วิธีดูแลรอยดำจากสิวให้จางลง

การเป็นสิวว่ารักษายากแล้ว แต่รอยสิว รอยดำ รักษายากยิ่งกว่า ซึ่งเป็นปัญหาบนใบหน้าของหนุ่มสาวทุกคนที่ต้องพบเจอ คือ "สิว" แถมตอนสิวหายก็ชอบทิ้งร่องรอยและแผลเป็นเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ซึ่งนั่นก็คือรอยดำนั่นเอง วันนี้เราได้รวบรวมวิธีรักษารอยสิว ลดรอยดำจากสิว เพื่อสร้างความมั่นใจกลับคืนมาให้ทุกคน ให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนไร้รอยสิว

รอยสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อพูดถึงปัญหารอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิว การป้องกันรอยสิวเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการรักษารอยสิวที่เป็นรอยแดงและรอยดำ เพราะเมื่อเป็นแล้วยากที่จะหายและอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง เพราะต้องพึ่งการรักษาหลากหลายวิธี เช่น เลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือ กรอผิว เพราะฉะนั้นการป้องกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่าการมาแก้ปัญหาในภายหลัง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับรักษารอยสิว ลดรอยสิว

  1. อย่าไปแคะ แกะ หรือบีบสิว : การแคะ แกะ บีบสิว เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมากในการรักษารอยสิว เพราะการบีบสิว แกะสิวเอง การทำแบบนี้คือการไปกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น และหากมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการอักเสบของสิวจนเป็นสาเหตุของการเกิดหลุมสิวและรอยสิวได้ ยิ่งทำให้วิธีการรักษารอยสิวสามารถรักษายากและใช้เวลานานขึ้นไปอีก

  2. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ออกฤทธิ์แรง : อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ออกฤทธิ์รุนแรงเกินไป หรือขัดถูบริเวณที่อักเสบมากจนเกินไป เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นอาการอักเสบ และอาจทำให้เวลาที่สิวอักเสบหายแล้วอาจเกิดเป็นรอยสิวหรือหลุมสิวได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์รักษารอยสิวหรือลดรอยสิวโดยเฉพาะ

  3. อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง : ข้อนี้เป็นอีกข้อที่สำคัญอย่างมาก เพราะการที่ปล่อยให้ผิวหนังแห้งนอกจากจะทำให้เกิดริ้วรอยแล้ว คนที่มีผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำจะยิ่งทำให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันออกมามาก ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ซึ่งหากจะบำรุงผิวหน้าและรักษารอยสิวให้เห็นผลได้ดียิ่งขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และหมั่นบำรุงผิวอยู่เสมออย่าปล่อยให้ผิวขาดน้ำเป็นอันขาด

  4. ใช้ครีมกันแดดทุกครั้ง : เรื่องแสงแดดเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนมองข้ามกันอย่างแน่นอน เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดรอยแดง รอยดำเพิ่มมากขึ้น และในบริเวณที่เป็นรอยสิวที่เพิ่งเกิดขึ้นแสงแดด อาจทำให้บริเวณรอยสิวเกิดเป็นรอยดำได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นวิธีรักษารอยสิวหรือรอยดำอาจต้องใช้เวลาในการรักษา หรือต้องใช้ครีมรักษารอยสิวที่นานขึ้นไปอีก

  5. อย่ากลัวที่จะปรึกษาแพทย์ด้านผิวหนัง : หากเริ่มรักษารอยสิวหรือเริ่มใช้ยาลดรอยสิว ครีมรักษารอยสิวช่วยในการรักษารอยสิว ควรพบแพทย์หรือปรึกษาก่อน เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษารอยสิว ลดรอยสิว และการดูแลผิวที่ถูกต้อง และเพื่อให้การใช้ยาลดรอยสิวหรือครีมรักษารอยสิวเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งที่จะตัดสินใจใช้ยาหรือครีมในการรักษารอยสิว

