บทที่ ๖
สนธิ การต่ออักษรของบท
สนธิ คือการต่ออักษรของศัพท์ให้เนื่องกัน เพื่อย่ออักษรให้น้อยลง เป็นประโยชน์ต่อการแต่งฉันท์ และทำคำพูดให้สละสลวย มีวิเคราะห์ว่า "ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตรํ อทสฺเสตฺวา สมฺมา ธียตีติ สนฺธิ บทที่ท่านทำให้ไม่เห็นช่องว่างระหว่างบททั้ง ๒ แล้วต่อเข้ากันอย่างดี ชื่อว่าสนธิ"
สนธิ ๒
การนำศัพท์มาต่อกัน มี ๒ อย่าง คือ
๑. ต่อศัพท์ที่มีวิภัตติกับศัพท์ที่มีวิภัตติ
เช่น จตฺตาโร อิเม ต่อเป็น จตฺตาโรเม
เทฺว อิเม ต่อเป็น เทฺวเม
๒. ต่อในศัพท์สมาส
เช่น นีล อุปฺปลํ ต่อเป็น นีลุปฺปลํ
เช่น โสต อาปนฺโน ต่อเป็น โสตาปนฺโน
อักษรสนธิ ๓
อักษรของศัพท์ที่นำมาต่อกันมี ๓ อย่าง คือ
๑. สรสนธิ การต่อระหว่างสระกับสระ
๒. พยัญชนสนธิ การต่อระหว่างพยัญชนะกับสระหรือพยัญชนะ
๓. นิคคหีตสนธิ การต่อระหว่างนิคหิตกับสระหรือพยัญชนะ
สนธิวิธาน ๘
โลปาเทโส จ อาคโม วิกาโร ปกตีปิ จ
ทีโฆ รสฺโส สญฺโญโคติ สนฺธิเภทา ปกาสิตา
สนธิวิธาน คือ วิธีการทำสนธิมี ๘ คือ (โล อา อา วิ ป ที ร สํ)
๑. โลปะ ลบอักษร
๒. อาเทสะ อาเทศ หรือแปลงอักษร
๓. อาคมะ ลงอาคม หรือลงอักษรใหม่
๔. วิการะ การวิการ หรือวิปริต หรือทำให้ต่างจากอักษรเดิม
๕. ปกติ ปรกติอักษรไว้ ไม่เปลี่ยนแปลง
๖. ทีฆะ ทำสระเสียงสั้นให้ยาว
๗. รัสสะ ทำสระเสียงยาวให้สั้น
๘. สัญฺโญคะ ซ้อนพยัญชนะ (ตามหลักสัญโญคะ)
๑. สรสนธิ
สรสนธิ มีวิธีการต่อ ๗ อย่าง คือ โลปะ อาเทสะ อาคมะ วิการะ ปกติ ทีฆะ รัสสะ
โลปะ ลบสระ มี ๒ วิธี คือ
๑. ลบสระหน้า เช่น ยสฺส อินฺทฺริยานิ เป็น ยสฺสินฺทฺริยานิ
มาตุ อุปฏฺฐานํ เป็น มาตุปฏฺฐานํ
ปญฺญา อินฺทริยํ เป็น ปญฺญินฺทฺริยํ
๒. ลบสระหลัง เช่น อิติ อปิ โส เป็น อิติปิ โส
จกฺขุ อินฺทฺริยํ เป็น จกฺขุนฺทฺริยํ
จตฺตาโร อิเม เป็น จตฺตาโรเม
ภควา อิติ เป็น ภควาติ
อาเทสะ แปลงสระ มี ๒ วิธี คือ
๑. อาเทศสระหน้า คือเพราะสระข้างหลัง อาเทศ อิ เอ เป็น ย, อุ โอ เป็น ว
เช่น วุตฺติ อสฺส เป็น วุตฺยสฺส (อิ เป็น ย)
เต อสฺส เป็น ตฺยสฺส (เอ เป็น ย)
พหุ อาพาโธ เป็น พหฺวาพาโธ (อุ เป็น ว)
