์ เด็กต้องรู้และเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และจัดการกับ ความรู้สึก ของเขาได้ และสามารถเข้าใจ ความรู้สึกของคนอื่น รวมทั้งปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ด้วย นี่คือความสุข และความสำเร็จ ของคนคนหนึ่ง " คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น หมายความว่า เขาสามารถจะดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างพอประมาณ ปรับตัวเข้ากับ คนได้ ยิ้มแย้มกับคนในบ้านได้ ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม และคนอื่นๆได้ ซึ่งเขาจะมีความสุขและมี ความสำเร็จในชีวิต ดีเสียยิ่งกว่าคนที่มีอาชีพสูง มีเงินรวยๆเสียอีก เพราะความสุขกับความสำเร็จต้องไปด้วยกันเสมอ" โดยพ่อแม่ต้องยอมรับก่อนว่า สิ่งที่ลูกเลือกทำนั้นเป็นความสุขของลูก แล้วก็ต้องทำใจด้วยว่าพร้อมยินดีที่จะมีความสุข ชื่นชมกับสิ่งที่ลูกต้องการ "วิธีแก้ไขไม่ยากคือ พ่อแม่ต้องเริ่มต้นคุยกับลูก ถ้าลูกกำลังกังวล สับสน หรือรู้สึกลูกคิดไม่เป็น พยายามเข้าใจลูก คุยด้วย เหตุผล ฟังลูกพูดให้จบ โดยไม่ใช้อารมณ์ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องใช้คำถามปลายเปิดให้ลูกคิด และช่วยหาทาง เลือกอื่นให้ลูก โดยบอกถึงผลของทางเลือกที่จะเกิดด้วย และเมื่อสิ่งที่ลูกเลือกไม่ได้ทำให้ชีวิตเลวร้าย ล้มเหลวจนเกินไป ต้องให้ลองดู เพราะเป็นสิ่งที่ลูกตัดสินใจ แต่เมื่อพลาด พ่อแม่ต้องคอยให้กำลังใจ ต้องยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้น ให้เด็กได้เรียนรู้ ด้วยตัวเอง"
กฤษฎา ชลวิริยะกุล
…………………………………………………………………………………………………..
การรู้จักตนเอง คือ การรู้ว่าเราคือบุคคลที่มีค่า การเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสร้างประโยชน์ต่อตนเอง และสังคม และนั่นก็เรียกว่า การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์
ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากตามระยะเวลา ตามความเจริญทางวัตถุ ตามการกระทำของมนุษย์ เมื่อสังคมทางวิทยาศาสตร์เจริญมากขึ้น ความเจริญทางด้านจิตใจก็จะลดน้อยลงเป็นธรรมดา เราจึงต้องปลุกเรียกความงามของจิตใจจากภายในของเราทุกๆคนที่มีอยู่แล้วออกมาใช้เพื่อการแก้ไขปัญหา และสร้างสรรค์โลกใหม่ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เรียกความสุขกลับคืนมา ด้วยการรู้จักตนเองที่แท้จริง ด้วยการเลี้ยงลูกให้รู้จักตนเอง เพราะความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตคือการมีความสุข สงบ และพอใจในชีวิตใช่หรือไม่คะ
พ่อแม่เป็นผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ หากได้เข้าใจการมีชีวิตอย่างมีคุณค่า เข้าใจว่าการเป็นผู้สร้างต้องมีความรู้สึกของความรับผิดชอบ ความรักและละวาง ความเสียสละ อดทน อดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ ปรารถนาดี ให้อภัย ซื่อตรง อ่อนโยน เยือกเย็น เคารพกันอย่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม เป็นผู้มองการณ์ไกล ยอมรับและปรับตัวในทุกสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เพื่อการสร้างความสำเร็จในการดำเนินชีวิตร่วมกันของทุกชีวิตในครอบครัว ไม่ให้เป็นปัญหาต่อสังคม แต่กลับทำประโยชน์ได้ก็จะช่วยให้สังคมสงบสุข เจริญก้าวหน้า ดังนั้นวิธีการก็ง่ายนิดเดียว ท่านเพียงแต่เป็นพ่อแม่อย่างมืออาชีพ คือ เป็นผู้ให้การเลี้ยงดู อบรม ชี้แนะด้วยความรัก ความเข้าใจ และปรารถนาดีที่บริสุทธิ์ พ่อแม่ต้องการให้ลูกประพฤติตนอย่างไร พ่อแม่ก็ควรเป็นแบบอย่างของความประพฤตินั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เข้าหลักว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจใส่เขา เมื่อยังเล็กช่วยเหลือ และสอนให้เขาทำเป็น ช่วยตนเองได้ เพื่อสร้างความมั่นใจ ภาคภูมิใจในตนเอง สร้างความรับผิดชอบ เมื่อเติบโตแล้วให้โอกาสได้ทำ เรียนรู้ในสิ่งที่เขาปรารถนา เป็นผู้ให้กำลังใจ มองดูอย่างไว้วางใจ ให้คำปรึกษาเมื่อเขาต้องการ ให้ความเป็นอิสระในความคิด
พ่อแม่คือเบ้าหลอมชีวิตและจิตวิญญาณ เป็นชาวสวนผู้ดูแลสวนดอกไม้ให้สวยงาม เป็นจิตแพทย์ผู้เยียวยาตนเอง และครอบครัวในยามสับสนอย่างสร้างสรรค์ เป็นผู้พายเรือพาผู้โดยสารข้ามฟากอย่างปลอดภัย เป็นครู เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคนรัก เป็นได้ทุกสถานะกับทุกคนในครอบครัวอย่างไม่มีขีดจำกัด ตัดอคติ ความหลงทะนงว่าตนเองเหนือกว่า ไม่ควบคุมบังคับให้คนอื่นต้องยอมตาม เป็นผู้ให้ เพราะการให้คือการได้รับกลับมาโดยอัตโนมัติ เป็นผลของการกระทำ
อดีตคืออดีต อนาคตคือความฝัน แต่ปัจจุบันคือความจริงที่จะสร้างอนาคต เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เราไม่สามารถเรียกอดีตกลับคืนมา เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาได้ แต่เป็นเวลานี้ที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะ “เมื่อเราเปลี่ยน ทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนตามเรา” จงเชื่อมั่น ปฏิบัติจริง เพื่อการกลับมาเป็นผู้นำในตนเอง และเป็นพ่อ แม่ ผู้สร้างโลก สร้างความสุขกับสังคม ให้เป็นสวนดอกไม้ที่เบ่งบาน งดงาม ด้วยการรู้จักตนเองว่า เรานั้นมีคุณค่า มีคุณสมบัติพิเศษในตนเอง ดึงสิ่งดีๆที่ตนมีอยู่ออกมาสร้างประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม อย่างภาคภูมิใจนะคะ
ด้วยความปรารถนาดี และความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ขอเป็นกำลังใจแด่ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ยิ่งใหญ่ ทุกๆครอบครัวค่ะ ต้องการขอคำปรึกษาเพิ่มเติม โทร 1323 ค่ะ
ประไพพรรณ นิลวงศ์
…………………………………………………………………………………………………………
คงไม่มีพ่อ – แม่ หรือครอบครัวไหนที่จะไม่เจอปัญหานี้ การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข เป็นสุดยอดปรารถนาของทุกครอบครัว เด็กจะเติบโตอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการอบรมเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัว เด็กเรียนรู้จากคนในครอบครัว หากพ่อ-แม่ หรือคนในครอบครัว มีเหตุมีผล มีการปรึกษาหารือ รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน เด็กที่เติบโตมาในสภาพเช่นนี้ ก็จะรู้จักรับฟัง ความคิดเห็นที่แตกต่างของผู้อื่น ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ กล้าแสดงความคิดเห็นในครอบครัว แม้บางครั้งได้ทำผิดก็กล้าที่จะบอก และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ
เมื่อลูกทำผิดสิ่งแรกที่พ่อ – แม่ ต้องตระหนักก็คือต้องดูให้เหมาะสมกับลูกแต่ละวัย ถ้าลูกโตพอที่จะเข้าใจ ก็ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นผิดหรือไม่ถูกต้องอย่างไร ทำแบบนี้จะเกิดผลอย่างไร ผลเสียจะเป็นอย่างไร ไม่ซ้ำเติม ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่เข้มแข็งในที ด้วยท่าทางที่สงบ มั่นคง แต่เอาจริง ของพ่อ-แม่ จะทำให้ลูกได้เรียนรู้ว่าเป็นเรื่องจริงจัง ที่พ่อแม่ให้ความสนใจ วิธีการเรียกมาพูด ก็ให้เป็นการเฉพาะตัว ไม่ประจานให้ลูกได้อาย และลูกต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
ส่วนวิธีการลงโทษ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้การตีให้เจ็บ ลูกอายุ 0 – 6 ปี ให้ลูกได้เลือกว่าเขาควรจะถูกทำโทษแบบไหน หรือการแยกมานั่งเพื่อให้สงบสติอารมณ์สักพัก เมื่อไหร่พร้อมที่จะคุยกันแบบไม่โกรธแล้ว แม่จะรอลูกอยู่ตรงนี้
เด็กที่โตขึ้นอาจใช้การลดหรืองดสิทธิ์ที่ลูกเคยได้รับ งดทำกิจกรรมที่ชอบ เด็กจะเข้าใจและยอมรับการลงโทษนั้น สิ่งที่ พ่อ – แม่ ต้องระวังอย่าลงโทษลูก ในขณะโกรธ หรืออารมณ์ไม่ดี เพราะอาจจะทำรุนแรงเกินกว่าความผิดที่ลูกได้กระทำ
ขณะเดียวกันเมื่อลูกทำสิ่งที่ดี พ่อ – แม่ ต้องชมเชย ให้รางวัลรวมถึงชมการทำความดีของลูก ให้คนอื่นได้รับรู้ ลูกจะได้ทำความดีต่อ และรู้สึกภูมิใจ
เมื่อลูกทำผิด ก็เป็นโอกาสที่ลูกได้เรียนรู้ พ่อ – แม่ เองก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง พ่อ-แม่ จึงควรสร้างบรรยากาศของครอบครัวที่มีความรัก และการมีเหตุผล ฝึกให้ลูก หัดใช้คำพูด “ขอโทษ” ผู้อื่น เมื่อทำผิดได้ทุกกรณี………. ไม่ยากเกินไปใช่ไหมค่ะ
ถ้าหากรู้สึกคับข้องใจ ไม่สบายใจ ให้โทรมาได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.กาญจนา สุทธิเนียม
…………………………………………………………………………………………………..
ลูกเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนรักและต้องการให้เขาเติบโตไปเป็นคนดีของสังคม และก่อนที่เขาจะเติบโตคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องการอีกสิ่งก็คงไม่พ้นการเลี้ยงลูกให้มีอารมณ์ดี ไม่ยากคะแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน กรมสุขภาพจิตมีคำแนะนำดีๆที่เป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่มีวิธีการเลี้ยงลูกให้มีอารมณ์ดี... ดังนี้คะ
1. คงต้องเริ่มจากตัวของคุณพ่อและคุณแม่เป็นอันดับแรกคะ เพราะเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางคุณพ่อคุณแม่ที่มีอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวก และการมีอารมณ์ขันในครอบครัว ...ลูกน้อยย่อมจะมีพฤติกรรมเช่นนั้น ซึ่งทางจิตวิทยามองว่าเด็กจะมีการเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่หรือบุคคลใกล้ชิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ....ถึงคุณพ่อคุณแม่จะพร่ำสอนแต่ลูกไม่เคยเห็นในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนแล้วเด็กจะทำได้อย่างไร
2. นอกจากประการแรกแล้ว....การส่งเสริมให้ลูกมีความยืดหยุ่น รู้จักคำว่ารอ รู้จักการให้ และการรับฟังผู้อื่น การให้อภัย และที่สำคัญคือการยอมรับฟังข้อเสนอแนะของผู้อื่นเพื่อมาพัฒนาตนเอง ประเด็นนี้สำคัญในการส่งเสริมให้ลูกของเราสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้
3. สิ่งที่สำคัญอีกประการณ์คือคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุน เช่น การสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมด้านศิลปะ วาดภาพ ร้องเพลง เต้นรำ หรือจะมีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวเพื่อส่งเสริมให้ลูกได้มีความคิดสร้างสรรค์และมีอารมณ์ศิลปินบ้าง
ที่สำคัญนะคะคุณพ่อคุณแม่การเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยความรัก และพยายามสร้างลูกให้เป็นคนจิตใจดี จะส่งผลให้เขาอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ มีสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง และเป็นที่รักของทุกคน และถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
วราภรณ์ ผาดี
…………………………………………………………………………………………………….
คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนคงอยากให้ลูกเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่ง เกิดขึ้นได้จากการเลี้ยงดูของเรา ดังนี้
1. สร้างบรรยากาศภายในบ้านให้เด็กรู้สึกอบอุ่น ได้แก่ มีความรักใคร่กัน ให้กำลังใจ ชื่นชมยินดี เพื่อให้เกิดแรงจูงใจที่อยากจะพัฒนาตนเองตลอดเวลา
2. ปลูกฝังให้ลูกมองโลกในแง่ดี มองชีวิตมีคุณค่า ฝึกทำประโยชน์ให้ส่วนรวม มองว่าทุกปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆสามารถแก้ไขได้
3. ป้อนคำถาม ฝึกฝนให้ลูกได้เสนอข้อคิดเห็น ที่เหมาะสมตามวัย
4. ฝึกให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต สิ่งแวดล้อมรอบตัว ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ฝึกให้มีความละเอียด รอบคอบ อยากรู้ อยากเห็นในทางที่เกิดประโยชน์
5. ฝึกให้ลูกมีส่วนร่วม ในการทำกิจกรรม ได้สร้างสรรค์จินตนาการ เช่น การวาดภาพ การระบายสี การประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ
6. ฝึกให้ลูกได้คิดเองอย่างอิสระ รับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัว ฝึกการมอบหมายงานให้รับผิดชอบไม่ปิดกั้นโอกาสของลูก โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ให้ข้อมูลและชี้แนะให้เหมาะสมกับวัย
7. คุณพ่อคุณแม่จะไม่พูดตำหนิ หัวเราะ เมื่อลูกพูดหรือแสดงความคิดเห็น หรือทำในสิ่งที่ดูแล้วไม่เกิดประโยชน์ ควรชื่นชมในผลงานของลูก และสอบถามถึงความคิดเห็น ความรู้สึกหรือแรงบันดาลใจของผลงาน เพื่อที่พ่อแม่จะได้ให้ข้อมูล ฝึกให้ลูกได้คิดต่อยอด ในผลงานชิ้นนั้นให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
8. ฝึกให้ลูกได้มองภาพหรือวัตถุในหลายๆมุมมอง หรือหลายมิติ เช่น การมองรูปทรงเรขาคณิตในด้านต่างๆ ว่าเห็นความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จะทำให้ลูกได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง
9. ฝึกให้ลูกได้จินตนาการในสิ่งที่คิดหรืออยากปฏิบัติ โดยไม่กีดกั้น คุณพ่อคุณแม่ทำหน้าที่คอยรับฟัง พร้อมสนับสนุนให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม
10. คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ที่จะช่วยฝึกให้ลูกมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย สามารถดูแลตนเองและรับผิดชอบสังคมได้ในอนาคต
หากคุณยังมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1323
ชลพร กองคำ
…………………………………………………………………..…………………………………
ความสุขสามารถเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญใจที่เป็นสุข จะเกี่ยวข้องกับความคิด อารมณ์ความรู้สึกและมีพฤติกรรมการแสดงออกมาว่ามีความสุข อันดับแรกต้องรู้ว่าความสุขเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา ซึ่งแต่ละคนมีความปรารถนาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการให้ความหมายของความสุขของแต่ละไม่เหมือนกัน แต่ความสุขของเด็กสามารถสร้างได้และยังจุดเริ่มต้นที่ดีของชีวิตมนุษย์ คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีความสุข ดังนี้
1. คุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวต้องเรียนรู้ว่าพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัยก่อน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัว จะนำความรู้นี้ไปปฏิบัติกับลูกได้เหมาะสมเพื่อให้เขามีการพัฒนาเป็นไปตามวัยของเขา เช่น งานของเด็กคือการเล่น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวจะส่งเสริมลูกได้เล่นอย่างปลอดภัยและยังกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีความจำดี มีสมาธิ การเล่นยังช่วยให้เด็กมีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นให้โกทฮอร์โมนทำงานได้ดี เด็กจะมีการเจริญเติบโตรูปร่างสูงขึ้นร่างกายแข็งแรง
2. คุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัว ควรมีการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมอยู่กับเด็ก สอนให้แนวคิดในเชิงสร้างสรรค์กับเด็ก เด็กเล็กจะมีความสุขเมื่อดีรับการสัมผัสกอดรัดจากคุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัว ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกได้รับความรัก ได้รับการยอมรับ รู้สึกไว้วางใจและรู้สึกปลอดภัย
3. คุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัว ควรให้เวลากับลูก รับฟัง สอบถามถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา
4. คุณพ่อคุณแม่ควรมีการเล่าหรืออ่านนิทานให้ลูกฟัง เพื่อปลูกฝังแนวคิดในการมองโลกในแง่ดี ให้เหตุผล ให้ข้อคิด คติที่ได้จากนิทาน
5. คุณพ่อคุณแม่เป็นควรแบบอย่างในการแสดงออกทางพฤติกรรม ความคิดที่เหมาะสม
วัยเด็กถือว่ามีความสำคัญมากที่จะต่อยอดจากเด็กสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ถ้าครอบครัวให้การดูแลที่สอดคล้องกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยจะทำให้การเด็กมีการปรับตัวได้เหมาะสม ส่งผลให้เด็กมีความสุขในชีวิตในวัยเด็กและเรียนรู้ที่นำไปใช้ในวัยถัดๆไปของชีวิตที่จะทำให้ตนเองมีความสุขและบุคคลรอบข้างมีความด้วย
สิริกุล จุลคีรี
……………………………………………………………………………………………………..
ในกรณีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ ตามกฎหมายวัยรุ่นยังอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ปกครอง นอกจากนี้การตั้งครรภ์ไม่พร้อมเป็นปัญหาในวัยรุ่น มีวัยรุ่นคลอด 120,000 คนต่อปี ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เข้าใจว่าพ่อแม่หลายคนคงหนักใจไม่น้อยที่ต้องคอยดูแลลูกสาวให้รักนวลสงวนตัว
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเสี่ยงต่อทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม รวมถึงมีผลทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาตามวัยอย่างเหมาะสมวัย การเรียนรู้เรื่องรักนวลสงวนตัวที่ผ่านตัวอย่างที่เห็นทั้งจากชีวิตจริง และจากจอแก้ว การเห็นคุณค่าของตนเอง ผ่านความรักจากคนในครอบครัว และเพื่อน การมีความสามารถพิเศษที่ภาคภูมิใจรวมถึงการมีเป้าหมายในชีวิต จึงเป็นปัจจัยส่งเสริมคุณค่าการเลี้ยงลูกให้ให้รักนวลสงวนตัวตามวัฒนธรรมที่ดีงาม
หากท่านมีประเด็นที่ต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
สิริกุล จุลคีรี
………………………………………………………………………………………………………
ในสังคมเปิดกว้าง การรักเพศเดียวกันไม่ใช่ความผิด และไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องมีการแสดงออกที่เหมาะสมไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ในทางจิตวิทยาความรักไม่แบ่งแยกเพศ เพราะเป็นอารมณ์และความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันเพียงแต่การที่ชายกับหญิงรักกันนั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณการเจริญพันธ์ เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ ถ้าเขารักเพศเดียวกันแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็สามารถรักได้ ตราบใดที่ลูกยังเป็นลูกของเราและสอนลูกให้มีกิริยาแสดงต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสม ถูกกาละเทสะ ไปไหนจะมีคนรัก เอ็นดู และเมตตา
การทำความเข้าใจโดยการพูดคุยทำความเข้าใจ และปรับตัวเข้าหากัน ยอมรับอารมณ์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ช่วยคลี่คลายไม่ให้เกิดปัญหาที่รุนแรงหรือซับซ้อนมากขึ้น สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขหากท่านมีประเด็นที่ต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
กาญจนา สุทธิเนียม
............................................................................................................................................................