วิธีลดรอยสิว รอยดำ เปลี่ยนหน้าสิวเป็นหน้าใส

วิธีที่ 1 กินวิตามิน : สำหรับคนที่ไม่ชอบทาครีมหรือทายาลดรอยใด ๆ การกินวิตามินเสริมที่ช่วยในการลดรอยสิวให้หน้าขาวใสก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ แต่การกินวิตามินอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลอย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องกินเป็นประจำต่อเนื่องจึงจะเห็นผลชัดที่สุด ซึ่งวิตามินที่ช่วยในการลดรอยสิวก็ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี โดยวิตามินเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไป มีหลากหลายยี่ห้อทั้งไทยและนอก ถ้าจะให้ดีควรศึกษาข้อมูลการกินที่ถูกต้องก่อนเลือกซื้อจะดีที่สุดค่า ขอแนะนำ 5 วิตามิน ลดสิว ลดรอย

    • NutriVa AC For Acne

    • VISTRA Gotu Kola Extract plus Zinc

    • Blackmores Grape Seed Forte 12000

    • Blackmores Bio Zinc

    • Soniya Dietary Supplement

วิธีที่ 2 ทายาลดรอยสิว : วิธีนี้เป็นวิธีง่าย ๆ สำหรับใครที่ต้องการให้รอยสิวหายไว ๆ ค่ะ ซึ่งยาในกลุ่มลดรอยสิว ก็มีหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Mederma, Hiru Scar, Puricas, Medmaker, Smooth E Cream โดยควรทาเป็นประจำเช้า-เย็น แต่ทายาลดรอยสิวแล้ว อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้รอยดำ รอยแดงเข้มกว่าเดิม และหายช้ามากขึ้นไปอีก

วิธีที่ 3 ทาเจลว่านหางจระเข้ : เจลว่านหางจระเข้เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยรักษาสิวได้ดี จะสิวอักเสบ รอยสิว รอยดำ รอยแดง ก็สามารถจัดการได้ ซึ่งถ้าใครไม่สามารถหาว่านหางจระเข้สดได้ ก็มีเจลว่านหางจระเข้เกือบ 100% ให้เลือกซื้อหลากหลายแบรนด์ค่ะ สำหรับใครที่ผิวแพ้ง่าย แนะนำว่าให้เลือกซื้อแบบที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์จะดีต่อผิวหน้าที่สุดค่า

วิธีที่ 4 ดื่มน้ำมะเขือเทศ : หลายคนคงเคยเห็นฮาวทูลดรอยสิวด้วยน้ำมะเขือเทศต่าง ๆ กันมาบ้างแล้ว เหตุผลที่น้ำมะเขือเทศช่วยเรื่องรอยดำจากสิวได้นั่น ก็เพราะในมะเขือเทศสีแดงมีไลโคปีน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอย และช่วยลดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซ่อมแซมตัวเองได้เร็ว และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น กินประจำทุกวันทำให้ผิวดีขึ้น รอยสิวจางลงแน่นอน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหน่อยค่ะ การกินน้ำมะเขือเทศเพื่อผิวพรรณจะเห็นผลที่ชัดเจนไม่มากนัก แต่ช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิวในระยะยาวได้ดีงามสุด ๆ เลยล่ะค่ะ

วิธีที่ 5 สครับหน้า : การสครับหน้าจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพเหล่านั้นออกไป ทำให้สีผิวสม่ำเสมอกัน โดยวิธีทำสครับก็ไม่ยาก วันนี้เราก็มีสูตรสมุนไพรแก้รอยดำมาแนะนำให้ได้ทำตามกันง่าย ๆ

  • สูตรน้ำตาลทรายแดง + โยเกิร์ต + น้ำมะนาว : สูตรนี้เป็นสูตรที่ไม่แรงมากเกินไป น้ำตาลทรายแดงจะช่วยสครับผิวที่เสื่อมสภาพออก โดยไม่บาดผิวเพราะระหว่างที่เราทำการสครับหน้า น้ำตาลจะค่อย ๆ ละลายไปด้วย จึงเหมาะกับการสครับหน้ามาก ๆ ซึ่งก็มีตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง “ โยเกิร์ต ” ที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว แถมช่วยกระชับรูขุมขนได้ โดยสูตรนี้ยังมีน้ำมะนาวมาช่วยลดความมัน
    วิธีทำคือ นำ 3 อย่างมาผสมให้เข้ากัน แล้วมานวดบนหน้าเป็นวงกลมเบา ๆ ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

