๑. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
จากสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบสภาพปัญหาทางการเรียนด้านนักเรียนพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบเรียนคณิตศาสตร์ไม่กล้าแสดงออก ขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณและการแก้โจทย์ปัญหา เรื่องอสมการ กิจกรรมการเรียนการสอนเน้นเนื้อหามากกว่าทักษะกระบวนการคิดคำนวณและแก้ปัญหา นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้น้อย ขาดทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม จึงส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ไม่บรรลุผลเป็นที่น่าพอใจ เห็นได้จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนค่อนข้างต่ำ มีค่าเฉลี่ย ร้อยละ ๔๑.๐๗ (ร้อยละของนักเรียนที่ได้ระดับดีขึ้นไป รายงานการประเมินตนเอง โรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์, ๒๕๖๖)
ครูผู้สอนได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวว่าควรได้รับการแก้ไข โดยการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ เพราะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและเป็นผู้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง เกิดทักษะในการแก้ปัญหา เกิดทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ส่งผลให้คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ด้วยเหตุผลดังกล่าว ครูผู้สอนจึงสนใจที่จะพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา เพื่อวัดผลทักษะการคิดคำนวณและการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง อสมการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ทักษะการทำงานเป็นทีม และความพึงพอใจที่มีต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาต่อไป
๒. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
๑. ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
๒. ศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน
๓. ร่วมกับการใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในโรงเรียนเป็นแนวทางในการพัฒนาและแก้ปัญหาดังกล่าว
๔. วิเคราะห์เนื้อหาสาระการเรียนรู้เรื่อง อสมการ และรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบชิปปา (CIPPA Model)
๕. สร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ โดยกำหนดเนื้อหาที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ กำหนดโครงร่างองค์ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งใช้แนวคิดตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา ประกอบด้วย ๗ ขั้นตอน คือ
๕.๑ ขั้นทบทวนความรู้เดิม หมายถึง การดึงความรู้เดิมของนักเรียนในเรื่องที่จะเรียนเพื่อช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมในการเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมของตน
๕.๒ ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ หมายถึง การแสวงหาความรู้ใหม่ของนักเรียนจากแหล่งข้อมูลหรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ
๕.๓ ขั้นศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม หมายถึง นักเรียนจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อมูล/ความรู้ที่หามาได้นักเรียนจะ
ต้องสร้างความหมายของข้อมูล/ประสบการณ์การใหม่ๆ โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ ด้วยตนเอง
๕.๔ ขั้นแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม หมายถึง นักเรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตน รวมทั้งขยายความรู้ความเข้าใจของตนให้
กว้างขึ้น
๕.๕ ขั้นสรุปและจัดเรียบเรียงความรู้ หมายถึง การสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมด ทั้งความรู้เดิมและความรู้ใหม่และจัดสิ่งที่เรียนให้เป็นระบบระเบียบ
๕.๖ ขั้นแสดงผลงาน หมายถึง นักเรียนได้แสดงผลงานการสร้างความรู้ของตนให้ผู้อื่นรับรู้
๕.๗ ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ หมายถึง การให้นักเรียนได้ฝึกฝนการนำความรู้ ความเข้าใจของตนไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย
๖. จัดทำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา เรื่อง อสมการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ มีทั้งหมดจำนวน ๓ ชุด ดังนี้
๖.๑ อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
๖.๒ การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
๖.๓ โจทย์ปัญหาอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
๗. นำไปใช้จัดการเรียนรู้ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑
๘. การทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อสมการ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ จำนวน ๑๕ คน ก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน
๙. บันทึกผลการเรียนรูของนักเรียนที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สะท้อนผลการเรียนรู้รายงานผลการพัฒนานวัตกรรม การนำไปใช้เพื่อปรับปรุง พัฒนานวัตกรรมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ผลลัพธ์เชิงปริมาณ
ผลลัพธ์เชิงคุณภาพ
๑. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ ร้อยละ ๗๐ มีทักษะการคิดคำนวณและการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง อสมการ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
๒. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ มีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามหลักการแนวคิดของโมเดลซิปปา เรื่อง อสมการ ในระดับมาก
ประมวลภาพกิจกรรม