การเสียตัว การเสียสาวให้กับคนรักและคนรักไม่รับผิดชอบ ยังอยู่ในวัยเรียน แค่ได้ยินก็รู้สึกไม่ดีแล้ว และถ้าเป็นลูกสาวของเราละจะทำอย่างไรดีเพราะสิ่งนี้ย่อมส่งผลต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องแน่นอน
ก่อนอื่นถ้าเราเป็นพ่อแม่คงต้องตั้งสติให้ดี...ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วค่อยๆตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี โดยอาจจะเริ่มจากพยายามฟังลูกให้มากๆและฟังอย่างเห็นอกเห็นใจ....บนพื้นฐานความรักของคุณที่มีต่อลูกเพื่อค้นหาปัญหาหรือสาเหตุในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กรณีที่ลูกไม่ได้สมยอม
1. ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้กำลังใจลูก : ว่าอย่าคิดว่าหมดสิ้นไปแล้วเสียทุกอย่าง คิดว่าตนเองไม่ดีหรือไร้ค่า และเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ตำหนิแต่ให้นำประสบการณ์ที่ผ่านมาไปเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้พลาดพลั้งอีกเป็นครั้งที่สองหรือที่สามต่อไป
2. ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและเป็นการป้องกันโรคที่อาจจะเกิดจากเพศสัมพันธ์
3. ควรปรึกษาตำรวจในแง่ของกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ทำผิดกระทำผิดได้อีก
กรณีที่ลูกสมยอม
1. เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ข้อมูลกับลูกว่ายังไม่ถึงวัยอันควร หน้าที่ของลูกขณะนี้คือเรียน ส่วนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์นั้นทุกคนสามารถมีได้แต่ต้องถึงวัยที่เหมาะสมแล้ว เช่น เรียนจบ มีงานทำและสามารถรับผิดชอบชีวิตหรือปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น เรื่องท้อง โรคจากเพศสัมพันธ์ฯ
2. หาทางป้องกันและลดภาวะเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การเอาใจใส่กับลูกให้มากขึ้นเพื่อให้ทราบข้อมูลหรือการเปลี่ยนแปลงกับลูก การให้ข้อมูลเรื่องการป้องกันโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (SAVE SEX) ฯ
การเสียตัวเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ ขอเพียงแต่คุณหันกลับมาสนใจ ใส่ใจกันโดยเฉพาะถ้าครอบครัวของคุณมีลูกที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เชื่อเถอะว่าการสร้างครอบครัวมีความอบอุ่นนั้นจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวมีภูมิคุ้มกัน
หากคุณยังมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.สดใส คุ้มทรัพย์อนันต์
……………………………………………………………………………………………………….
การได้รับข่าวดีของพ่อแม่มือใหม่ จากการตั้งครรภ์และจะมีลูกตัวน้อยๆมาเกิดในครอบครัว เหมือนครอบครัวได้รับของขวัญวิเศษจากสวรรค์ ลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ความรู้สึกของพ่อแม่ เมื่อมีลูกคนแรกเป็นความตื่นเต้น ดีใจ ภูมิใจ สุขใจ แต่อาจจะมีความรู้สึกวิตกกังวลด้วยว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี ให้ปลอดภัย ให้ฉลาด ให้มีความสุข รวมถึงกังวลถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องจัดเตรียมให้แก่ลูกคนแรก พ่อแม่มือใหม่หลายๆคู่ ไม่สามารถฝ่าฝันวิกฤติจากการมีลูกคนแรกไปได้จะทะเลาะหรือหย่าร้างและละทิ้งหน้าที่การเป็นพ่อแม่มือใหม่ไป เพราะไม่สามารถปรับตัวกับชีวิตครอบครัวใหม่ได้ พ่อแม่บางคนมีปัญหาชีวิตที่ติดตัวมามากจนไม่สามารถแก้ไขได้ และรู้สึกยากลำบากเมื่อมีลูกใหม่ พ่อหรือแม่บางคนเห่อลูกใหม่จนลืมหน้าที่สามี-ภรรยาไป ทำให้คู่สมรสรู้สึกน้อยใจ อิจฉาลูก และมองว่าตนเองไม่มีคุณค่า การเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่มีลูกมีปัญหาทางพัฒนาการ อารมณ์ หรือปัญหาพิการทางกาย-จิต จะมีความยากลำบากในการเลี้ยงลูกมากกว่าครอบครัวปกติ ทำอย่างไรให้พ่อแม่มือใหม่ฝ่าฟันวิกฤติครอบครัวไปได้ด้วยดี สำหรับการรับมือกับการมีลูกคนแรก กระทำได้ โดย
- ให้ความรัก ความเข้าใจตามพัฒนาการของเด็กตามวัย
- ค้นหาวิธีการเลี้ยงดูลูก จากการสอบถาม “ผู้รู้” เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย
- ศึกษาจากเอกสาร ตำรา วิธีการเลี้ยงลูก
- เตรียมเสื้อผ้า ของเล่น ที่นอน อาหาร ปัจจัยสี่ให้ครบ และควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- เตรียมค่าใช้จ่ายไว้สำหรับส่วนเกินที่จะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของลูก
เมื่อเตรียมสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วสิ่งสำคัญที่ควรเตรียมไว้สำหรับพ่อแม่มือใหม่ คือ ความรัก ความเมตตา การสัมผัส กอด หอม พูดคุย หยอกล้อ เป็นเพื่อนเล่นแก่ลูกบ่อยๆ ความเป็นพ่อแม่ควรทำหน้าที่ได้หลายๆอย่าง เช่น เป็นเพื่อน เป็นครู เป็นพยาบาล เป็นคนรับใช้ ที่รวมตัวอยู่ในพ่อแม่มือใหม่ เพื่อเติมเต็มความเป็นมนุษย์ให้ลูกตัวน้อยได้เติบโตเป็นเด็กที่เก่ง ดี และมีความสุข
ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
กาญจนา สุทธิเนียม
.............................................................................................................................................................
ในการดำเนินชีวิตคู่นั้นใช้ความรักเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้คู่สมรสมีความสุขได้อย่างยั่งยืนเพราะเมื่อความรักจืดจางอาจส่งผลให้ชีวิตคู่ล้มเหลวได้ สามี/ภรรยามือใหม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อจะต้อนรับชีวิตคู่ป้ายแดงอย่างมีความสุข โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้
1. การรู้เขารู้เรา การพูดคุยทำความรู้จักกันให้มากทั้งเรื่องนิสัยใจคอ ชอบหรือไม่ชอบอะไรข้อดีข้อเสีย ความคิดความเชื่อ ฯลฯ และลองถามตัวเองสิว่าถ้าต้องอยู่กับสิ่งเหล่าไปอีกหลายสิบปีเราจะทนกับสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่
2. รู้จักครอบครัวและคนรอบข้าง ซึ่งครอบครัวและคนรอบข้างนั้นล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้นเพราะบุคคลเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตครอบครัวมีความราบรื่น
3. การเตรียมใจว่าต่อไปนี้เราคงจะไม่อิสระในการตามใจตนเองได้เหมือนเดิมอีกแล้วเพราะจะมีอีกหนึ่งคนที่จะเข้ามาในชีวิตเรา แล้วก็มาแบ่งปันเวลาและการดำเนินชีวิตทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้อิสระเต็มที่เหมือนเก่า
4. การเตรียมตัวก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะจากการที่เคยอยู่คนเดียวแต่ต้องมีคนอีกหนึ่งคนมาอยู่ด้วย คงต้องมีการพูดคุยและวางแผนในประเด็นต่างๆ ดังนี้
- ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลง เช่น ภรรยามือใหม่อาจจะต้องหัดทำอาหารเพื่อให้สามีรับประทาน สามีที่ชอบเที่ยวกลับดึกอาจจะต้องกลับบ้านให้เร็วขึ้นเพื่อมาช่วยภรรยาทำงานบ้าน
- ที่อยู่อาศัย “ บ้าน” เป็นเรื่องที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง หลังแต่งงานแล้วจะอยู่ที่ไหน จะอยู่ร่วมกับครอบครัวเดิมหรือแยกครอบครัว จะเช่าบ้านอยู่หรือจะซื้อใหม่ สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องพูดคุยตกลงกันตั้งแต่แรกๆ
- เงิน เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญก็ว่าได้ ควรตกลงกันว่าใครจะเป็นคนถือเงิน จะเก็บออมกี่ส่วนดี และใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เงินทองเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร เพราะฉะนั้นเป็นประเด็นที่ต้องบอกกันก่อนเป็นการป้องกันปัญหาที่จะตามมา
- เวลา สำคัญสำหรับสามี/ภรรยาป้ายแดงอย่างพวกเรา ควรคุยกันนะว่าว่าเราจะมีเวลาให้แก่กันแค่ไหน เวลาส่วนตัวละมีเท่าไหร่ถึงดีและเวลาสำหรับครอบครัวเดิมของแต่ละคนละจะวางแผนอย่างไรเพื่อให้ลงตัว หลายคู่ไม่สามารถแบ่งเวลาได้เหมาะสมก็สร้างความขัดแย้งในชีวิตคู่ได้
- ลูกที่เขากันบอกว่าเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่ในความจริงแล้วสามี/ภรรยาป้ายแดงอย่างเราๆก็ควรจะมีการวางแผนร่วมกัน เพราะถ้าโซ่ทองมาในเวลาที่ไม่พร้อมชีวิตคู่ก็พังได้เช่นกัน
- และประการสุดท้ายเมื่อเราตัดสินใจแล้วที่จะใช้ชีวิต ก็ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งเราและเขา เช่น การเอาอกเอาใจ การตามใจอาจจะไม่เท่าเดิม ข้อเสียที่ไม่เคยพบเจอขณะเป็นคู่รักก็มีมาให้เห็น อาจไม่หวานชื่นเหมือนขณะเป็นคู่รัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแต่ก็มิได้หมายความว่าความรักของเรานั้นจะหมดไป และอยากให้หลายๆคู่ที่อาจจะเริ่มๆจะมีปัญหา....ให้นึกถึงวันเก่าๆที่เราเคยรักกันมันจะทำให้เราพยายามที่ปรับตัวใหม่เพื่อเข้าหากันเพื่อจะประคับประคองชีวิตรักของเราให้ยืนยาวต่อไป
หากคุณยังมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
มานิจ คณาธรรม
.................................................................................................................................................................