อถ โข อสฺส เป็น อถ ขฺวสฺส (โอ เป็น ว)
๒. วิการสระหลัง คือเมื่อลบสระข้างหน้าแล้ว วิการสระ อิ ข้างหลัง เป็น เอ, อุ เป็น โอ
เช่น พนฺธุสฺส อิว เป็น พนฺธุสฺเสว
ยถา อุทเก เป็น ยโถทเก
ปกติ ปรกติสระไว้ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เช่น โก อิมํ คงเป็น โก อิมํ
ทีฆะ ทำสระเสียงสั้นให้ยาว มี ๒ วิธี คือ
๑. ทีฆะสระหน้า คือเมื่อลบสระหลังแล้ว ทำทีฆะสระหน้าบ้าง
เช่น โลกสฺส อิติ เป็น โลกสฺสาติ
สาธุ อิติ เป็น สาธูติ
๒. ทีฆะสระหลัง คือเมื่อลบสระหน้าแล้ว ทำทีฆะสระหลังบ้าง
เช่น พุทฺธ อนุสฺสติ เป็น พุทฺธานุสฺสติ
อติ อิโต เป็น อตีโต
รัสสะ ทำสระเสียงยาวให้สั้น
มีหลักดังนี้ ถ้ามีพยัญชนะหรือ เอว ศัพท์อยู่หลัง ให้รัสสะสระหน้าบ้าง
เช่น โภวาที นาม เป็น โภวาทินาม
ยถา เอว เป็น ยถริว
๒. พยัญชนะสนธิ
พยัญชนสนธิ มีวิธีการต่อ ๕ อย่าง คือ โลปะ อาเทสะ อาคมะ ปกติ สัญโญคะ
โลปะ ลบพยัญชนะ คือ
เมื่อลบสระหลังจากนิคหิตแล้ว ถ้ามีพยัญชนะเหมือนกันซ้อนกัน ๒ ตัว ให้ลบ ๑ ตัว
เช่น เอวํ อสฺส เป็น เอวํส
ปุปฺผํ อสฺสา เป็น ปุปฺผํสา
อาเทสะ อาเทศพยัญชนะ มี ๔ วิธี คือ
๑. เพราะสระข้างหลัง อาเทศ ติ เป็น จ แล้วซ้อน จฺ
เช่น อิติ เอวํ เป็น อิจฺเจวํ
อิติ อาทิ เป็น อิจฺจาทิ
อาเทศ อภิ เป็น อพฺภ
เช่น อภิ อุคฺคจฺฉติ เป็น อพฺภุคฺคจฺฉติ
อภิ อกฺขานํ เป็น อพฺภกฺขานํ
อาเทศ อธิ เป็น อชฺฌ
เช่น อธิ อคมา เป็น อชฺฌคมา
อธิ โอกาโส เป็น อชฺโฌกาโส
๒. อาเทศ ธ ของ อิธ ที่อยู่หลังจาก เอกํ เป็น ท
เช่น เอกํ อิธ อหํ เป็น เอกมิทาหํ
๓. เพราะสระหรือพยัญชนะข้างหลัง อาเทศพยัญชนะได้ไม่จำกัด
เช่น สาธุ ทสฺสนํ เป็น สาหุ ทสฺสนํ (ธ เป็น ห)
ทุกฺกตํ เป็น ทุกฺกฏํ (ต เป็น ฏ)
ปนีตํ เป็น ปณีตํ (น เป็น ณ)
๔. เพราะพยัญชนะข้างหลัง อาเทศ อว เป็น โอ
เช่น อวนทฺธา เป็น โอนทฺธา
อวกาโส เป็น โอกาโส
อาคมะ ลงพยัญชนะใหม่ ๙ ตัว คือ คฺ ยฺ วฺ มฺ ทฺ นฺ ตฺ รฺ ฬฺ (หรือ ลฺ)
คฺ อาคม เช่น ปา เอว เป็น ปเคว
ยฺ อาคม เช่น ยถา อิทํ เป็น ยถยิทํ
วฺ อาคม เช่น ติองฺคุลํ เป็น ติวงฺคุลํ
