A.D. 1122 (ปีเริ่มต้นคอมมูนิตี้)
A.D. 1123
มกราคม
มีข่าวเจ้าชายรัชทายาททรงได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนน่านน้ำและปราบปรามโจรสลัด
แต่มีข่าวลือออกมาเช่นกันว่าเจ้าชายถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์
สิงหาคม
เหตุการณ์วาตภัยในซาลิฟ
A.D. 1124
มีนาคม
เจ้าชายรัชทายาททรงปรากฏกายต่อสาธารณชนครั้งแรกหลังการบาดเจ็บในวันฉลองพระราชสมภพซึ่งตรงกับเทศกาลฉลองชัยชนะราชนาวี และได้เข้าร่วมการประลองในงานเทศกาลด้วย
ตุลาคม
มีการประกาศข่าวการหมั้นหมายของเจ้าหญิงแห่งสกอร์ปิโอ
A.D. 1125
ปีนี้จะเป็นปีที่มีการคัดเลือกสภาเสนาธิการชุดใหม่ ตามวาระ 5 ปี
มีนาคม
กลางเดือน - หลังจากเทศกาลชัยชนะราชนาวี กษัตริย์ เซธ ราห์โฮเทป ที่สอง กษัตริย์แห่งไนล์ เสด็จเยือนสกอร์ปิโออย่างเป็นทางการ ในการนี้มีพิธีหมั้นหมายระหว่างกษัตริย์เซธแห่งไนล์ และเจ้าหญิงลูอิซา สกอร์ปิอัส พระธิดาองค์โตของกษัตริย์อเลซัสแห่งสกอร์ปิโอ
โดยมีกำหนดการพิธีอภิเษกสมรสในเดือนกุมภาพันธ์ A.D. 1126
ปลายเดือน - กษัตริย์อเลซัส สกอร์ปิอัส เสด็จภูมิภาคคัลนาสเป็นการส่วนพระองค์ แต่เกิดเหตุวุ่นวายจากฝ่ายปลุกปั่นต่อต้านกษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน ทำให้เกิดการต่อสู้รอบๆเมืองคัลนาเรียเป็นเวลาหลายวัน ตัวเมืองบางส่วนถูกเผาจนวอด ก่อนผู้ก่อการร้ายจะถูกจับและประหารชีวิตต่อหน้าธารกำนัล
ธันวาคม
กษัตริย์อเลซัส สกอร์ปิอัส และผู้บัญชาการกองทัพหลวง เจ้าชายเอธานัส สกอร์ปิอัส เยือนเอดินเบิร์กและโรงเรียนพระราชา ในโอกาสครบรอบ 510 ปีโรงเรียนพระราชา
A.D. 1126
กุมภาพันธ์
1 กุมภาพันธ์ - พิธีบวงสรวงและขอพรเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อนการเดินทางสู่พิธีอภิเษกสมรสที่ไนล์
3 กุมภาพันธ์ - ขบวนเรือเกียรติยศของเจ้าหญิงลูอิซา สกอร์ปิอัส ออกเดินทางจากท่าเรือในเมืองหลวงฟอร์เทลซา
4 กุมภาพันธ์ - ใต้หน้าผาสูงเหนือแหลมสุดท้ายของดินแดนสกอร์ปิโอ เรือหลวงเทียแมทท์ และกองเรือลาดตระเวนอุดร แปรขบวนส่งเสด็จ มีการยิงสลุตกระทั่งขบวนเรือหลวงแล่นไปจนลับสายตา
A.D. 1127
มกราคม
การมาถึงของบัญชาแรกจากไฮคิง “สังคายนาการคมนาคมทั้งเอเดน”
- การเดินทางทางทะเล
ทางการของสกอร์ปิโอประกาศเรียกรวมเหล่านักเดินเรือและนักสำรวจทางทะเล ให้ส่งบทคัดลอกของบันทึกการสำรวจทั้งชายฝั่งและน่านน้ำไปยังฐานที่ตั้งของกองทัพประจำภูมิภาคต่างๆ เพื่อสังคายนาแผนที่ของทหารและพลเรือนให้มีฐานข้อมูลตรงกัน
สั่งการให้ประภาคารต่างๆตามชายฝั่งตรวจสอบสภาพอาคารสถานที่และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ในครั้งนี้หากชำรุดซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายในการบูรณะทางการจะเป็นผู้ออกให้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการเปิดอมรมการกู้ภัยทางน้ำสำหรับผู้คนทั่วไป