การครองคู่อยู่กินกันมาระยะเวลาหนึ่งซึ่งอาจนานหลายปีหรือหลายสิบปี ย่อมต้องมีเรื่องขัดข้องหมองใจกันบ้าง เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว พ้นระยะรันอินหรือเลยเวลาป้ายแดงมานานย่อมต้องมีอะไหล่บางตัวสึกหรอชำรุดไปบ้างเป็นธรรมดา
เคล็ดลับในการที่จะประคองความรักให้ยืนยงคงอยู่กันอย่างยาวนาน รักษาสถาบันครอบครัวให้มั่นคงยั่งยืนตลอดไป เพื่อความสุขของท่านและบุตรหลาน มีวิธีการง่ายๆ ดังนี้
1. ให้ความรัก ต้องมีความรักให้กันและกันอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีข้อแม้หรืออคติใดๆและต้องเป็นความรักที่เกิดจากจิตใจที่บริสุทธิ์มิใช่การเสแสร้ง
2. มีความซื่อสัตย์ ภักดีต่อกันเสมอต้นเสมอปลาย
3. ต้องรู้จักถนอมน้ำใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นรากฐานของการใช้ชีวิตคู่
4. ต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแสดงอาการเย็นชา อีกฝ่ายก็ต้องใจเย็นๆไม่โวยวาย หรือถ้าฝ่ายหนึ่งมีอารมณ์โกรธเป็นไฟ อีกฝ่ายหนึ่งต้องเป็นน้ำเย็นค่อยๆลูบค่อยๆพูดจากัน
5. ต้องรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักเลือกเวลาพูดให้ถูกจังหวะ มีวาจาที่ไพเราะเสนาะหู รู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนควรตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังพูดหรือต้องการให้ทราบ
6. เสน่ห์ปลายจวัก ต้องรู้จักทำอาหารให้มีรสชาติอร่อย สะอาดปราศจากพิษภัย สมาชิกในครอบครัวติดใจ ต้องการกลับมารับประทานที่บ้านเป็นประจำ ข้อนี้ไม่สงวนเฉพาะฝ่ายภรรยาเท่านั้น แต่กับฝ่ายสามีเองก็ต้องรู้จักปรับปรุงตัวเองเพื่อให้มีความสามารถในด้านนี้ด้วย
7. เป็นที่ปรึกษาที่ดี ทำตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นน้องสาวและเป็นที่ปรึกษาได้ตามกาลเวลาที่เหมาะสม โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องรู้สึกหงอยเหงา อ้างว้างบ่อยๆ
8. เอาใจใส่สัมผัสร่างกายของกันและกันในบางโอกาส โดยเฉพาะถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเหน็ดเหนื่อยกลับจากการทำงานมาใหม่ๆ อีกฝ่ายต้องให้ความสนใจ ยกน้ำเย็นให้ดื่ม สัมผัสนวดกล้ามเนื้อเบาๆเพื่อการผ่อนคลายความเมื่อยล้า พูดจานุ่มนวลสอบถามสารทุกข์สุขของเขาหรือของเธอด้วยความเอาใจใส่
9. ศึกษาเกี่ยวกับการสร้างความสุขทางเพศสัมพันธ์ให้อีกฝ่ายเกิดความพึงพอใจ ประทับใจอยู่เสมอ เช่น การปรับเปลี่ยนสถานที่หลับนอน การเปลี่ยนท่วงท่าลีลา การแต่งตัวกึ่งโป๊กึ่งเปลือย หรือการเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมในบางโอกาส เป็นต้น
การครองชีวิตคู่ด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน โดยไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งนั้น นับเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะที่ท้าทาย มีคู่สามีภรรยาที่ประสบความสำเร็จมากมาย ที่ครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีความรักความเข้าใจกันจนมีลูกมีหลานไว้เชยชมเต็มบ้านเต็มเมือง
ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
กาญจนา สุทธิเนียม
.............................................................................................................................................................
การใช้กำลัง/พฤติกรรมรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในครอบครัว แต่ถ้าเราต้องอยู่กับสามี/ภรรยาที่ชอบใช้กำลังละเราควรทำอย่างไร พฤติกรรมรุนแรงในครอบครัวมีความรุนแรงหลายระดับตั้งแต่น้อยไปจนถึงรุนแรงมาก เช่น การพูดจากระทบกระเทียบ การด่าว่า การทุบตี การใช้อาวุธ ฯลฯ และถ้าเราต้องหย่ากับสามีและภรรยาที่ชอบใช้กำลัง ควรปฏิบัติ ดังนี้
ถามใจตนเองก่อนนะคะขณะนี้ตนเองรู้สึกอย่างไรกับสามี/ภรรยา ความรู้สึกของเรายังรักเขาเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าตอบว่าใช่ เราควรปฏิบัติ ดังนี้
1. เปิดใจคุยกันกับคู่สามี/ภรรยาของตนเองว่าเรามีความรู้สึกอย่างไรต่อพฤติกรรมรุนแรงหรือการใช้กำลังแบบนี้ ให้โอกาสและเวลากับสามี/ภรรยา เพื่อให้เขาปรับตัว และหาแนวทางในการพบกันครึ่งทางหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของแต่ละฝ่ายเพื่อให้ชีวิตคู่ยืดยาวต่อไป
2. ถ้าคุยกันแล้ว เปิดใจกันแล้วก็ยังเหมือนเดิม อาจต้องใช้ตัวช่วยคะ คงต้องหาคนที่เราไว้วางใจ ไว้ใจได้ และสามารถจะช่วยเราในการเจรจาได้เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอีกประการหนึ่งที่อาจจะต้องใช้การสังเกต คือพฤติกรรมรุนแรงเป็นพฤติกรรมเดิมของสามี/ภรรยาใช่หรือไม่ หรือเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งกรณีหลังนี้อาจจะต้องมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ช่วยประเมินว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ สมควรต้องได้รับการรักษาหรือไม่
แต่ถ้าเราตอบว่าทนไม่ไหวแล้ว ตรงนั้นก็อาจจะต้องเลือกสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและดีที่สุดเท่าที่เราจะเลือกได้ ซึ่งคำตอบคิดว่าคงมีในใจกันทุกคน
หากคุณยังมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
กาญจนา สุทธิเนียม
.............................................................................................................................................................
ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ถ้าไม่มีงานทำเลยคิดว่าครอบครัวคงอยู่ไม่ได้แน่นอน แต่พอมีงานทำมีเงินมากก็ไม่ได้ช่วยให้ครอบครัวอยู่ได้อย่างมีความสุขเช่นกัน ถ้าครอบครัวไหนที่มีสามี/ภรรยาบ้างานจนลืมไปว่าตนเองมีภรรยา/ลูกแล้วนะไม่ใช่โสด วันๆทำแต่งานไม่โงหัวขึ้นมามองใคร และถ้าคุณมีสามี/ภรรยาเข้าข่ายนี้คุณควรปฏิบัติ ดังนี้
1. ประการแรกควรคิดในแง่บวก เขาไปทำงานดีกว่าไปมีคนอื่นหรือไปสร้างปัญหาหรือเป็นหนี้เป็นสินและอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ ครอบครัวก็จะได้สบายมีเงินมีทองใช้อย่างไม่ขัดสน คิดได้อย่างนี้จะทำให้เราสบายใจขึ้น
2. หาเวลาที่จะพูดคุยกัน สื่อสารบอกความต้องการซึ่งกันและกัน และเรื่องการแบ่งเวลาให้แก่กัน ซึ่งเวลาจะผ่านไปเร็วมากและเราไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ และการแบ่งเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ครอบครัวอบอุ่น สมาชิกมีความเข้าอกเข้าใจกันและอยากให้รู้ไว้นะคะว่ามีเงินมากไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะทำให้ครอบครัวอบอุ่นหรือมีความสุขอย่างที่ทุกคนต้องการ
3. หาข้อตกลงร่วมกันดีไหมคะว่า ครอบครัวของเราจะมีวันครอบครัวหรือวันที่ทุกคนในครอบครัวจะมีกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นวันไหนหรือทุกวันเท่าที่ครอบครัวของเราจะทำได้ เช่น ทุกวันอาทิตย์จะรับประทานอาหารเย็นหรือมีกิจกรรมร่วมกัน หรือจะใช้วิธีไหนในการสื่อสารกันในครอบครัวเพื่อไม่ให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกว่าโดดเดี่ยว
อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมคนที่สำคัญที่สุดของคุณ และหากคุณยังมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
กันต์กร กาใจ
............................................................................................................................................................
ในยุคปัจจุบัน มีพ่อหรือแม่ หลายคนที่ต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในขณะเดียวกัน ซึ่งการทำหน้าที่นั้นอาจเกิดจากความจำเป็นบางอย่าง เช่น พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเสียชีวิต หรือเกิดจากการหย่าร้างและแยกกันอยู่ของคู่สามีภรรยา ภาระการดูแลบุตรจึงตกอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งแล้ว สิ่งสำคัญ คือพ่อหรือแม่ที่ต้องรับภาระและทำหน้าที่ดูแลบุตรเพียงตามลำพัง ควรปฏิบัติ คือ
1. การยอมรับความจริง การอยู่กับความเป็นจริงเป็นวิธีการทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมและเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นผู้ดูแลบุตรเพียงลำพัง หากเราปรับตัวได้ไวก็จะทำให้เราสามารถวางแผนในการดำเนินชีวิตของเราต่อไปได้เร็วเช่นกัน และจะใช้เวลาอยู่กับอดีตไม่นาน เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
2. การจัดสรรเวลา การจัดสรรเวลาของพ่อแม่ที่เลี้ยงบุตรตามลำพังเพียงคนเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่จะทุ่มเทไปที่ลูก โดยเฉพาะลูกที่ยังเล็กๆ อยู่ ต้องดูแลกันตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน (พาอาบน้ำ แต่งตัว ทำอาหาร พาไปโรงเรียน สอนการบ้าน เป็นต้น) และการออกไปทำงานนอกบ้าน ดังนั้นการจัดตารางเวลาในแต่ละวันควรจัดให้เกิดความสมดุล อย่าลืมที่จะแบ่งเวลามาดูแลตนเองและพักผ่อนอย่างเพียงพอด้วยเช่นกัน
3. การดูแลจิตใจ การดูแลจิตใจของตนเอง แน่นอนปัญหาในแต่ละวันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แต่อย่าลืมว่าทุกปัญหามีทางออกและหนทางที่จะแก้ไข เพียงแต่ตั้งสติและกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ สิ่งไหนที่ให้อภัยตนเองและผู้อื่นได้ก็ควรจะทำ หากคุยกับตนเองแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ ควรที่จะหาผู้ช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาจากผู้อื่นทั้งในและนอกสถานบริการของรัฐ
4. การพักผ่อนควรนอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และควรหากิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบทำอย่าง เช่น ปลูกต้นไม้ เย็บปักถักร้อย อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการชาร์ตแบตเตอร์รี่ให้กับตนเอง
5. การออกกำลังกายควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะทำให้สารเอ็นโดรฟีนหลั่ง ซึ่งสารเอ็นโดรฟีนเป็นสารตั้งต้นของความสุข การออกกำลังกายก็เหมือนการนำเอาความทุกข์ที่มีอยู่ในตัวเราออกไป ทำให้การนอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น
6. การปฏิบัติธรรม การทำจิตใจให้สงบ มีสติตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรมซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนนำพาชีวิตของเราไปสู่เป้าหมายที่วางไว้และจะเกิดผลสำเร็จได้ ด้วยสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา เวลามีสิ่งไหนมากระทบทำให้อารมณ์เราขุ่นมัว โดยเฉพาะการดูแลลูกซึ่งต้องเจอปัญหามากมาย ความท้อหรือความเหน็ดเหนื่อยจะทวีคูณเป็นสองเท่า การที่เรามีสติจะทำให้เราหันมาอยู่กับปัจจุบันและสามารถดึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่พอใจหรือเสียใจในช่วงขณะนั้นได้เร็วยิ่งขึ้นและหันกลับมาทำหน้าที่ของตนได้อย่างภาคภูมิใจ
ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
วราภรณ์ ผาดี
……………………………………………………………………………………………………….
