Knowledge Sharing
แนวคิดว่าด้วยสิทธิในที่อยู่อาศัย ยังไม่ค่อยเป็นที่รับรู้และเข้าใจนัก มีนักวิชาการพูดถึงแนวคิดนี้ไม่กี่ท่าน ท่านหนึ่งคือ รศ.ดร.อภิวัฒน์ รัตนวราหะ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในส่วนภาคประชาชน มีเครือข่ายสลัม 4 ภาค ที่จัดกิจกรรมเดินรณรงค์และยื่นข้อเรียกร้องเนื่องในวันที่อยู่อาศัยสากลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจนถึงสำนักงานสหประชาชาติในไทยมาร่วม 20 ปี ภายใต้คำขวัญ ‘ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิมนุษยชน’ ผมจึงขอเริ่มต้นด้วยประเด็นนี้
บทความนี้เป็นบทความที่นำเสนอสาระสำคัญที่เป็นผลการศึกษาจากโครงการศึกษาวิจัยชุมชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางสังคมในกรุงเทพมหานกร ซึ่งโกรงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัญหาและถวามต้องการของชุมชนตามกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางสังคมใน 6 ประเด็น ได้แก่
1) การเข้าถึงระบบการศึกษาและพัฒนาเยาวชน
2) การพัฒนาด้านกายภาพของชุมชน
3) การแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน
4) การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมโดยอำนาจรัฐ
5) การเข้าถึงทรัพยากร
6) ความเหลื่อมล้ำในการแสดงความคิดเห็น แต่สำหรับในบทความนี้จะเน้นนำเสนอเนื้อหาสาระเฉพาะในประเด็นการพัฒนาด้านกายภาพของชุมชนเป็นสำคัญ
เพราะบ้านไม่ใช่สินค้าที่สามารถตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์และความชอบได้เพียงอย่างเดียว ยิ่งถ้าเป็นบ้านหลังแรกที่เป็นเหมือนบ้านในฝัน ซึ่งคุณใช้เวลาเก็บหอมรอมริบเงินมาเป็นระยะเวลานานเพื่อเป็นเจ้าของด้วยแล้วละก็ ยิ่งต้องให้ความใส่ใจในการคัดสรรด้วยเหตุผลและปัจจัยที่ทำให้คุณได้บ้านที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
นับตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มดำเนินการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ.2504-2509 มุ่งเน้นเศรษฐกิจหลักในภาคการผลิตด้านอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น ประเทศเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว การเพิ่มจำนวนของแรงงานอพยพย้ายถิ่นฐาน จากชนบทเข้าสู่เมืองเพิ่มขึ้นตาม เมืองมีการเจริญเติบโตและมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำในไทยถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในปี 2018 ไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ตามข้อมูลของ CS Global Wealth Report ของสถาบันวิจัย Credit Suisse
ชีวิตของคนเรา อยู่กับความไม่แน่ ไม่นอน สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง แม้ในวันนี้ เราจะมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเองอย่างสะดวก แต่ในวันข้างหน้า หากไม่จากกันไปเสียก่อน เราย่อมแก่ชรา เป็นผู้สูงอายุ หรืออาจเป็นผู้พิการ ก็ย่อมเป็นไปได้เช่นกัน สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำ บ้านใจดี ซึ่งได้จัดโชว์ในงานสถาปนิก 56 มาให้คุณผู้ชมที่พลาดชม ได้ชมกันอย่างทั่วถึง โดยแบบบ้านดังกล่าวนี้ จัดแสดงโดย สสส. ออกแบบเป็นบ้านจำลอง สามารถใช้งานได้จริง รองรับการอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวที่มีผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ ให้ได้มีความสะดวกในการช่วยเหลือตนเองมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงอยากที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการกันทั้งนั้น ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าวันหนึ่งคุณจะกลายเป็นคนที่มีข้อจำกัดบางประการในการใช้ชีวิต แต่ทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนไปเลย หากสภาพแวดล้อมในชีวิตของคุณถูกออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
ดร.นณริฏ เสนอลดช่องว่างการพัฒนาที่อยู่อาศัยของคนจนในชนบท หลังพบผู้มีรายได้น้อยในภูมิภาคต่างๆ ยังประสบกับปัญหาเกี่ยวเนื่อง ทั้งปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและปัญหาที่ดินทำกิน ชูการเคหะแห่งชาติรับบทบาทหลักเป็นศูนย์กลางและประสานความร่วมมือหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการมีแบบบ้านมาตรฐานที่มั่นคง ถูกสุขลักษณะ สอดคล้องกับวิถีชีวิต จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และตอบโจทย์ความยั่งยืนด้านที่อยู่อาศัยของคนจนได้
ณ วันนี้ เราน่าจะเริ่มเห็นสัญญาณวิกฤติที่อยู่อาศัยในกรุงเทพกันแล้วบ้าง แม้ ณ ปี 2560 นี้ผู้คนจะยังพออยู่ในเมืองกันได้อย่างปกติสุข แต่ทราบหรือไม่ว่าขณะนี้คนชั้นล่างที่มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบด้านคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีจากการเปลี่ยนแปลงค่าครองชีพในเมืองกรุงเทพกันไปนานแล้ว พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาความยากลำบากในการการเข้าถึงที่อยู่อาศัยราคาต่ำ พวกเขาต้องจ่ายแพงขึ้น แต่คุณภาพชีวิตลดลง อาจต้องยอมย้ายจากหอพักเก่าที่ราคาแพงกว่าไปหาหอพักคุณภาพต่ำลงในราคาถูกลง ปัญหาการหมุนเงินในครอบครัวรายรับออกไม่ตรงกับรายจ่ายทำให้มีปัญหาหนี้สิน
นิยามของ ‘เมืองเป็นธรรม’ ในมุมมองของแต่ละคน ถูกหยิบยกเป็นประเด็นสำคัญในการนำเสนอเป็นนโยบายประชาชน และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในเวที Bangkok Active Forum หัวข้อ “เมืองเป็นธรรม” ที่ Thai PBS และเครือข่ายปลุกกรุงเทพฯ จัดขึ้น ถือเป็นเวทีที่ 4 เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายถึงผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป
Infographic