วิธีคัดเลือกราชา: เจ้าชายองค์โตสืบทอดบัลลังก์
สกอร์ปิโอปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันมีกษัตริย์เป็นประมุข มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ร่วมด้วยทรงสิทธิ์อำนาจในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของทัพราชนาวี ยามมีศึกสงครามกษัตริย์มักเป็นผู้ออกบัญชาการกองเรือหลวงของสกอร์ปิโอด้วยพระองค์เอง
ค่านิยมของสังคมสกอร์ปิโอคือเชิดชูความสามารถส่วนบุคคล ให้การยอมรับในผู้นำที่แข็งแกร่ง รวมกับความนิยมในลัทธิทหาร ยิ่งกษัตริย์พระองค์ใดเติบโตคลุกคลีมากับการรับราชการทหารก่อนขึ้นครองราชย์ มักจะได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งสภาและประชาชนเป็นอย่างมาก
การปกครองส่วนกลาง หลักๆแยกออกเป็นฝ่ายทหารและข้าราชการพลเรือน
ฝ่ายทหาร ดูแลกิจการความมั่นคงและความปลอดภัยสาธารณะ กองทัพหลวงดูแลส่วนภาคพื้นทวีปและเมืองต่างๆ ราชนาวีดูแลเขตชายฝั่งและน่านน้ำ
ฝ่ายข้าราชการพลเรือน การปกครองแบ่งเป็นสามฝ่าย
บริหาร - กรมการศึกษา กรมการโยธา กรมสาธารณสุข กรมการปศุสัตว์ กองรัฐพิธี
ยุติธรรม - ฝ่ายงานนิติบัญญัติและตุลาการ
การคลัง - ดูแลเรื่องภาษีและตรวจสอบรายรับรายจ่ายของรัฐ แยกตัวออกมาจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่อย่างเป็นเอกเทศไม่ขึ้นตรงฝ่ายใด ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายที่มีหน่วยงานสอบสวนเข้มงวดที่สุดรองจากกองทัพ มีสถาบันฝึกฝนผู้ตรวจสอบเป็นของตนเอง ยึดมั่นเรื่องจรรยาบรรณในวิชาชีพเป็นอย่างมาก
การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการจะทำหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพ
เพราะอยู่ไกลหูไกลตาหากเกิดการทุจริตประพฤติมิชอบ ผู้ที่สอบสวนแล้วได้รับการยืนยันว่ากระทำผิดจริงจะถูกโอนไปพิจารณาคดีในศาลทหารที่บทลงโทษหนักและพิจารณาคดีเข้มงวดกว่าศาลยุติธรรม เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อเป็นการปลอบโยนผู้คนที่เดือดร้อนจากการทุจริตให้คลายความทุกข์
หากมีปัญหาที่พิจารณาร่วมกันแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขด้วยกำลังของตัวเองได้ ส่วนภูมิภาคจะส่งเรื่องเข้ามายังสภาเสนาธิการพิจารณาตัดสินและวางนโยบายอีกทีหนึ่ง
ใช้ภาษีอุดหนุนการศึกษา แม้สกอร์ปิโอจะมีระบบการศึกษาแบบสมัครใจ กระนั้นก็ยินดีหากประชาชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างไม่ลำบาก อีกทั้งการต่อหลักสูตรชั้นสูงในหลายสาขาวิชาจำเป็นต้องได้รับการรับรองจากสถานศึกษาชั้นต้น
สมาชิกสภาเสนาธิการมีทั้งหมด 25 คน คัดเลือกจากข้าราชการผู้ทรงคุณวุฒิจากกองทัพ 15 คน ข้าราชการพลเรือน 10 คน ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับกษัตริย์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ และพิจารณาปัญหาใหญ่ๆที่หน่วยงานปกครองหรือกองทัพส่วนภูมิภาคส่งขึ้นมา มีหน้าที่คล้ายคณะรัฐมนตรีที่จะทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของกรมกองต่างๆ
สมาชิกสภาเสนาธิการถูกคัดเลือกโดยที่ประชุมขุนนางที่โดยปกติจะจัดขึ้นไตรมาสละ 1 ครั้งเพื่อพิจารณาปัญหา สรุปผลการดำเนินงานและนโยบายการปกครองต่างๆ ผู้ถูกคัดเลือกจะถูกเลือกจากอายุงานและประสบการณ์ทำงานในกรมกองต่างๆ โดยจะต้องไม่ใช่ตำแหน่งเจ้ากรมหรือรองเจ้ากรม ผู้ถูกเลือกจะอยู่ในตำแหน่งวาระละ 5 ปี หากมีคนลาออกหรือเสียชีวิตจะมีการคัดเลือกสมาชิกคนใหม่เข้ามา และสมาชิกคนใหม่นี้จะหมดวาระพร้อมกับกับสมาชิกคนอื่น
การคัดเลือกสภาเสนาธิการครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในปี A.D. 1130
สามารถขอโคประวัติตัวละครได้ผ่านทางแอคเคาท์ @ToBSS2_Eden