เป็นเสน่ห์มัดใจที่จะทำให้คุณสามี-ภรรยา ได้หลงใหลได้ปลื้ม ไม่คิดนอกใจมีคนอื่น เป็นวิธีการที่นำไปใช้ได้ทั้งหญิงและชาย สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
วิธีที่ 1 ต้องเป็นคนมีน้ำใจ คือ น้ำใจที่ห่วงหาอาทรในเวลาที่เขาหรือเธอต้องการ เช่น การแสดงออกของน้ำใจต่อครอบครัว ที่สามีอาจช่วยดูแลลูก ช่วยทำกับข้าว ส่วนภรรยา ช่วยดูแลเสื้อผ้า ชุดทำงาน เอาใจใส่สามีเมื่อกลับมาจากทำงาน บีบนวด ยกน้ำเย็นให้ดื่ม หรือถามสารทุกข์สุขดิบ พร้อมรับฟังปัญหา หรือเป็นที่ปรึกษาเมื่อคราวจำเป็น การแสดงออกของน้ำใจ อาจเผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้อง ทั้งสองฝ่ายอย่างเสมอกัน
วิธีที่ 2 การรู้จักปรับปรุง และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หมายถึงการรู้จักแต่งตัวให้ทันสมัย เหมาะสมกับกาลเทศะ การดูแลรูปร่างและสุขภาพ ไม่ปล่อยให้ตนเองดูแก่กว่าวัย จนทำให้คนอื่นมาเรียกเราว่าป้าหรือลุง อีกทั้ง การฝึกเป็นคนมองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ขี้บ่น หรือเอาแต่ใจตนเองและคอยจับผิดผู้อื่น
วิธีที่ 3 สามีภรรยาต้องรู้จักให้อภัย มองว่าโลกนี้ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง อาจมีคนทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ก็ควรปล่อยวาง ไม่เก็บมาคิด ดังนั้น ควรรู้จักพูดคุยสื่อสาร การรับฟังในความคิดเห็นที่แตกต่างของแต่ละฝ่าย แล้วยอมรับอย่างเข้าใจ
วิธีที่ 4 ต้องรู้จักยกย่อง ชมเชยคู่ของเรา เสมือนการให้เกียรติต่อกัน โดยการแสดงออกทั้งสีหน้า แววตาคำพูดที่น่าฟัง ทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง หลีกเลี่ยงการกล่าวตำหนิ ทะเลาะกัน ต่อหน้าบุคคลอื่น
วิธีที่ 5 ต้องรู้จักจดจำช่วงเวลา หรือ โอกาสสำคัญๆของกันและกัน เช่น วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ เพื่อมอบของขวัญ ดอกกุหลาบวันพิเศษ การจุมพิต การโอบกอด เป็นสัมผัสแห่งความสุข ทำให้คุณอาจคิดถึงความสุข-บรรยากาศ ความทรงจำเก่าๆที่ผ่านมา จนอาจทำให้รู้สึกตื่นเต้นและปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก
วิธีที่ 6 ต้องมีความรู้เรื่องเพศศึกษา การรู้จักปรับปรุงกิจกรรมเพศสัมพันธ์ที่แปลก ตื่นเต้นและปลอดภัยอยู่เสมอ จะช่วยกันประคับประคองความสุขเรื่องเพศที่เหมาะสม ทำให้ความรักและเสน่ห์ของเรามีเพิ่มขึ้น ไม่มีวันจืดจาง
เคล็ดลับเสน่ห์มัดใจ คู่สามี-ภรรยานี้ เป็นวิธีทางธรรมชาติและง่ายต่อการนำไปใช้และปฏิบัติได้กับทุกคู่ ทุกคน จะเกิดผลลัพธ์อันบริสุทธิ์และยั่งยืน
แต่หากคุณยังมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1323 สายด่วนสุขภาพจิต
กาญจนา สุทธิเนียม
...............................................................................................................................................................
ครอบครัวถือเป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดของสังคมในการทำหน้าที่กล่อมเกลาและปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องให้สมาชิกในครอบครัว รวมถึงการสร้างความรักความผูกพันและความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น มีวิธีการสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัว ดังนี้
1. หมั่นรดน้ำพรวนดิน-ทนุถนอมความรัก เพราะเมื่อตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วว่าเขาหรือเธอคนนี้คือคนที่เรารักและพร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปตลอด ดังนั้นเมื่อแต่งงานแล้วควรมีความเสมอต้นเสมอปลายของการแสดงความรัก รู้จักเอื้ออาทร ใส่ใจกันตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ รู้จักให้อภัยและอยู่กับปัจจุบัน
2. เป็นตัวของตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ตลอดจนพยายามปรับตัวเข้าหากันให้ได้ และควรยึดหลัก ยกย่อง ยินยอม ยืดหยุ่น แยกแยะและยืนหยัดในสิ่งดีด้วยจิตใจดี จะทำให้เกิดกำลังใจในการใช้ชีวิตร่วมกัน
3. ให้เวลาแก่กัน การใช้เวลาร่วมกันเพื่อครอบครัว เพื่อคนที่เรารักเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อใดที่คู่สมรสรู้จักใช้เวลาร่วมกันอย่างลงตัว รู้จักแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกันอย่างสม่ำเสมอ และเสมอต้นเสมอปลาย ครอบครัวและชีวิตคู่ย่อมอบอุ่นและมีความสุขจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต
4. ร่วมแบ่งปันสุขทุกข์ การรับรู้ความสุขทุกข์ของแต่ละฝ่ายนั้นด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจและแบ่งปัน จะช่วยให้สมาชิกครอบครัวมีความผูกพันกันมากยิ่งขึ้น
5. การจัดการกับปัญหาและความขัดแย้งในครอบครัว เป็นธรรมดาที่ครอบครัวมักจะมีความขัดแย้งหรือไม่ลงรอยกัน แต่ถ้าสมาชิกในครอบครัวมองปัญหาอย่างเป็นกลาง ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ก็จะช่วยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นคลี่คลายได้
6. และประการสุดท้าย คือ การสื่อสารภาษารักด้วยกายและใจ เช่น การจับมือ หรือโอบกอด ฯลฯ เพราะการแสดงออกถึงความรักใคร่ ความผูกพัน เอื้ออาทร ห่วงใยและเห็นใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเข้มแข็ง
หากคุณยังมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้ามาสอบถามได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
พิมพาภรณ์ สังข์รัศมี
..............................................................................................................................................................
มักมีคำพูดที่ติดปากอยู่เสมอว่า ไม่มีเวลา พ่อแม่ต้องทำงาน ลูกๆต้องเรียนหนังสือ หรือต้องทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา บางบ้านแทบจะไม่ได้พูดคุยสื่อสารกัน ไม่ได้พบหน้ากัน เหมือนต่างคนต่างอยู่ ไม่มีกิจกรรมร่วมกันของความเป็นครอบครัว บรรยากาศแบบนี้ อาจนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆได้
ข้อคิดในการใช้เวลาในครอบครัว
1. สมาชิกในครอบครัวต้องเห็นความสำคัญของการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว พึงระลึกไว้เสมอว่า เวลาเป็นสิ่งที่ต้องจัดหา ไม่มีขึ้นมาเอง
2 . ระยะเวลามากน้อยเท่าใด ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญ เท่ากับคุณภาพของการใช้เวลา การสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย การสื่อสารทางบวกของสมาชิกในครอบครัว เช่น ใช้คำพูดที่ไม่ตำหนิ การชมเชย การพูดติดตลก การพูดคุยเรื่องทั่วๆไป จะช่วยให้การใช้เวลาในครอบครัวเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
3. ถึงแม้การใช้เวลาในครอบครัวเป็นสิ่งที่ต้องจัดหา แต่รูปแบบหรือระยะเวลา ไม่จำเป็นต้องกำหนดตายตัว หรือบังคับ แต่ควรพูดคุยตกลงกันและยืดหยุ่น มิฉะนั้นอาจกลายเป็นการสร้างความเครียดกับสมาชิกในครอบครัว
4.. การใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว สามารถทำได้ตั้งแต่กิจกรรมเล็กๆน้อยๆภายในบ้าน เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน การช่วยกันทำงานบ้าน ทำอาหาร ทำงานอดิเรก ดูโทรทัศน์ การไหว้พระสวดมนตร์ด้วยกัน หรือ อื่นๆที่อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัว รวมทั้งการใช้เวลานอกบ้านร่วมกันในวันหยุด เช่น การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบต่างๆ ตามความสามารถของแต่ละครอบครัว หรือการไปเยี่ยมญาติพี่น้องด้วยกัน ก็เป็นอีกกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้
ความสุขในครอบครัวเกิดขึ้นได้จากการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว ลองสำรวจตัวท่านเอง ว่าได้ใช้เวลากับครอบครัวบ้างหรือยัง ถ้ายัง ลองเริ่มดู และหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาอื่นๆในครอบครัว สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.สดใส คุ้มทรัพย์อนันต์
…………………………………………………………………………………….…………………..
ครอบครัวที่ประสบปัญหาต่างๆ มักขาดพลังชีวิต ที่จะนำครอบครัวไปสู่เป้าหมาย คือความร่มเย็นเป็นสุข ปัญหาต่างๆที่มากระทบครอบครัวเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ครอบครัว อย่าร้าง แยกกันอยู่ หนีหรือทอดทิ้งครอบครัวไป ปัญหาที่รุนแรงที่สุด คือ บางครอบครัว ทำร้ายชีวิตตนเองและสมาชิกในครอบครัว
พลังชีวิตในครอบครัว เป็นพลังที่เป็นสากลและเป็นพลังของแต่ละคนในครอบครัว พลังชีวิตเป็นพลังในเชิงบวกที่สร้างกำลังใจให้แก่ตนเองและคนในครอบครัว เป็นพลังชีวิตที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ตนเองและคนในครอบครัว เป็นความรู้สึกที่มีความสุข อบอุ่น เบาสบาย อิสระ เสมอภาค มั่นคง รัก ยอมรับ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ จะเป็นพลังชีวิตที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจสิ่งดีๆให้แก่ครอบครัว ได้แก่การช่วยเหลือ เอื้ออาทร ห่วงใย เมตตา ปรารถนาดีต่อกัน ไม่กดดันคาดหวังตนเองและผู้อื่นจนเกินความเป็นจริง พลังชีวิตในครอบครัว เป็นตัวหนุนเสริมให้ครอบครัวรู้เท่าทัน ฝ่าฝันวิกฤตต่างๆในครอบครัวได้ วิธีการสร้างพลังชีวิตในครอบครัว สมาชิกในครอบครัวสามารถทำได้โดย เริ่มจากให้สมาชิกมีเป้าหมายร่วมกันว่าจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดี สมาชิกมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ ของตนเองได้อย่างเหมาะสม มีมุมมองความคิดในแง่บวก มองทุกอย่างอย่างสร้างสรรค์ มองบวกในลบให้ได้ การยอมรับและให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่คาดหวังหรือกดดันตนเองหรือสมาชิกให้เกิดความวิตกกังวล ความเครียด ความหวาดกลัว มีความรัก ความเมตตา ปรารถนาดีต่อกันโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อบุคคลในครอบครัวกระทำผิดพลาด ให้อภัยกันและนำมาเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตต่อไป
ถ้าบรรยากาศในบ้านมีแต่ความรัก ความอบอุ่น ความเมตตา ปรารถนาดีต่อกันจะเกิดการช่วยเหลือ เอื้ออาทร ไว้วางใจ เข้าใจกัน ซึ่งเป็นพลังชีวิตในครอบครัว ที่จะนำพาครอบครัวไปสู่เป้าหมาย คือ ความร่มเย็นเป็นสุข และมีความเป็นอยู่ที่ดี
ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัย สามารถโทรศัพท์มาได้ที่ 1323 นะคะตลอด 24 ชั่วโมง
กาญจนา สุทธิเนียม
………………………………………………………………………………………….…………….
