Knowledge Sharing
ในทางเศรษฐศาสตร์เมื่อพูดถึง “ความจน” หรือ “Poverty” ส่วนใหญ่แล้วมักใช้เกณฑ์ทางเศรษฐกิจ (Monetary Poverty) เป็นวัดระดับรายได้หรือค่าใช้จ่ายของประชาชนว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่เหมาะสมต่อการดำรงชีพของคนในสังคมหรือไม่ เมื่อรายได้หรือค่าใช้จ่ายต่ำกว่าค่ามาตรฐานหรือเส้นมาตรฐาน(เส้นความยากจน) ของคนส่วนใหญ่ในสังคมจะถูกจัดให้เป็นคนจน
ครึ่งหนึ่งของประชากรที่จนที่สุดในโลกมีบางสิ่งที่เหมือนกัน พวกเขาเป็นเกษตรกรรายย่อย การพูดที่จะเปิดหูเปิดตาผู้ฟังนี้โดย นักกิจกรรม แอนดริว ยูน แสดงให้เห็นว่า วิธีที่กลุ่มของเขา "One Acre Fund" ช่วยให้เกษตรกรเหล่านี้สามารถช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากความยากจน โดยการทำให้พวกเขาเข้าถึงการทำการเกษตรแบบยั่งยืนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ก่อนเข้ามาฟังการพูดนี้ เราไม่เชื่อว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาความหิวโหยและความยากจน แต่จะเดินออกมาด้วยความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับระดับของปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้
กรุงเทพ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563 – รายงานฉบับล่าสุดของธนาคารโลกได้วิเคราะห์ความยากจนและแนวโน้มความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยจากสถิติอย่างเป็นทางการของภาครัฐ พบว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการลดความยากจนตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากเมื่อปี 2531ที่มีสัดส่วนคนยากจนมากกว่าร้อยละ 65 เป็นต่ำกว่าร้อยละ 10 ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม การเติบโตของรายได้ครัวเรือนและการบริโภคได้หยุดชะงักลงทั่วประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้ความก้าวหน้าในการลดความยากจนของประเทศไทยถดถอยลง พร้อมกับจำนวนประชากรยากจนที่เพิ่มขึ้น
ในหลายๆครั้งเราจะเห็นการตั้งให้การขจัดความยากจนเป็นหัวข้อสำคัญในเวทีการเมือง ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสหประชาชาติยกให้การขจัดความยากจนเป็นเป้าหมายการพัฒนาทั้งในโครงการเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs)ที่สิ้นสุดไปเมื่อปี 2558 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่ถูกใช้ต่อเนื่องมา รวมถึงในประเทศไทยที่มีการออกนโยบายในรัฐบาลยุคต่างๆเพื่อที่จะทำให้ความยากจนหมดไป แม้ว่าในหลายๆครั้งลักษณะของนโยบายที่วางออกมามักจะถูกโจมตีว่าเป็นเพียงเพื่อสร้างคะแนนเสียงหรือประชานิยม แต่ทุกๆพรรคการเมืองและหน่วยงานต่างๆก็ต้องออกแผนการเพื่อแก้ไขปัญหานี้อยู่เนืองๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ถือเป็นหนึ่งในข่าวน่ายินดีที่สุดเกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าของโลกในศตวรรษนี้ โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ระหว่างปี 1990 - 2015 จำนวนผู้ที่อยู่ใต้เส้นแบ่งความยากจน (Poverty line) คือ มีรายได้วันละ 1.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 57 บาท) หรือต่ำกว่านั้น ลดลงจาก 1,900 ล้านคน มาอยู่ที่ 735 ล้านคน
วันนี้เส้นแบ่งคนรวยกับคนจนแยกชัดกันมากขึ้น จน ‘ดร.อรรถจักร์’ นิยามว่าประเทศไทยกำลังเป็น “สังคมขนมชั้น” ที่รัฐจรรโลงความเหลื่อมล้ำจนโครงสร้างนี้กำลังกดทับคนจน เกิดเป็นชนชั้นใหม่ ที่เรียกว่า “ชนชั้นคนจนข้ามรุ่น” ไม่สามารถขยับสถานะได้ เท่านั้นไม่พอโครงสร้างนี้ยังกระทบต่อชนชั้นกลางจำนวนมากด้วยเช่นกัน
TODAY Bizview สรุปบทสัมภาษณ์ ดร.อรรถจักร์ มาให้ได้อ่านกันใน 20 ข้อ
“คนจนจะหมดไป”
ไม่ว่าจะเป็นเพียงวาทกรรมหาเสียง หรือเจตจำนงอันแรงกล้าของนักการเมืองและผู้บริหารประเทศ แต่คำตอกกลับปนตลกร้ายก็คือคำพูดที่ว่า “คนจนหมดไป” คงหมายถึง ยากจน จนตายจากไป นั่นเอง ส่วนรูปธรรมหนึ่งของวลีเชิงวิชาการ “ประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลาง” คือ ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประชาชนไทยตกอยู่ในอันดับที่น่าเป็นห่วง แต่การรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ “ความยากจน” ที่แท้จริงนั้น คงไม่มีใครตอบได้ นอกจากเจ้าตัว ว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่ว่ายากจนนั้นอยู่ในระดับไหน หรือไม่ก็อาจต้องใช้เกณฑ์วัดความจน ที่มีอยู่หลายมาตรวัด แล้วแต่วัตถุประสงค์ของผู้ชี้วัด
Infographic