มฺ อาคม เช่น ลหุ เอสฺสติ เป็น ลหุเมสฺสติ
ทฺ อาคม เช่น อุ อคฺโค เป็น อุทคฺโค
นฺ อาคม เช่น อิโต อายติ เป็น อิโตนายติ
ตฺ อาคม เช่น ยสฺมา อิห เป็น ยสฺมาติห
รฺ อาคม เช่น นิ อนฺตรํ เป็น นิรนฺตรํ
ฬฺ อาคม เช่น ฉ อภิญฺญา เป็น ฉฬภิญฺญา
ปกติ ปรกติพยัญชนะไว้ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เช่น สาธุ คงเป็น สาธุ
สัญโญคะ ซ้อนพยัญชนะใหม่ มี ๒ วิธี คือ
๑. ซ้อนพยัญชนะเหมือนกันตามหลักพยัญชนะสังโยค (บทที่ ๕)
เช่น อิธ ปโมทติ เป็น อิธปฺปโมทติ
อปมาโท เป็น อปฺปมาโท
วิปยุตโต เป็น วิปฺปยุตฺโต
๒. ซ้อนพยัญชนะต่างกันตามหลักพยัญชนะสังโยค (บทที่ ๕)
เช่น ปฆรติ เป็น ปคฺฆรติ
ปฐมฌานํ เป็น ปฐมชฺฌานํ
ทุภิกฺขํ เป็น ทุพฺภิกฺขํ
๓. นิคคหีตสนธิ
นิคคหีตสนธิ มีวิธีการต่อ ๔ อย่าง คือ โลปะ อาเทสะ อาคมะ ปกติ
โลปะ ลบนิคหิต
เพราะสระหรือพยัญชนะข้างหลัง ให้ลบนิคหิตข้างหน้าบ้าง
เช่น ตาสํ อหํ เป็น ตาสาหํ
อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ เป็น อริยสจฺจาน ทสฺสนํ
เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ เป็น เอตํ พุทฺธาน สาสนํ
อาเทสะ อาเทศนิคหิต มี ๕ อย่าง คือ
๑. เพราะพยัญชนะวรรคข้างหลัง อาเทศนิคหิตเป็นพยัญชนะที่สุดวรรคบ้าง
เช่น เอวํ โข เป็น เอวงฺโข
ตํ ชาตํ เป็น ตญฺชาตํ
ตํ ฐานํ เป็น ตณฺฐานํ
ตํ ตโนติ เป็น ตนฺตโนติ
ตํ ผลํ เป็น ตมฺผลํ
๒. เพราะ เอ หรือ ห ข้างหลัง อาเทศนิคหิตเป็น ญฺ
เข่น ตํ เอว เป็น ตญฺเญว
ตํ หิ เป็น ตญฺหิ
๓. เพราะ ย ข้างหลัง อาเทศนิคหิตกับ ย เป็น ญฺ แล้วซ้อน ญฺ
เช่น สํโยโค เป็น สญฺโญโค
สํโยชนํ เป็น สญฺโญชนํ
๔. เพราะ ล ข้างหลัง อาเทศนิคหิตเป็น ลฺ
เช่น ปุํลิงฺคํ เป็น ปุลฺลิงฺคํ
๕. เพราะสระข้างหลัง อาเทศนิคหิตเป็น มฺ และ ทฺ
เช่น ตํ อหํ เป็น ตมหํ
ยํ อนิจฺจํ เป็น ยทนิจฺจํ
อาคมะ ลงนิคหิตใหม่
เพราะสระหรือพยัญชนะข้างหลัง ลงนิคหิตอาคมได้บ้าง
เช่น จกฺขุ อุทปาทิ เป็น จกฺขุํ อุทปาทิ
อวสิโร เป็น อวํสิโร
ปกติ ปรกตินิคหิตไว้ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เช่น ธมฺมํ จเร คงเป็น ธมฺมํ จเร