การที่คู่สมรสปันใจ เป็นปัญหาหนักอกอยู่แล้วแต่ถ้าเรารู้ว่าคู่สมรสของเราปันใจให้เพศเดียวกันมันหนักยิ่งกว่า ความรู้สึกเสียหน้า ไร้ศักดิ์ศรี เสียใจหรือสูญเสียคงมีนับเป็นทวีคูณก็ว่าได้ ถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ละก็ขอให้คุณใจเย็นๆแล้วค่อยๆคิดแก้ไข ดังนี้
1. ข้อแรกคุณต้องทบทวนและถามใจตนเองก่อนแล้วละ ว่ายังรักและต้องการเขาอยู่หรือไม่ อยากได้เขากลับคืนมาหรือเปล่า พร้อมที่จะให้อภัยและปรับตัวเข้าหากันใหม่อีกครั้งหรือไม่ ถ้าคำตอบว่าใช่คงต้อง หันหน้าเข้ามาพูดจากันดีๆ และเปิดใจพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล และขอข้อตกลงจากคู่สมรสว่าเขาสามารถกลับมาเป็นสามีหรือภรรยาคนเก่าของเราได้หรือไม่ อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
2. ทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมา ความรัก ความเอื้ออาทรที่เคยมีให้กัน หรือลูกที่เป็นสายใยสัมพันธ์ของคุณ จะได้มีกำลังใจในการที่จะหันหน้าเข้ามาหาและเริ่มต้นกันอีก
3. ทบทวนตนเองว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนและด้านใดบ้างเพราะส่วนใหญ่ที่พบ กรณีที่คู่สมรสมีรักร่วมเพศอาจมาจากการที่คู่สมรสมักเป็นผู้นำในบ้าน ชอบวางตนข่มและมีนิสัยดูถูกเพศตรงข้าม ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนเองขาดความรักความเข้าใจ หรืออาจเกิดจากการเลี้ยงดูวัยเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากเพศเดียวกัน ทำให้เกิดการเลียนแบบเพศตรงข้ามแล้วมาปรับพฤติกรรมทำให้พฤติกรรมเบี่ยงเบนไป ซึ่งสาเหตุที่เขาเปลี่ยนไปคุณเองก็อาจมีส่วนด้วยก็ได้และการแก้ไขที่ตัวคุณ น่าจะง่ายกว่าตัวเขา
4. อาจต้องทำใจและอดทนเพราะความเบี่ยงเบนทางเพศ จะทำให้เขากลับมาเหมือนเดิมนั้นคงต้องใช้เวลาและใจเย็นๆในการที่จะให้โอกาสเขาปรับปรุงตนเอง
แต่ถ้าคุณตอบว่าไม่หลังจากที่ทบทวนดีแล้ว ก็ควรจะพูดจากันดีๆ ให้อภัยและอยากให้คิดไว้เสมอว่าแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ อย่างน้อยที่สุดคุณก็สบายใจ
หากว่าคุณยังมีปัญหาค้างคาใจและอยากพูดคุยกับเรา โทรศัพท์มาได้ที่ 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ประไพพรรณ นิลวงศ์
.............................................................................................................................................................
ถ้าคุณกำลังเบื่อหน่ายสามีและลูก ต้องถามตัวเองหรือปรึกษาคนอื่นว่าความรู้สึกแบบนี้เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เช่น
- ต้องรับภาระดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของสามีและลูกมากเกินไปคุณอาจต้อง
s ขอให้สามีและลูกช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง
s ปล่อยวาง เลือกทำเฉพาะที่จำเป็น
s หาคนมาช่วย/ หาเครื่องอำนวยความสะดวก
เทคนิคสำคัญอยู่ที่สัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว คุณควรพูดชักชวน ชมเชยให้กำลังใจ และสนับสนุนให้ทำอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าคุณเบื่อหน่ายพฤติกรรมสามีและลูก เช่น ทำอะไรแล้วไม่เก็บแถมยังทิ้งเกลื่อนกลาด คุณอาจต้อง
- พูดแยกทีละเรื่อง อย่ารวมพฤติกรรมหลายๆ อย่าง ในการพูดแต่ละครั้ง เทคนิคสำคัญ มองหาข้อดี ใช้การชมเชยในสิ่งที่ทำได้แล้วก่อน แล้วค่อยขอร้องในสิ่งที่อยากให้ทำ ใช้คำพูดที่อ่อนโยน แต่ก็หวังผลจริงจัง งดการบ่นว่า ประชดประชัน หรือคุณอาจจะบอกความรู้สึกของคุณว่าคุณรู้สึกอย่างไร
- ตัวคุณเองขาดการทำอะไรใหม่ๆ
- คุณควรให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ทำอะไรที่คุณชอบและสนใจ หาโอกาสพบปะเพื่อนฝูง พูดคุยแลกเปลี่ยนและอย่าลืมเติมอารมณ์ขันลงไปด้วย
ถ้าคุณยังมีปัญหาและอยากคุยกับเราก็โทรศัพท์มาได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
เยาวนาฏ ผลิตนนท์เกียรติ
............................................................................................................................................................
ความเบื่อหน่ายเรื่องเพศสัมพันธ์ของสามีภรรยาอาจจะเกิดจากทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สนใจความรู้สึกทางเพศและไม่ตอบสนองความต้องการทางเพศของอีกฝ่าย ปฏิบัติต่อกันเหมือนหุ่นยนต์หรือเพียงเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการที่มีเท่านั้น นอกจากนี้ความเครียดเนื่องจากมีความทุกข์ใจไม่สบายใจ ความเจ็บป่วยทางร่างกายและสภาพร่างกายที่ไม่กระชุ่มกระชวยเหมือนเมื่อหนุ่มสาวก็อาจจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายเรื่องนี้ได้
คนเราทุกคนมีความแตกต่างกัน เรื่องเพศสัมพันธ์ก็เช่นเดียวกันแต่ละคนไม่มีใครที่มีความต้องการที่ตรงกันทุกอย่าง เช่น ท่วงท่า วิธีการ เวลาในการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น การสังเกตท่าที ปฏิกิริยาของคู่สมรสว่าเป็นอย่างไรและหาทางประนีประนอมระหว่างความต้องการของตนเองกับความต้องการของคู่สมรสจะทำให้คู่สมรสมีความสุขในเรื่องเพศสัมพันธ์มากขึ้นและลดความเบื่อหน่ายลงได้ หากเป็นไปได้คู่สมรสควรพูดคุยเปิดเผยความรู้สึกซึ่งกันและกันบ้าง จะทำให้เข้าใจกันและตอบสนองได้ตรงความต้องการมากขึ้น
บางครั้งความเบื่อหน่ายเรื่องเพศสัมพันธ์อาจจะเกิดจากความซ้ำซากจำเจ หากได้เปลี่ยนแปลงบรรยากาศ สถานที่บ้างก็อาจจะทำให้ดีขึ้น
ในเรื่องความเครียดนั้น ผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีปฏิกิริยาต่อความเครียดไม่เหมือนกัน ผู้ชายต้องการมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีความเครียด แต่ผู้หญิงเมื่อมีความเครียดมักจะไม่ค่อยอยากมีเพศสัมพันธ์ ควรแก้ไขหรือคลายความเครียดของภรรยาให้ลดลง ภรรยาจะได้เต็มใจและไม่หงุดหงิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ส่วนปัญหาคู่สมรสที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุขภาพไม่ดีนั้น ควรจะต้องพยายามเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และพยายามตอบสนองความต้องการเท่าที่จะเป็นไปได้ หากทำไม่ได้คู่สมรสควรหันไปสนใจเรื่องอื่นที่จะสร้างความสุขใจให้เป็นการทดแทน เช่น ทำงานอดิเรก หรือแม้แต่การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เป็นต้น
หากคุณยังมีความทุกข์ใจในเรื่องนี้และแก้ปัญหาไม่ได้ คุณสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ประไพพรรณ นิลวงศ์
…………………………………………………………………………………………………………
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร และเคยรักกันมากมายขนาดไหน ก็ไม่ได้เป็นสิ่งการันตี ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณ ยิ่งในสังคมปัจจุบันมันเกิดขึ้นบ่อยมากจนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม
ฟังแล้วดูว่ามีความเสี่ยงที่จะมีการนอกใจ….. ใช่แล้ว มันมีความเสี่ยงจริง ๆ เมื่อมีความเสี่ยง งานของเราไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา ก็ควรจะเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ ชีวิตคู่เป็นงานสำคัญของคนสองคนเสมอ และเป็นงานที่ต้องการความตั้งใจ ความอดทนอย่างมาก เป็นงานหนักแน่นอน
เพราะถ้าไม่เริ่มลงมือทำ ความสูญเสีย ความเสียใจก็จะตกอยู่กับคุณ ลูกของคุณ วันนี้จึงเป็นวันที่ดีที่สุด ที่จะพยายามอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะพยายามมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม
- เข้าใจและรับรู้อารมณ์ของอีกฝ่าย และพยายามตอบสนองให้เขารับรู้ถึงความรัก การยอมรับ และการที่เห็นอีกฝ่ายมีคุณค่าไม่คอยซ้ำเติมกับลูกหรือใครต่อใครว่า เขาหรือเธอไม่มีน้ำยา
- ไม่โทษกันและกัน คุณทั้งสอง มีส่วนทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาไม่มากก็น้อย
- มีการสื่อสารที่ดี พยายามปกป้องสิ่งดี ๆ ในครอบครัว
- ยืดหยุ่น รู้จักประนีประนอม
- ความระแวงสงสัย ทำให้ชีวิตคู่แย่ลง มองอีกฝ่ายในแง่ดี
- ดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน พยายามแก้ไข
- แก้ปัญหาอย่างมีสติ และควบคุมอารมณ์ ทั้งๆที่คุณคงรู้สึกโกรธ เสียใจ ผิดหวัง
ในกรณีที่ ถ้าเขาหรือเธอยอมรับ หรือเรารู้แล้วอย่างชัดเจนว่าเขานอกใจ ก็ให้เริ่มต้นที่ใจอย่างสงบ คุยกันให้ดี หากเขาไม่ไปต่อ ไม่นอกใจก็ยกโทษ ให้อภัย ไม่ซ้ำเติม แต่ถ้าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อีก ก็ให้มีวิธีคิดว่า การที่เขามีคนอื่น ไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีคุณค่า จงตระหนักตรงนี้ให้ดีว่าเรามีคุณค่าต่อตนเอง ต่อลูกต่อครอบครัวและต่องานของเรา นอกจากนี้ การเข้าใจตนเอง ก็จะช่วยให้เข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น การมีความรักและนับถือตนเอง ซึ่งไม่ได้เกิดจากคนอื่น แต่เป็นคุณค่าที่เรามองเห็น และมอบให้ตนเอง ทิ้งอดีตและอยู่กับวันนี้ ยอมรับในสิ่งทีเปลี่ยนแปลงให้ได้ มีความคาดหวังที่เป็นไปได้ พยายามพัฒนาตนเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรารู้สึก สงบมั่นคง หรือถ้ายังต้องการความช่วยเหลือ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการให้การปรึกษาแก่คู่สมรสก็สามารถให้การปรึกษาเรื่องนี้ได้
สุดท้ายไม่ว่าการตัดสินใจของคุณจะเป็นเช่นไร ยุติหรือเดินหน้าต่อ ก็ขอให้มันดำเนินไปได้ด้วยดี
ถ้าหากรู้สึกคับข้องใจ ไม่สบายใจ ให้โทรมาได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ยุพิน ตุ้มโหมด
………………………………………………………………………………………….…………..