  • สูตรแตงกวา + มะนาว + น้ำผึ้ง : สูตรนี้เป็นสูตรที่ผสานพลังระหว่าง "แตงกวา" ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดความมัน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ส่วนมะนาวก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้จุดด่างดำลดเลือนลง "น้ำผึ้ง" ก็ช่วยสมานผิว และฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ บนผิวหน้า
    วิธีทำคือ เอาแตงกวามาปอกเปลือก ล้าง แล้วปั่น คั้นเอาแต่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันแล้วนำมาทาบนหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ควรทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะเห็นผลได้ว่าจุดด่างดำลดลงจริง

  • สูตรมาสก์มะขามเปียก + น้ำผึ้ง + นมสด : สูตรนี้ให้นำเอาน้ำมะขามเปียก มาผสมกับน้ำผึ้งและนมสด สัดส่วน 1 : 1 : 1 ผสมจนเข้ากันดีแล้วก็ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วไปล้างออก ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้จุดด่างดำจากสิวลดเลือนลงได้ แถมยังช่วยให้ผิวหน้าสว่างใสมากขึ้น

  • สูตรว่านหางจระเข้ + มะนาว : ว่านหางจระเข้ ขึ้นชื่อว่าเป็น "สมุนไพร" ที่สามารถช่วยลดรอยแผลเป็นและรอยดำต่าง ๆ ได้ดี มีคุณสมบัติลดน้ำหนักต้านการอักเสบของผิว ลดอาการแสบร้อนจากแสงแดด ช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส ชุ่มชื่น และมีส่วนช่วยในการลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน เมื่อบวกกับน้ำมะนาวที่มีกรดตามธรรมชาติจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน
    วิธีทำ คือ นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกเอาแต่วุ้นขาว ๆ ล้างเมือกใสออกให้หมด ตักมา 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาบดละเอียดแล้วเติมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก สามารถทำได้ทุกวัน หรือวันเว้นวัน ทำต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเริ่มสังเกตเห็นว่ารอยดำ กระ จุดด่างดำค่อย ๆ จางลง

  • วิธีที่ 6 มาส์กหน้าเป็นประจำ : การมาส์กหน้าด้วยแผ่นมาส์กไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้หน้านุ่มชุ่มชื่นขึ้นเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีบางตัวบางสูตรที่ช่วยในเรื่องของการลดรอยสิวได้ด้วย ซึ่งการเลือกซื้อแผ่นมาส์กหน้าก็แนะนำให้เลือกซื้อแบบที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์เช่นกันค่ะ เพื่อป้องกันการแพ้
    นอกจากการมาส์กหน้าด้วยแผ่นมาส์กหน้าแล้ว การใช้สมุนไพรไทย ๆ ของบ้านเรามามาส์กหน้าก็ช่วยได้ดีเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแตงกวา หอมแดง มะละกอ น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง ซึ่งสรรพคุณของสมุนไพรไทยก็มีทั้งช่วยลดสิวอักเสบ ช่วยรักษาจุดด่างดำ และลดผิวที่ดำคล้ำ แนะนำให้มาส์กครั้งละประมาณ 20 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้งค่ะ

อย่างไรก็ตาม วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ขอย้ำเลยว่าผิวหน้าของแต่ละคนมีสภาพผิวไม่เหมือนกัน ดังนั้นบางวิธีอาจได้ผลกับบางคน บางวิธีอาจไม่ได้ผลก็ต้องลองเปลี่ยนดูให้เข้ากับตัวเองที่สุด เมื่อสิวขึ้นและหายเรียบร้อยแล้วทิ้งรอยดำ รอยสิวไว้ต่างหน้า ต้องรีบจัดการทันทีทันใด ไม่ใช่ปล่อยรอยทิ้งเอาไว้นะคะ เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ยิ่งรักษายากขึ้น แต่รับรองว่าทำตามวิธีข้างต้นจะดีขึ้นแน่นอน สำหรับใครที่อดทนรอนาน ๆ ไม่ไหว หรือมีรอยสิวที่ไม่ยอมจางลงเสียที ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้คุณจัดการปัญหานี้ได้ ด้วยบริการเลเซอร์รอยสิวที่จะช่วยทำให้รอยที่เคยมีแลดูจางและหายไปได้