- การเดินทางทางบก
ถนนสายหลักๆที่เป็นหัวใจในการขนส่งมักจะอยู่ในการดูแลของกองทัพให้อยู่ในสภาพดี ทางการจึงมีประกาศให้สำรวจเส้นทางสายเล็กหรือสายรองเข้าสู่สถานที่ห่างไกลต่างๆและปรัับปรุงซ่อมแซมให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกับเส้นทางหลัก รวมถึงทำการบันทึกเส้นทางเหล่านี้เข้าไปในแผนที่เพื่อที่จะไม่ตกสำรวจในการปรับปรุงตามวาระต่างๆ ซ่อมแซมสะพานและทางข้าม รวมถึงปรับปรุงจุดพักในการเดินทางระหว่างเมืองให้สะดวกสบายและปลอดภัย
- การเดินทางทางอากาศ
ให้เจ้าหน้าที่ส่งสารด่วนของสภาเสนาธิการและเจ้าหน้าที่ประจำภูมิภาคต่างๆเป็นผู้สำรวจ จำนวนจุดลงจอดประจำหัวเมืองใหญ่และเมืองต่างๆ จุดพักมังกรและสัตว์วิเศษบินได้ ให้มีการปรับปรุงซ่อมแซมจุดพัก และขยายจุดพักต่างๆตามจำเป็น ที่ใดที่จุดพักสัตว์วิเศษบินได้ยังคงอยู่รวมกับจุดพักม้าก็ให้ก่อสร้างแยกออกมา
มีนาคม
กษัตริย์อเลซัส สกอร์ปิอัส และเชื้อพระวงศ์บางส่วน เสด็จเข้าร่วมในพิธีสมรสส่วนแรก ระหว่างเจ้าชายเจอรัลด์ เลอบลังค์ ที่ 16 เจ้าชายรัชทายาทแห่งฟรานซ์ และเจ้าหญิงโดโรเธีย เพเรนเนียน ผู้มีศักดิ์เป็นพระนัดดาในองค์กษัตริย์--พระธิดาของเจ้าชายลอเรนเทียส สกอร์ปิอัส-เพเรนเนียน สวามีของกษัตริย์อิลลูมิเนแห่งกิลดิเรก ณ เซเรียดอน ประเทศกิลดิเรก
เมษายน
เจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส ในฐานะเจ้าชายรัชทายาทแห่งสกอร์ปิโอ เป็นตัวแทนเข้าร่วมในพิธีสมรสส่วนหลังระหว่างเจ้าชายเจอรัลด์ เลอบลังค์ ที่ 16 เจ้าชายรัชทายาทแห่งฟรานซ์ และเจ้าหญิงโดโรเธีย เพเรนเนียน ที่มหานครฟรานซ์ ประเทศฟรานซ์
A.D. 1128
กุมภาพันธ์ ปลายเดือน
มีการปล่อยขบวนคณะนักกีฬาที่จะเดินทางไปเข้าร่วมเทศกาลกีฬาอธีเนียนส์ที่เอเธนส์
เมษายน
เจ้าชายรัชทายาทและคณะทูต เป็นผู้แทนพระองค์เข้าร่วมในพระราชพิธีราชาภิเษกที่พริสท์โบโรว์
กรกฎาคม
ข่าวอาการป่วยของพระชนนีในองค์กษัตริย์ อดีตราชินีเบลินดาแห่งตะกูลคาริน่า กษัตริย์อเลซัสทรงเสด็จภาคตะวันออกและประทับที่พระราชวังฤดูร้อนตลอดทั้งเดือน
A.D. 1129
มีนาคม
1) เทศกาลฉลองชัยชนะราชนาวีประจำปี A.D. 1129
เป็นวันที่พิเศษกว่าเทศกาลฉลองชัยชนะราชนาวีในปีอื่นๆ ด้วยเป็นปีที่เจ้าชายรัชทายาท เจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส มีอายุครบ 21 ปี
ตามโบราณราชประเพณีนับร้อยปี เมื่อเจ้าชายรัชทายาทมีอายุย่างเข้าในวัย 21 ปี, หรือตามธรรมเนียมเก่า คือช่วงอายุในการจบการศึกษาในหลักสูตรชั้นสูงของสถาบันการทหาร, ในวันนี้จะเป็นพิธีเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 รักษาพระองค์ ภายใต้สังกัดเลไวอาธัน หรือกองเรือลาดตระเวนทักษิณ ซึ่งจะเป็นกองเรือประจำพระองค์นับตั้งแต่นี้ไป
สำหรับสกอร์ปิโอแล้ว การเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 นี้ เทียบเท่ากับพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการของประเทศอื่น
5 มีนาคม - ชาวสกอร์ปิโอเริ่มประดับธงสีน้ำเงินตามบ้านเรือน และเริ่มการประลองประจำเทศกาล
6 มีนาคม - พิธีบวงสรวงและขอพรเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ประชาชนเริ่มจัดงานฉลอง งานประลองยังคงมีการแข่งขันต่อเนื่อง
7 มีนาคม - ช่วงเช้า: พิธีสวนสนามทางทะเล พิธีประดับยศทางทหาร
(รายละเอียดเทศกาลชัยชนะราชนาวี A.D.1129 และพิธีเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 รักษาพระองค์)
ช่วงบ่าย: การประลองรอบชิงชนะเลิศ
ช่วงค่ำ: งานเลี้ยงราตรีสโมสร การแสดงพลุและแสงสีเสียง
ยังคงมีการฉลองทั่วไปในจุดต่างๆ และช่วงค่ำตามเมืองใหญ่มักมีการแสดงพลุ
2) ประกาศการหมั้นหมายของสมาชิกราชวงศ์
9 มีนาคม
ประกาศจากกองราชพิธีการ ราชสำนักหลวงแห่งสกอร์ปิโอ
นับเป็นวาระอันเป็นมงคลยิ่ง เมื่อหนึ่งในไข่มุกแสงจันทร์ได้ถูกประกอบเข้ากับเรือนประดับตามธรรมเนียม
เครื่องประดับผมไข่มุกเป็นของหมั้นหมาย
ไข่มุกแสงจันทร์คือการหมั้นหมายของราชวงศ์
บัดนี้ราชสำนักแห่งสกอร์ปิโอขอแสดงความยินดีที่จะประกาศการหมั้นหมาย ระหว่าง เจ้าชายอีสเลย์ สกอร์ปิอัส เจ้าชายรัชทายาท ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 รักษาพระองค์ กับ อริสเทีย สกอร์ปิอัส ผู้ตรวจการระดับสามแห่งสภาเสนาธิการ ธิดาในผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพหลวงแห่งสกอร์ปิโอ
พิธีการหมั้นหมาย, พิธีสาบานต่อแท่นบูชาอย่างเป็นทางการ และพิธีอภิเษกสมรส กำหนดไว้ในช่วงเดือนมกราคม A.D. 1131 หรือหลังจากเจ้าชายอีสเลย์สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนพระราชา
หลังจากเดือนพฤษภาคมของปีนี้เป็นต้นมา มีเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายและการทำลายทรัพย์สินราชการ และตระกูลที่สนับสนุนองค์กษัตริย์บ่อยครั้ง
(สถานการณ์ความไม่สงบในสกอร์ปิโอ A.D. 1129-1131)
พฤศจิกายน
ริวา - เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในย่านชุมชนใจกลางเมือง เปลวเพลิงปลายใบไม้ร่วงก่อนเข้าฤดูใบไม้หนาวที่อากาศแห้งและแล้งผนวกเข้ากับลมทะเล แผดเผาข้ามคืนจนหมู่บ้านร้านตลาดที่ยังนิยมสร้างด้วยไม้ของภูมิภาคนี้มอดไหม้เป็นธุลี
การ์วีจิ - เกิดระเบิดที่ประภาคารประจำเมือง ก่อนที่อาคารสูงซึ่งตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำจะค่อยๆทรุดตัวและถล่มลงมา
A.D. 1130
ยังคงมีความวุ่นวายตามเมืองต่างๆที่มีการประชุมคัดเลือกรายชื่อเสนอสภาเสนาธิการ ทรัพย์สินที่เสียหายเป็นทรัพย์สินทางราชการเป็นส่วนใหญ่
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมักเกิดกับสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลที่มีอิทธิพลทางการทหารเป็นสำคัญ
สิงหาคม
เดือนแห่งการประชุมคัดเลือกสภาเสนาธิการ วาระการประชุมเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ไปจนถึงได้ข้อสรุปสุดท้าย การประชุมจัดขึ้นที่หอประชุมนภา (อาคารรัฐสภา) ในกลางเมืองฟอร์เทลซา
(รายละเอียด: สถานการณ์ความไม่สงบในสกอร์ปิโอ A.D. 1129-1131)
25 สิงหาคม
การประชุมคัดเลือกสภาเสนาธิการครั้งสุดท้าย ฟอร์เทลซา
กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบบุกเข้าสู่ฟอร์เทลซา ทำลายทั้งร้านค้าและสถานที่ราชการ สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนในเมือง
เกิดการบุกยึดหอประชุมนภา ระหว่างการประชุม มีการประกาศก่อการกบฏ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
27 สิงหาคม
เหตุการณ์วุ่นวายจบลง
กันยายน
3 กันยายน วันประกอบพิธีศพของผู้สูญเสียในเหตุการณ์กบฏ
พิธีของราชวงศ์ถูกจัดขึ้นที่ฌาปนสถานหลวง
พิธีของกองทัพถูกจัดขึ้นที่ฌาปนสถานของราชนาวี
ผู้ที่เดินทางกลับไปประกอบพิธียังบ้านเกิด จะได้รับไฟพระราชทานจากผู้แทนพระองค์
4 กันยายน วันประกอบพิธีลอยเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิต
พฤศจิกายน
มีการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการกองทัพหลวงแทนที่ผู้บัญชาการพระองค์ก่อน
ธันวาคม ปลายเดือน
การลงมติรับรายชื่อสมาชิกสภาเสนาธิการครั้งสุดท้ายต่อจากที่คงค้างไว้ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวาย ผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าดำรงตำแหน่งโดยทันที
A.D.1131
มกราคม
2 มกราคม
เริ่มต้นการพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณชน ณ จตุรัสกลางเมืองหลวงฟอร์เทลซา
16 มกราคม
วันจัดการประหารชีวิตผู้ร่วมการกบฏต่อหน้าสาธารณะชน
วันจัดการประหารชีวิตแกนนำการกบฏในส่วนในของพระราชวัง เปิดใช้การประหาร 'หลุมแห่งความตาย'
20 มกราคม
กรมการประชาสัมพันธ์ออกแถลงการณ์สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงมีการเผยแพร่เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวอ้างเป็นต้นเหตุของการกบฏโดยละเอียด
ในประกาศฉบับเดียวกันนี้ยังมีรายชื่อของผู้ได้รับการปูนบำเน็จรางวัล ไปจนถึงการเลื่อนยศตำแหน่ง
มีการแต่งตั้ง ธีโอดอร์ ฟาริส ผู้บัญชาการกองพลพิทักษ์อุดร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองทัพหลวงคนใหม่อย่างเป็นทางการ
กษัตริย์อเลซัสทรงโปรดให้ 'อาซิเอร์ ฟาริส' เข้าสู่ราชสกุลสกอร์ปิอัส รับพระยศเป็นเจ้าชายแห่งสกอร์ปิโอ
โปรดให้ 'แอสเซอร์ ฟาริส' เข้าสู่ราชสกุลสกอร์ปิอัส รับพระยศเป็นเจ้าหญิงแห่งสกอร์ปิโอ
และโปรดให้คืนยศแก่อริสเทีย สกอร์ปิอัส ซึ่งมีความดีความชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ให้กลับคืนมาเป็นเจ้าหญิงแห่งราชสกุลสกอร์ปิอัสดังเดิม
(รายละเอียด: สถานการณ์ความไม่สงบในสกอร์ปิโอ A.D. 1129-1131)