ปัญหาการนอกใจคู่สมรส เป็นปัญหาวิกฤตและทำลายครอบครัวให้แตกแยกมานักต่อนักแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
วิธีป้องกันปัญหาการนอกใจ ทำได้โดยการให้ความใส่ใจคู่สมรสอย่างสม่ำเสมออย่าได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็น “ของตาย” ที่ไปไหนไม่รอดเด็ดขาด เพราะหลายครั้งที่ “ของตาย” ที่เราไม่ให้ความสำคัญแล้วกลับกลายเป็นของที่น่าสนใจสำหรับคนอื่นและตัว “ของตาย” เองก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ แล้วก็โผผลินบินไปจากเรา กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายเกินแก้ไปแล้ว
เพราะฉะนั้น คงต้องหมั่นให้ความเอาใจใส่ดูแลคู่สมรสอย่างดีและสม่ำเสมอคิดว่าเขาหรือเธอเป็นของมีค่าสำหรับเราที่อาจหาไม่ได้อีกแล้วจะได้หมั่นทะนุถนอมเอาอกเอาใจและดูแลเป็นอย่างดี
ถ้าสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เริ่มกลับบ้านไม่ตรงเวลาผิดนัดบ่อยๆ ชอบไปไหนมาไหนตามลำพัง พิถีพิถันในการแต่งกายเป็นพิเศษ ไม่ค่อยจะสนใจพูดคุยด้วยเหมือนเคย ให้ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณต้องรีบแก้ไขโดยด่วน โดยการให้ความใส่ใจคู่ของคุณให้มากขึ้นกว่าเดิม ทำดีต่อเขาหรือเธอให้มากยิ่งขึ้น อย่าได้กระทำการก้าวร้าว ด่าว่า ตำหนิติเตียนเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณช่างเลวร้าย น่าเบื่อหน่าย สู้บุคคลที่สามไม่ได้เลย จะเหมือนกับการผลักไสเขาให้ไปอยู่กับมือที่สามเร็วยิ่งขึ้น
คุณคงต้องให้ความใกล้ชิดคู่ของคุณให้มาก ไปไหนไปด้วยกัน ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายออกนอกลู่นอกทาง ถ้าคุณมีลูก ก็ให้หมั่นพูดถึงลูกบ่อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ายังต้องรับผิดชอบลูกด้วย ถ้าจะทำสิ่งที่ไม่ดีจะได้นึกถึงลูก ทำให้มีสติขึ้นมาบ้าง
ที่สำคัญ คุณต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรม ดูไม่ได้ แต่งตัวให้ดูสวยงามน่ามอง ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านความรู้ใหม่ๆ จะได้ทันโลก อีกฝ่ายจะได้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวคุณ และสบายใจเมื่ออยู่ใกล้คุณ จะได้ไม่คิดไปหาความสบายใจที่ไหนอีก
เรื่องของการป้องกันปัญหานอกใจก็มีดังที่กล่าวมานี้ ถ้าคุณยังอยากพูดคุยกับเราต่อก็โทรศัพท์มาได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ยุพิน ตุ้มโหมด
…………………………………………………………………………….………………………….
สาเหตุความขัดแย้งระหว่างคู่สมรสกับญาติ เครือญาติ อาจเกิดได้จากการอยู่ร่วมกันในบ้านหรือครอบครัวเดียวกัน ทำให้มีการได้เปรียบ เสียเปรียบ และเกิดการกระทบกระทั่งกัน หรือเกิดความแตกต่างระหว่างนิสัยใจคอ
- แต่งงานมีครอบครัวแล้วบทบาทของพ่อหรือแม่ต่อคู่สมรสยังเหมือนเดิม เช่น แม่ยังคงคอยดูแลเรื่องส่วนตัวของลูกชายอยู่ ทำให้กลายเป็นปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ หรือพ่อตาลูกเขยไป
- ส่วนครอบครัวที่มีความขัดแย้งกันค่อนข้างสูง เช่น เรื่องผลประโยชน์ มรดก หรือขัดแย้งกันบ่อยๆ ไม่สามารถแก้ไขให้คลี่คลายลงได้ คุณอาจจะต้องใช้วิธีการอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจจะบานปลาย หรือถ้าเหตุการณ์ตึงเครียดมากขึ้นและคุณพอมีเงินทองอยู่บ้าง ก็อาจจะแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหาก แต่ก็ควรเป็นวิธีสุดท้ายที่จะใช้
วิธีลดความขัดแย้งระหว่างคู่สมรสกับเครือญาติมีหลายประการด้วยกัน คือ
1. คู่สมรสที่เป็นคนกลางควรพยายามประนีประนอมด้วยการแสดงความเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
2. การแยกครอบครัวออกไปอยู่ต่างหาก หรือการพยายามอยู่เป็นสัดส่วนจะเป็นวิธีหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งที่ดี และทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายสบายใจขึ้น
3. ในกรณีที่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ หรือพ่อตาลูกเขยนั้น คู่สมรสควรทำตัวเหมือนเป็นลูกอีกคนหนึ่ง จะช่วยให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเบาบางลง
4. การไม่ดูถูกเหยียดหยามหรือพูดจาวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับนิสัยใจคอ หรือขนบธรรมเนียม ประเพณีจะช่วยไม่ให้เกิดความขัดแย้งได้
เครือญาติเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดคู่สมรสมาก่อน การพยายามทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องเล็กกลายเป็นไม่มีเรื่อง โดยการยึดหลักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคู่สมรสกับเครือญาติได้มากทีเดียวค่ะ ถ้าคุณยังมีปัญหาและอยากคุยกับเราก็โทรศัพท์มาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
อินทิรา ปัทมินทร
……………………………………………………………………………………………………….
คุณผู้ชายที่เผลอใจหรือจงใจไปมีเมียน้อย แล้วรู้สึกผิด อยากกลับตัวมาเป็นสามีที่ดีของภรรยา เป็นพ่อที่ดีของลูก เชิญฟังทางนี้
สิ่งแรกที่เราอยากบอกคุณก็คือ ปัญหาของคุณยังไม่สายเกินแก้ ขอเพียงแต่ให้หยุดความสัมพันธ์กับเมียน้อยโดยเด็ดขาด แล้วกลับมายอมรับผิดกับภรรยาของคุณแต่โดยดี อาจไม่ต้องถึงขนาดคุกเข่าขอโทษ เพียงแค่ทำตัวให้น่ารักกว่าเดิม เอาอกเอาใจภรรยา และเอาใจใส่ลูกให้มากขึ้น เท่านั้นก็พอ
คุณอาจเถียงว่า การที่คุณมีเมียน้อยนั้น ไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียว ภรรยาก็มีส่วนด้วย เพราะเธอทำตัวเหินห่าง ไม่เอาอกเอาใจคุณ แถมยังจู้จี้ขี้บ่น ชอบวางอำนาจเหนือคุณอยู่เรื่อย ไม่เหลือความอ่อนหวานน่ารักเหมือนสมัยเป็นแฟนกันเลย ทำให้คุณต้องไปแสวงหาสาวอื่นที่เห็นความสำคัญของคุณ ยกย่อง เอาอกเอาใจคุณแทน
แต่ถึงภรรยาของคุณจะบกพร่องไปบ้าง ก็น่าจะพูดจาทำความเข้าใจกันได้ บางครั้งเมื่ออยู่กันไปนาน ๆ เวลาก็ทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้โดยไม่รู้ตัว คุณเองก็เปลี่ยนไปจากสมัยเมื่อแต่งงานใหม่ ๆ เหมือนกัน เช่น ให้เวลากับงานมากกว่าที่บ้าน กลับบ้านไม่ตรงเวลา ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยบอก ไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน ไม่เอาอกเอาใจภรรยาเหมือนเดิม แบบนี้ก็ทำให้ภรรยาเครียด แล้วกลายเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น หงุดหงิดง่ายได้เหมือนกัน
สรุปแล้วก็คือ ทั้งคุณและภรรยาต่างก็เปลี่ยนไป และความเปลี่ยนแปลงนี้เองที่มีส่วนผลักดันให้เกิดปัญหาบุคคลที่สามขึ้นมา และคุณเองอาจจะผิดมากหน่อยที่เป็นฝ่ายนอกใจภรรยา ทำให้เธอชอกช้ำใจ แถมยังกระทบกระเทือนถึงสุขภาพจิตของลูกของคุณด้วย
ดังนั้น คุณจึงต้องไถ่โทษหนักหน่อย ด้วยการยอมรับผิด และปรับเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ โดยการเอาอกเอาใจภรรยาให้มากขึ้น พูดคุยหยอกล้อกับเธอให้มากขึ้น หาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจด้วยกัน เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านให้ตรงเวลา ช่วยดูแลลูก ช่วยทำงานบ้าน เพื่อให้ภรรยาได้พักบ้าง แรก ๆ ภรรยาอาจยังโกรธและหมางเมินอยู่ แต่เมื่อเธอเห็นความตั้งใจจริงของคุณ ก็คงใจอ่อน ยอมให้อภัยคุณ เมื่อถึงตอนนี้ คุณจะขอร้องให้เธอปรับเปลี่ยนตัวเองบ้าง เธอก็คงยินดี
ถ้าคุณยังมีปัญหาและอยากคุยกับเรา ก็โทรศัพท์มาได้ที่หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
สิริกุล จุลคีรี
..........................................................................................................................................................
ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่ทุกคนใฝ่หา แต่ในความสวยงามนั้นอาจแฝงเร้นไปด้วยความทุกข์และขมขื่นหากผู้นั้นไม่ระมัดระวัง และไม่รู้เท่าทันกฎของธรรมชาติ มีข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์มากมายที่ผู้ที่รักคนมีเจ้าของอยู่แล้ว มีผลเป็นอย่างไร ดังเช่น ถูกทำร้ายร่างกาย มีความเครียด ความกังวลสูง นอกจากจะทำให้เสียสุขภาพจิตแล้ว บางรายอาจถึงขั้น กลัวถูกทอดทิ้ง บางรายเป็นโรคซึมเศร้า ฆ่าตัวตาม อยากทำร้ายคนอื่น
จากการให้คำปรึกษามีผู้หญิงที่ตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องได้เธอมีความสุขมากกว่าตอนแรกและได้ประสบการณ์ชีวิตจากบทเรียน ที่สำคัญต้องให้อภัยตัวเอง และเริ่มต้นใหม่
คนเราทุกคนต้องผ่านการทดสอบหลากหลายจากชีวิตลองพิจาณาอีกครั้ง เพราะเป็นสิทธิของคุณที่จะเลือกและรับผิดชอบตนเอง หากท่านมีประเด็นที่ต้องการปรึกษาเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
เขมา ตั้งใจมั่น
………………………………………………………………………………..………………………..
ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในสภาพเมียน้อย จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เรารู้ว่าคุณมีความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง จริงๆ แล้ว คุณก็ไม่อยากทำร้ายใครให้เจ็บปวด และอยากจะหาทางออก หรือหาแนวทางที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติวิธีซึ่งมีทางเลือกต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่คุณจะต้องปรับใจ ก็คือ : การยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น ทั้งด้านบวกและด้านลบ ถ้าคุณตัดสินใจที่จะเป็นภรรยาน้อย รวมทั้งต้องมีความอดทน อดกลั้นและกำลังใจอย่างสูง ตลอดจนการคิดวิเคราะห์ด้วยตัวของคุณเองถึงข้อดี-ข้อเสีย ถ้าคุณต้องการที่จะปลดแอกตัวเองเป็นอิสระ การตัดสินใจของคุณก็คือ ตัวของคุณเอง เราเคารพในการตัดสินใจของคุณเสมอ
ถ้าคุณยังไม่สบายใจ และอยากคุยกับเราก็โทรศัพท์มาได้ที่ หมายเลข 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
วัลยา บางม่วงงาม
…………………………………………………………………………………………….…………..
เมื่อได้ยินคำว่า “ การเลิกรา หรือ การหย่าร้าง ” หลายคนคงคิดในแง่ลบว่าเป็นเรื่องไม่ดี น่าอับอาย แต่จริงๆแล้วการเลิกราก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับชีวิตคู่เมื่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขตามที่เคยฝันไว้เท่านั้น และถึงแม้ว่าปัจจุบันการหย่าร้างจะมีมากขึ้น ก็ควรคิดตรึกตรองให้ดีก่อนตัดสินใจหย่า เพราะการหย่าร้างนำมาซึ่งผลกระทบมากมาย เราจึงขอแนะนำข้อคิดก่อนการตัดสินใจเลิกรากัน ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง ควรพิจารณาปัญหาก่อนว่าสาเหตุใดที่ทำให้เราต้องการเลิกกัน แล้วสิ่งนั้นสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ลองทบทวนทั้งตนเองและคู่สมรส เพราะบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจมาจากการกระทำของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ความผิดของคนใดคนหนึ่งก็ได้ จึงควรพูดจาปรับความเข้าใจกันโดยควรพูดคุยกันเมื่ออารมณ์เย็นทั้งสองฝ่าย และไม่อคติเข้าข้างตัวเอง
ประเด็นที่สอง เมื่อลองปรับตัวปรับใจกันแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้ สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดก็คือลูก การตัดสินใจเลิกรากันต้องส่งผลกระทบถึงลูกแน่นอน ดังนั้นต้องคิดว่าเมื่อแยกทางกันแล้วใครจะเลี้ยงดูลูก ใครที่มีความพร้อมและสามารถสร้างความอบอุ่นให้ลูกได้มากที่สุด ต้องมีการตกลงกันเรื่องการใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกและการแบ่งเวลาให้ลูก ทำให้ลูกไม่รู้สึกว่าขาดความรักจากพ่อหรือแม่ เพราะเด็กที่ไม่ได้รับความอบอุ่นอาจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้
ประเด็นที่สุดท้าย สภาพจิตใจของตนเองและครอบครัว เมื่อเลิกรากันแล้วเรามีความเข้มแข็งแค่ไหนที่จะอยู่ตามลำพัง พยายามสร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตให้เข้มแข็งมากที่สุด คิดว่ายังมีลูกและครอบครัวที่รักและต้องการเราอยู่ นอกจากนี้ การเลิกกันก็ไม่ใช่แค่ตัวเราเท่านั้นที่เสียใจแต่ยังมีครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอีกด้วย จะมีวิธีพูดและอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจอย่างไร
ชีวิตคู่ไม่ได้ใช้เวลาสร้างภายในวันเดียวแต่เราได้สั่งสมความรักความเข้าใจให้กันมานาน การตัดสินใจเลิกกันควรอดทนใช้เวลาทบทวนและตัดสินใจสักพักเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดโดยไม่จำเป็น คิดให้ดีก่อนเลิกกันเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังโดยไม่จำเป็น
หากคุณต้องการปรึกษาเรื่องการตัดสินใจเลิกรากันหรือปัญหาครอบครัว สามารถโทรมาปรึกษาเราได้ที่ 1323
อัญชัญ หนูทองสุข
......................................................................................................................................................
พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันไม่เคยว่างเว้นจากเรื่องความรุนแรงในครอบครัว มีทั้งสามีซ้อมภรรยาจนต้องเข้าแจ้งความ ฝ่ายชายฆ่าแฟนสาวเมื่อขอเลิก เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยกันแน่ การใช้กำลังคือทางออกของปัญหางั้นหรือ แล้วคุณจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับความรุนแรงในครอบครัว
“ความรุนแรงในครอบครัว” หมายความว่า การกระทำใดๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพ หรือกระทำโดยเจตนาในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ แต่ไม่รวมถึงการกระทำโดยประมาท คนที่ถูกกระทำจะมีความทุกข์ เครียด ซึ่งควรหาที่พึ่ง หาคนระบาย หรือมาไกล่เกลี่ยประนีประนอม เพื่อให้ครอบครัวดำรงไว้ซึ่งเป็นครอบครัวที่เป็นสุข
ปัจจุบัน การให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำรุนแรงครอบครัวถือว่า เป็นนโยบายระดับประเทศ และมีมาตรการของภาครัฐและเอกชนในดูแลและให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากปัญหาการแก้ไขการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีความละเอียดอ่อนซับซ้อนเกี่ยวพันกับบุคคลใกล้ชิด มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการทำร้ายร่างกายระหว่างบุคคลโดยทั่วไป การใช้ประมวลกฎหมายอาญามาบังคับกับการกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวจึงไม่เหมาะสม เนื่องจากกฎหมายอาญามีเจตนารมณ์ที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดมากกว่าที่จะแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดหรือปกป้องคุ้มครองผู้ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ดังนั้น การมีกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว จึงมีความเหมาะสมกว่าการใช้กระบวนการทางอาญา เพราะสามารถกำหนดรูปแบบวิธีการ และขั้นตอนที่มีลักษณะแตกต่างจากการดำเนินคดีอาญาโดยทั่วไป โดยให้ผู้กระทำความผิดมีโอกาสกลับตัวและยับยั้งการกระทำผิดซ้ำ รวมทั้งสามารถรักษาความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวไว้ได้
ดังนั้นเมื่อคุณตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว หรือพบเห็นการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ควรปฏิบัติ ดังนี้
· ให้คุยกัน หาทางไกล่เกลี่ยกันเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายอารมณ์เย็นและพร้อมที่จะฟังเหตุผลเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
· เมื่อให้โอกาสแล้วไม่มีอะไรดีขึ้นก็ต้องจบ ผู้หญิงมักเลือกความรักมากกว่าเหตุผล และเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะสามารถเปลี่ยนให้เขาเป็นคนดีขึ้นมาได้ ถ้าคุณโชคดีมันก็อาจจะคุ้มค่าแก่การรอคอย แต่ถ้ามันถึงจุดที่คุณไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว คุณก็ต้องพร้อมที่จะยุติความสัมพันธ์ ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะเสียหน้า ที่คุณต้องเลิกกับเขา เพราะจริงๆ แล้วคุณเป็นคนเก่งที่สามารถเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิตคุณเองต่างหาก
· มั่นใจในตนเอง เชื่อมั่นว่าคุณเก่ง สามารถทำอะไรที่ผู้ชายทำได้ ไม่ว่าจะเรื่องของหน้าที่การงาน หรือการเลี้ยงลูก แน่นอนว่าคนรอบข้างทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือคุณเสมอ
· หากคุณเป็นฝ่ายถูกกระทำ หรือพบเห็นการกระทำความรุนแรงในครอบครัว สามารถแจ้งข้อมูลหรือติดต่อศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรง ในครอบครัว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผ่านทางเว็บไซต์ ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว หรือโทรศัพท์หมายเลข 0-2659-6287 หรือ ศูนย์ข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว โทรศัพท์หมายเลข 0-2306-8774
· หากผู้กระทำรุนแรงไม่สามารถอยู่กับครอบครัวเดิมได้ ควรติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ผู้ถูกกระทำได้เข้ารับการ ดูแลที่บ้านพักฉุกเฉิน (กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ซึ่งสามารถติดต่อผ่าน ศูนย์พึ่งได้ (One-stop service crisis center: OSCC) สำหรับผู้ถูกกระทำ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป/โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง
หากยังมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามสามารถโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ 24 ชั่วโมง
ที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข