รูปร่างเป็นหินสีดำ รูปไข่ น้ำหนักประมาณ กก. ปัจจุบันอยู่หน้าพระประธานวิหารวัดแสงเมืองมา ตามเป็นมาของหินก้อนนี้ จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน และเจ้าอาวาสวัดแสงเมืองมา ท่านพระครูอรุณ บุญญาคม พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ก่อนจะยกกำลังไปปราบพม่า ที่ยกกองทัพมาตั้งมั่นที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง คือท้าวมหายศ ได้มาทำพิธีเสี่ยงทาย ยกก้อนหินขึ้นเหนือศีรษะ อธิษฐานให้ประสบชัยชนะในการไปรบครั้งนี้
เมืองเขลางค์ในสมัยนั้น “พระเจ้าลิ้นก่าน” เป็นเจ้าเมือง แต่มีพระชนม์ อายุน้อย บ้านเมืองอ่อนแอ ถูกพม่ากดขี่ข่มเหง ประชาชนเดือดร้อน เจ้าอาวาสวัดชมพู วัดประตูม่า วัดแสงเมืองมา ได้มาประชุมช่วยกันกอบกู้บ้านเมือง จึงประกาศหาคนที่กล้าหาญไปสู้กับพม่า ได้ทราบจากชาวบ้านว่า หนานทิพย์จักร เป็นลูกคนที่ 2 ของนายแคว่น (ผู้ใหญ่บ้าน) บ้านปงยางคก ยิงปืน ยิงธนู ได้แม่นยำ รูปร่างล่ำสัน สามารถปราบช้างตกมัน ได้ โดยดึงหางช้าง และใช้มีดตัดหางช้างได้
เจ้าอาวาสทั้ง 3 ท่าน ได้เรียกหนานทิพย์จักร มาพบที่วัดแสงเมืองมา และขอร้องให้ไปปราบพม่า หนานทิพย์จักร ยินดีที่จะไปรบ แต่ขอกำลัง 300 คน พร้อมกับเลือกเอาคนกล้าหาญ ไปรบด้วย ประกอบด้วย หมื่นแสน หมื่นชิน หมื่นน้อยสาระ ก่อนออกเดินทาง ทั้ง 4 ท่าน ได้มากราบไหว้พระพุทธรูป และยกหินเสี่ยงทาย อธิษฐานขอให้รบชนะ และก็ประสบความสำเร็จขับไล่พม่า ฆ่าเจ้ามหายศตาย ต่อมาก็ได้รับการยอมรับ และสถาปนาเป็นพระยาสุลวะลือไชย เสวยราชสมบัติ เป็นเจ้าเมือง เมื่อพ.ศ. 2275 – 2302 เป็นเวลารวม 27 ปี ถึงแก่พิราลัย
ด้วยเหตุนี้ หินเสี่ยงทาย ก้อนนี้ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งของจังหวัดลำปาง ที่ช่วยให้บ้านเมืองสงบสุข จึงควรแก่การศึกษา และอนุรักษ์ เป็นของดีนครลำปาง สืบไป