วิธีเลือกซื้อครีมกันแดดให้เหมาะสม

เชื่อว่าสาว ๆ ทุกคน ก่อนออกจากบ้านต้องทา "ครีมกันแดด" เพื่อป้องกันแสงแดดที่มาทำร้ายผิวหน้าของเราใช่ไหมคะ ก็แหม!! แดดบ้านเรามันร้อนแรงขนาดนี้ ถ้าไม่มีตัวช่วยปกป้องผิวแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าไหม้ค่ะ หน้าหมองคล้ำดำแดด หรือเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำชัวร์ ซึ่งในครีมกันแดดที่ทุกคนก็ใช้มักจะมีอักษร "SPF" แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร และมีผลในการปกป้องแสงแดดได้อย่างไร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าแสงแดดที่ส่องลงมาบนพื้นโลกประกอบด้วยคลื่นแสงมากมาย แต่ที่มีผลกระทบกับผิวมนุษย์มากที่สุด คือ รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet ray, UV) ซึ่งมีปริมาณร้อยละ 10 ในแสงแดด แบ่งเป็นรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด A (UVA) ร้อยละ 9.5 และรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด B (UVB) ร้อยละ 0.5 ซึ่งสาว ๆ ควรทา "ครีมกันแดด" ที่ระบุค่า "SPF" เพื่อช่วยป้องกันแดดทำร้ายผิวได้ยาวนาน

วิธีดูค่าครีมกันแดด

SPF คือ Sun Protecting Factor ความสามารถของครีมกันแดดที่ทาผิวแล้ว เป็นค่าที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนเท่าตัวของค่าการทนแสงแดดได้ในผิวหนังที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด (โดยค่าปกติที่เราจะทนแดดอยู่ที่ 15 นาที) SPF บ่งบอกประสิทธิภาพการกันรังสี UVB เท่านั้น

  • SPF 15 = 15*15 = 200 นาที ประมาณ 3 ชัั่วโมง

  • SPF 30 = 30*15 = 450 นาที ประมาณ 7 ชัั่วโมง

  • SPF 50 = 50*15 = 750 นาที ประมาณ 12 ชัั่วโมง

ค่า SPF ที่ระบุจะน้อยหรือมากเท่าใด ก็ไม่ได้สามารถกรองหรือป้องกันรังสี UV ได้ 100%

PA คือ Protection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสี UVA อย่างไม่เป็นทางการ

ค่า PA นั้นจะมี 3 ระดับ ดังนี้

  • PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA

  • PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง

  • PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด

รังสี UV มีผลต่อผิวยังไง

แสงแดดเป็นอันตรายต่อผิวหนัง เนื่องจากแสงแดดมีทั้งรังสี UVA UVB

  • UVA : ทำให้เกิดความหมองคล้ำ กระ และฝ้า ผิวหนังเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย

  • UVB : ทำให้ผิวหนังเเกิดอาการแสบร้อนและไหม้ โดยเฉพาะผู้แพ้แสงแดดง่าย หรือมีการตากแดดเป็นเวลานาน

เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า

ในการเลือกครีมกันแดด คุณควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB เพื่อทำให้ผิวของเราไม่ได้รับการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด โดยสภาพผิวแต่ละประเภทควรเลือกครีมให้เหมาะสมดังนี้

  1. ผิวมัน : เหมาะกับครีมกันแดดที่เนื้อบางเบา เป็นเนื้อน้ำที่ซึมเข้าผิวง่าย ไม่อุดตัน

  2. ผิวแห้ง : ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นเนื้อครีม จะทำให้หน้าไม่แห้งตึงและเป็นขุย

  3. ผิวแพ้ง่าย : เหมาะกับครีมกันแดดที่เป็นเนื้อบางเบา เป็นเนื้อเซรั่มหรือสเปรย์ เลือกค่า SPF สูง ๆ เพราะผิวที่บอบบางมากจะมีปฏิกิริยาไวต่อแสงแดดมากกว่าผิวชนิดอื่น

กันแดดแบบกันน้ำ

ผลิตภัณฑ์กันแดดบางชนิด ระบุคุณลักษณะพิเศษในการกันน้ำ (water resistance) เพื่อแสดงให้ผู้บริโภคทราบว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดประเภทนี้ยังคงสภาพ SPF ตามที่กำหนดแม้เมื่อต้องเปียกน้ำ ซึ่งความสามารถในการกันน้ำ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ

  1. Water resistance product คือ สามารถคงสภาพ SPF ได้ หลังจากแช่น้ำนาน 40 นาที

  2. Very water resistance product คือ สามารถคงสภาพ SPF ได้ หลังจากแช่น้ำนาน 80 นาที

ขั้นตอนการทาครีมยังไงให้ถูกต้อง

  1. ทาครีมรักษา เช่น ครีมรักษาสิว ฝ้า กระ ลงบนผิวที่ล้างสะอาดแล้วก่อน

  2. ทาครีมบำรุง เช่น เซรั่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ต่าง ๆ ตามหลังครีมรักษาไป

  3. ทาครีมป้องกันอย่างครีมกันแดดเป็นตัวปิดท้ายก่อนแต่งหน้า

สำหรับการทาครีมกันแดด ควรทาให้ทั่วใบหน้าและใบหูทั้ง 2 ข้าง ควรทาก่อนออกแดด 30 นาที สำหรับผิวกายควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือทาซ้ำทันทีหลังจากที่เหงื่อออกหรือขึ้นจากสระว่ายน้ำ สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ พอทาครีมกันแดดแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงการออกกลางแดดจัด ๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าทาแล้วจะอยู่กลางแดดเท่าไหร่ก็ได้นะจ้ะ

ทริคการเลือกครีมกันแดด

  • เช็คค่า SPF : โดยปกติเวลาเลือกครีมกันแดด เราก็มักจะดูค่า SPF กันก่อนอยู่แล้ว ค่านี้จะบอกระยะเวลาที่ผิวสามารถทนแสงแดดได้ เช่น SPF50 จากปกติที่เคยทนแดดได้ประมาณ 15 นาที ก็จะทนได้ 50 x 15 = 750 นาทีค่ะ (แต่ก็แนะนำให้ทาซ้ำบ่อย ๆ ระหว่างวันนะ)

  • เช็คค่า PA : ค่า PA จะวัดกันที่ความแรงของแสงแดด โดยค่าสูงสุดตอนนี้คือ PA++++ สำหรับคนทำกิจกรรมกลางแจ้ง ดังนั้นใครที่ไม่ได้โดนแดดจ้าขนาดนั้นก็สามารถลด PA ลงได้นะ

  • เช็คประเภทครีมกันแดด : เพราะครีมกันแดดจะมีทั้งแบบ Physical และ Chemical ซึ่งป้องกันแดดด้วยวิธีต่างกัน โดยแบบแรกจะเหนียวกว่าแต่ไม่ทำร้ายผิว ส่วนแบบที่สองจะไม่เหนียวเท่าแบบแรกแต่บางคนอาจแพ้สารเคมีได้ค่ะ

  • สภาพผิวกับครีมกันแดด : เพราะครีมกันแดดมีเนื้อสัมผัสหลายแบบทั้งเจล ครีม ฟองน้ำนม สเปรย์ ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา ให้สามารถใช้ได้อย่างสบายผิว และไม่เกิดอาการแพ้ค่ะ

สำหรับคนที่มีผิวค่อนข้างมันหรือเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เป็นเนื้อโลชั่นหรือเจลจะเหมาะสมกว่า เพราะไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ ส่วนคนที่มีผิวแห้งควรเลือกใช้ชนิดครีม เพราะครีมมีส่วนที่เป็นน้ำมันช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และไม่ควรใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งและเกิดผื่นแพ้ได้ง่าย

สำหรับท่านใดที่โดนแดดเป็นประจำและป้องกันผิวไม่ทัน จนทำให้ผิวเกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ต้องการได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพื่อฟื้นคืนสภาพผิวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการเลเซอร์กระซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของการแก้ปัญหาอย่างเห็นผลที่นิยมทำกัน